Band : if me not
แนวเพลง: Rock
นายภัคพล บุญมี(จั๊ส: Vocalist)
นายปฏิภาณ สุจริตรัสมี (กล้า : Guitarist)
นายธีรณพ เสริมเสนาบุญ (เอิร์ธBassist)
นาย ธนพงษ์ โชติช่วง (นุ๊ก: Drum)
ที่มาของวง
ภายหลังที่วงเก่าของกล้าได้จบลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทุ่มเทลงไปสลายไปทุกอย่าง แต่ด้วยความรักที่ยังมีอยู่กับดนตรี และความฝันที่ตั้งใจยังไปไม่ถึง กล้าจึงได้คิดที่จะทำวงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อที่เค้าคิดว่าจะใช้กับวงเก่าเมื่อประสพความสำเร็จแล้ว และจะเป็นชื่อสุดท้ายที่จะเป็นนามสกุลของเค้าในถนนสายดนตรี ซึ่งถ้าวงนี้จะต้องจบลงอีกครั้ง เขาก็จะไม่คิดที่จะเล่นดนตรีอีกต่อไป..
แต่ด้วยความที่กล้าอยากจะร่วมงานกับเพื่อนคนหนึ่งซักครั้ง และเพื่อนคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยตอนประกวดดนตรีกับวงเก่า และเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเค้าเสมอ กล้าจึงได้ชวน จั๊ส (ร้องนำ) เข้ามา และนั่นเองที่วง IFMENOT ได้เริ่มต้นขึ้น
ในช่วงเริ่มต้นของ IFMENOT ได้เริ่มจากการทำให้วงเป็นที่รู้จักโดยการนำเพลง Main Streams สากลของต่างประเทศ มาทำการ Re-Arrange ให้ออกมาในแนวเพลงที่ต่างไปจากของต้นฉบับ ในรูปแบบของ Electronic Rock
ซึ่งต่อมาในระยะเวลาไม่นานนัก IFMENOT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทางวงจึงได้เริ่มทำเพลงของตัวเองออกมา เพลงแรก กับเพลง “เมื่อวันที่เธอไม่อยู่” ซึ่งภายหลังจากเพลงแรกของวงได้ปล่อยออกมา วงก็ยิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
แต่ด้วยความที่ กล้า และจั๊ส โตมากับการเล่นดนตรี ซึ่งเป็นดนตรีจริงๆ ที่ได้อยู่บนเวที ที่ได้พบและสื่อสารกับคนฟัง ไม่ใช่แค่การทำเพลง อัดเพลง อยู่กับคอมพิวเตอร์ แล้วปล่อยเพลงให้คนอื่นได้ฟัง และเริ่มรู้สึกคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น กล้าจึงได้ชวน เอิร์ธ (เบส) เพื่อนที่เคยอยู่วงเดียวกับกล้าที่ได้จบไป และหาสมาชิกในส่วนยังขาดเพิ่มเติมเรื่อยมา จนได้ โต (Dj/Synth) และโอ๊ต (กลอง) มาเติมเต็มให้กับวง เพื่อที่วงจะสามารถสร้างความรู้สึกที่คนดนตรีทุกคนถวิลหาอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็คือ “การได้เล่นดนตรีจริงๆ” และ “การแสดงสด”
หลังจากการรวมตัวของสมาชิควงได้ครบ IFMENOT ก็ได้ผลิตผลงานออกมา ทั้งในส่วนของเพลงตัวเอง และงาน Re-Arrange ลงทาง YouTube Channel ของวงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการออกแสดงสด การไป Auditionในรายการและงานต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ IFMENOT และเพลงของวงเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกระแสคนฟังเพลงอย่างแพร่หลายมากขึ้น
ความหมายของชื่อวง(มองวงตัวเองเป็นอย่างไร)
แปลกันตรงๆ โดยไม่อิง Grammar ก็จะได้ความหมายออกมาว่า “ถ้า ฉัน ไม่…” ซึ่งเป็นความหมายที่ตรงตัวซึ่งแสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ที่ทำให้ IFMENOT ได้เกิดขึ้น เช่น ถ้าฉันไม่..ได้เป็นเพื่อนกับนาย วงนี้ก็คงไม่เกิด, ถ้าฉันไม่.. เล่นดนตรี พวกเราคงไม่ได้มาพบกัน, ถ้าฉันไม่..ทำอย่างนั้น…, ถ้าฉันไม่.. ฯลฯ วงนี้ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นมา เป็นต้น
ส่วนมุมมองที่พวกเรามีต่อวง พวกเราค่อนข้างรู้สึกดีกับวงของพวกเรามากๆ วงของพวกเราเริ่มต้นจากศูนย์ จากความรักในดนตรี จากความเป็นเพื่อน จากความเป็นพี่เป็นน้อง และถึงแม้ว่าอายุของวงจะยังไม่มาก แต่พวกเราก็ได้ผ่านอะไรด้วยกันมาค่อนข้างเยอะ จากมุมของเพื่อน ของพี่ และน้อง
พูดถึงเพลง “วันสุดท้าย” ความหมายที่มาที่ไปรูปแบบการทำงาน
เพลง “วันสุดท้าย” พูดถึงเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่ง ที่พร้อมจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตที่ตัวของเขามี ทั้งชีวิตที่เขาเหลืออยู่ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยได้ผ่านประสบการณ์เลวร้ายทั้งเรื่องชีวิตและเรื่องความรักจนทำให้เธอปิดกั้นตัวเองจากทุกๆ สิ่ง ตราบจน “วันสุดท้าย” ในชีวิตของเขา
ส่วนที่มาที่ไปเริ่มต้นมาจาก จั๊ส ได้แต่งดนตรีในส่วนของ Sound Electronic ไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ และได้ส่งมาให้ทุกคนในวงฟัง ซึ่งทุกคนในวงก็รู้สึกโอเคกับเพลงนี้ ทางวงจึงได้เริ่มดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่ยังขาดและเหลืออยู่ของเพลง เพื่อให้เพลงสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงดนตรีในชิ้นอื่นๆ กีตาร์ เบส กลอง รวมถึงรายละเอียดในส่วนของ Sound Electronic ที่ จั๊ส ได้เริ่มต้นไว้ และแต่งเนื้อเพลงโดยกล้า
รูปแบบการทำงานของ IFMENOT นั้น หลักๆจะมีคนขึ้นที่คอยขึ้นงานเพลงของวง คือ กล้า จั๊ส และโต
– จั๊ส และ โต จะขึ้นงานเพลงของวงในส่วนของ Sound Electronicและเมโลดี้ร้องซึ่งบางทีอาจจะขึ้นไว้บางท่อน หรือทั้งเพลง และจะส่งต่อไปยัง กล้า ซึ่งจะเป็นคนดูภาพรวมของเพลงนั้นๆ อีกที
– กล้า มีหน้าที่แต่งเนื้อเพลงของวง และจะขึ้นงานเพลงของวงในส่วนของเครื่องดนตรีอื่นๆ โดยเฉพาะ กีตาร์ กับ กลอง ซึ่งบางทีอาจจะขึ้นไว้บางท่อน หรือทั้งเพลง และจะส่งต่อไปยังสมาชิกแต่ละคน เพื่อให้เจ้าของตำแหน่งต่างๆ ได้ตรวจ หรือได้คิดลายดนตรีในส่วนของตัวเองอีกที
ช่องทางการติดตามผลงานเพิ่มเติม
Facebook: https://www.facebook.com/IFMENOT/?ref=br_rs