Mesa Boogie Rosette 300
ชื่อเสียงดั้งเดิม บางทีก็เป็นดาบสองคม พูดถึงแอมป์กีตาร์ โดยเฉพาะสายร็อค หรือเมทัล ที่ถูกจัดให้อยู่ต้นๆ ของโลก Mesa Boogie คือชื่อนั้นไม่ต้องสงสัย เสียงของแอมป์ที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะเสียง Low ที่หนักแน่น เป็นที่ไว้ใจของมือกีตาร์สายร็อค สายเมทัล และนักปั่นระดับซุปเปอร์สตาร์มากมาย เอาง่ายที่ทุกคนรู้จักกันดีก็อย่าง John Petrucci, Andy Timmons, Mark Tremonti คนเหล่านี้ต่างไว้วางใจใน Mesa Boogie นี่คือแบรนด์ระดับโลก เมื่อพูดถึงแอมป์กีตาร์ไฟฟ้า อย่างแท้จริง อันนี้เราคงไม่ต้องสงสัยอะไรกันแล้ว เพียงแต่…..
Rename
Mesa Boogie ในแวดวงแอมป์กีตาร์ไฟฟ้า คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แต่การอยู่เฉยๆ ชื่นชมความสำเร็จเดิมๆ มันคงไม่ท้าทายสักเท่าไหร่ และการออกจากกรอบเดิมๆ จะทำให้ เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างน้อยถ้ามันไม่สำเร็จ ก็ทำให้รู้ว่ามีทางที่ไม่ควรเข้ามาอยู่เหมือนกัน เราคุ้นเคยกับเสียงหนักๆ แบบ Mesa Boogie ดีอยู่ แล้ว เสียงสไตล์ Vintage ก็พอจะมี แอมป์แบบที่ไม่ได้ใช้ในแนวร็อคอย่างเดียว Mesa Boogie ก็มีอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ เมื่อ Mesa Boogie เลือกที่จะมาลงที่แอมป์อะคูสติก ใช่ ฟังไม่ผิดหรอนี่คือแอมป์กีตาร์อะคูสติกของ Mesa Boogie เอาล่ะมาดูว่าเจ้าแห่งแอมป์ร็อค จะทำแอมป์อะคูสติก ออกมาเป็นอย่างไร
Mesa Boogie Rosette 300
สเปกของ แอมป์ตัวนี้ เป็นแอมป์แบบ 300W Class D มี 2 Channels ด้าน Channel 1 จะเป็นไมค์ร้องกับกีตาร์ (หรือเครื่องสายอื่นที่ติด Pickup) มีสวิตช์เลือกว่าจะใช้อะไร ส่วน Channel 2 เป็นกีตาร์อย่างเดียว นอกนั้นจะคล้ายกัน สามารถเลือกที่จะ Mute หรือ เปิด ได้ มีสวิตช์สำหรับกลับ Phase ไว้คุมพวก Feedback ส่วนเบสิก EQ จะคล้ายๆ กัน มี ระดับ Gain ของสัญญาณ Input ปุ่ม FX Send ปุ่มปรับ Hi Pass Filter, Bass, ปุ่มคุม Low Mid คุม Gain กับ Freq เช่นเดียวกับ High Mid และ ปุ่ม Treble มี เอฟเฟ็กต์ให้เลือก 3 แบบ คือ Reverb Chorus, Room Reverb, Hall Reverb ปุ่มปรับค่า เอฟเฟ็กต์ 3 ปุ่ม ปุ่ม FX Master แล้วก๋ Master รวม ด้านหลัง มี สวิตช์ เปิด ปิด ช่องเสียบ Speaker Out สามารถคุมระดับเสียงของ Tweeter ได้ มีช่องเสียบ Headphone, Footswitch และพวก FX เพื่อ Send Return และภาคของ D.I. ด้วย สามารถส่งรวม 1-2 หรือแยกไปก็ได้
Analyze : แอมป์อะคูสติก โดย Mesa Boogie มาดูสิว่าจะออกมาเป็นยังไง
Test
เราลองใช้กีตาร์ Taylor เพื่อเล่นแอมป์ตัวนี้ เริ่มจากดูงานรวมๆ ก่อน สิ่งที่เห็นอย่างแรกที่ทำให้ทุกท่านอุทานก็คือ ปุ่มปรับมันเยอะจังวะ ใจเย็นๆ นะจ๊ะ ลองขยี้ตาอีกที มันเยอะจริง แต่ไม่ถึงกับซับซ้อน เจ้าแอมป์ตัวนี้น่าจะต่อยอดมาจาก DI ชื่อเดียวกัน เอาล่ะมาดูที่แอมป์กันต่อ เราจะเห็นว่าตัว Input จะเขียนว่า Pickup ก็คือ เราสามารถใช้เครื่องดนตรีอื่น ที่ติด Pickup ได้นั่นเอง ไม่ใช่กีตาร์อย่างเดียว (พิณ ก็ได้) มาถึงจุดเด่นแรกของแอมป์ตัวนี้นั่นคือ EQ เราจะเห็นว่าเราสามารถปรับละเอียดได้ตรง Low Mid และ High Mid ซึ่งตรงนี้จะมีให้ปรับ 2 แบบ คือค่าของตัวเสียง กับความถี่เพื่อไม่ให้เกิด Feedback (ซึ่งจริงๆ ก็มี Hi Pass Filter ดักมาก่อนแล้วด้วย) นี่คือความละเอียดอันแรก อันต่อมาก็เอฟเฟ็กต์ 3 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มี 3 Parameter ให้ปรับค่า รวมถึงโทนของเสียงเอฟเฟ็กต์ด้วย ถัดมาด้านหลังก็จะเห็นว่า มีพวกที่จะส่ง Line Out ออกไปมากมาย ทั้งพวก FX Loop ต่างๆ ที่ค่อนข้างละเอียด สรุปความได้ว่า เรื่องย่านเสียง สัญญาณต่างๆ ไม่ต้องห่วง การใช้งานละเอียด ยิบ แต่เรามีข้อสังเกตมา อย่างแรก แม้จะมีปุ่มปรับเยอะ แต่สำหรับแอมป์อะคูสติก อาจจะเกินความจำเป็นหรือเปล่า แล้วด้วยการปรับย่านที่ละเอียด แน่นอนมันดูเหมาะกับมืออาชีพมากกว่า ถัดมาเรื่องโทนเสียง Mesa Boogie ก็คือ Mesa Boogie โทนคาแร็กเตอร์แบบ Mid Low มีเยอะ ซึ่งถ้ากีตาร์ที่เล่นฟิงเกอร์สไตล์ ที่ชอบเล่นดร็อปสายบน เป็นเสียงต่ำๆ อาจจะชอบ แต่คนที่ดีด สตรัมแรงๆ ดิบ ชอบเสียงแหลม แข็งๆ ใสๆ อาจจะไม่ใช่ ในแง่ของการใช้งานด้วยความที่เป็นแอมป์ที่ค่อนข้างใหญ่ การแบกไปเล่นแต่ละที่น่าจะลำบาก การใช้งานที่ดูเหมาะกับ การไลฟ์ในสตูดิโอมากกว่า ด้วยการเก็บ ตัดขอบ ย่านเสียงต่างๆ ด้วยปุ่มปรับต่างๆ ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทำให้ได้เสียงที่เที่ยงตรงมากๆ จน อาจจะแข็งไปนิด เสียธรรมชาติความไม่สมบูรณ์ของอะคูสติกไปบ้าง ดังนั้นสรุปได้ว่า แอมป์อะคูสติกตัวนี้ มันสมบูรณ์แบบมาก จนมากเกินไปนิด สำหรับการเฟอร์ฟอร์ม อาจจะเป็นฟังก์ชั่นที่มากเกินไป แต่สำหรับงานสตูดิโอ หรือคนที่เป็นศิลปิน แล้วเล่นสดต้องการเสียงที่เที่ยงตรง ย่านสมบูรณ์แบบจริงๆ นี่คือ ตัวเลือกที่เยี่ยมเลย แต่ถ้าเป็นนักดนตรีทั่วไป ก็ดูว่าจะเกินจำเป็นสักหน่อย
Made For : อะคูสติกสตูดิโอ
Quality : **** งานละเอียด คุณภาพดี
Price : 43,000 โดยประมาณ
Contact : Music Collection สำนักงานใหญ่ 0-2876-4634