The New : Kwang AB Normal
“พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ” ใช่ นี่คือท่อนฮุคที่ทำให้เรารู้จักผู้ชายคนนี้ เป็นเวลาเนิ่นนาน ที่เรารู้จักนักร้องป็อปร็อคคนนี้ วันเวลาผ่านไป ความคิดที่แปลกแยก เริ่มก่อตัว ความดื้อของ (ศิริศิลป์ โชติวิจิตร) กวาง AB Normal มาถึงจุดที่หัวใจเขาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การออกผลงานเดี่ยว บ้านหลังใหม่สไตล์ ดนตรีใหม่ทุกอย่างเปลี่ยนไปจาก AB Normal รูปแบบเดิม นี่คือการทำงานที่ท้าทายมากๆ จากนักร้องร็อคคนนึง มาดูแนวคิดและเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กับ กวาง AB Normal ได้เลยครับ
เอาการเปลี่ยนแปลงก่อน ก็ถามพี่กวางเลย ว่าทำไมกลายเป็นศิลปินเดี่ยวซะแล้ว
กวาง : ต้องบอกว่ามันมาถึงจุดที่หลายๆ อย่างมันเจอกันพอดี อันแรกสัญญาผมหมด อันที่สองคือต้องตัดสินใจว่าจะทำเหมือนเดิมหรือทำตามแนวทางเราดี หลายอย่างต้องตัดสินใจเลย เราก็เลยตัดสินใจ ที่จะทำทางของตัวเอง มันมีอะไรอัดอั้นอยากให้หลายๆ คนเห็นซึ่งในรูปแบบเดิมไม่สามารถเอาออกมาได้ ก็เลยบอกกับเขาตรงๆ ว่าขอตัวมาทำเดี่ยวก็แล้วกัน จะได้ทำที่อยากทำจริง
การมาร่วมงานกับ genie
กวาง : genie เป็นบ้านหลังแรกของกวาง สมัยอัลบั้มแรกเลย ตอนนั้น Mad Cat ก็ในเครือ genie นี่แหละ ผมได้เจอพี่อุ๋ย (นภาพร อุชชิน) ตอนที่เขาจะทำคอนเสิร์ต Pack 4 ซึ่งก็คือ genie จัด เขาถามผมว่าสนใจเล่นไหม ผมก็ตอบตกลง ประจวบกับสัญญาผมจะหมดพอดี ก็เลยคุยสิ่งที่ผมอยากจะนำเสนอใหม่ไปด้วยเลย ซึ่งพอพี่นิครู้ (วิเชียร ฤกษ์ไพศาล) แกก็โอเค ทั้งหมดที่บอกมาเกิดขึ้นเร็วมาก โคตรเร็ว มันหนักที่ต้องตัดสินใจ เพราะเราต้องตัดสินใจตอน Pack 4 เลย ถ้าไม่ตัดสินใจคอนเสิร์ตล่มแน่เพราะ Pack 4 เป็น 3 คนไม่ได้ (หัวเราะ) ก็เลยตัดสินใจเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องชื่อก็ใช้กวาง AB Normal เพราะถึงจะบิดชื่อไป คนก็เรียกผมแบบนี้อยู่ดี ก็ไม่เปลี่ยนเลยจะดีกว่า
ดนตรีที่พลิกจากภาพเก่าๆ
กวาง : ใช่ครับ เปลี่ยนชุดใหญ่มาก ขนาดที่ว่าผมเป็นคนมั่นใจผลงานตัวเองมาก ยังไม่ค่อยแน่ใจเลย (หัวเราะ) ปกติผมจะไม่ค่อยกังวลเวลาปล่อยเพลงไปแล้ว แต่เพลงนี้ผมนั่งไล่อ่านคอมเม้นต์เป็นร้อยๆ คอมเม้นต์ เพราะมันใหม่ทั้งผมและคนฟัง ในบ้านเราเอง อิเล็กทรอนิกส์ ร็อคที่เครื่องเยอะแบบนี้ ยังไม่มีอันไหนชัดเจนขนาดนี้ ดังนั้นผมจึงแอบหวั่นๆ นิดหน่อย ซึ่งการใส่อะไรพวกนี้ลงมาผมวางไว้ตั้งแต่ 6-7 ปีที่แล้ว จะแอบใส่ในเพลงตลอด จนมางานนี้ได้ใช้เต็มๆ ที่สำคัญอีกอย่างการที่เราต้องนำเสนอไอเดียกับผู้ใหญ่ เพราะมันใหม่มาก ผมก็กลัวว่าจะโดนแบบ เฮ้ย! ไปทำเพลงแบบ พูดไม่ค่อยเก่งเถอะ ปรากฏผิดคาด พี่นิคบอกผมว่า “กวางถ้าจะทำแบบนี้ก็ไปให้สุดอย่าหันหลัง” ผมทำงานในวงการนี้มา 16 ปี และสัมภาษณ์กับ The Guitar Mag ทุกครั้ง ว่าอยากทำอะไรใหม่ๆ แต่ทุกครั้งมันติดกับกรอบคำว่า “ป็อป” ซึ่งผมก็อยากให้มันหลุดออกไปได้สักที และคราวนี้เป็นโอกาสดีที่สุดเพราะทุกคนหนุนผมสุดตัว
Oxygen เป็นพิษ
กวาง : เพลงที่แปลกและใหม่สำหรับผมขนาดนี้ ไม่กี่วันทะลุล้านวิว ผมโอเคกับมันมากเลยนะ ปลื้มเลย แน่นอนมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ผมอยากจะขอบคุณคนที่เปิดใจรับฟังนะครับ เพราะในทิศทางต่อจากนี้จะมีเพลงในสไตล์นี้ออกมาให้ฟังอีก ผมคงจะไม่หันหลังแล้ว การทำงานในเพลงนี้โคตรเหนื่อย (หัวเราะ) ผมคิดมาตลอดว่าการเป็นศิลปินออกเดี่ยวมันจะง่าย รอร้องอย่างเดียว ปรากฏว่าไม่ใช่เลย ด้วยเพลงที่มันมีคอนเซ็ปต์ตัวเพลงและภาพที่ชัด การทำงานต้องเสียเวลากับการเลือกซาวด์ ต้องมานั่งเลือก ทำให้กลับไปสู่ยุคการทำงานแบบบ่ายโมงวันนี้ จบบ่ายโมงอีกวัน (หัวเราะ) นั่งเบลอ นั่งเลือกซาวด์ มันไม่มีเรฟเฟอร์เรนซ์วงที่เป็นสไตล์นี้ เลยเสียเวลา เสียงเงินโดยใช่เหตุกับอุปกรณ์มากมาย (หัวเราะ) จนใช้เวลาทั้งหมด 5 เดือนจึงกลายเป็นเพลงนี้ ถ้านับชั่วโมงทำงาน เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำนานที่สุดในชีวิตผม
ความแตกต่างกับงานที่ผ่านมา
กวาง : เพลงนี้เราขึ้นโครงเพลงต่างๆ โดยใช้ซินธ์ฯ นำ คือผมลองเอากีตาร์ขึ้นเป็นโครงปรากฏว่ามันก็จะไปซ้ำเหมือนเดิม เราจะติดเมโลดี้ ติดอยู่กับทางคอร์ด แล้วก็จะเป็นวงดนตรีร็อคที่มีเสียงซินธ์ฯ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ เลยเปลี่บนรูปแบบการทำ ผมขึ้นโครงจากเครื่อง Machine Pad แล้วก็ค่อยเรียกคนอื่นมาช่วยกันทำเสียงกีตาร์ เบส กลอง หรือแม้แต่ซินธ์ฯ เอง ทุกอย่าง จะมี Layer มีเสียงที่ซ้อนกันเข้าไปอีก ต้องลองฟังกันดูครับ
เนื้อหาของเพลง
กวาง : แน่นอนว่าก็โคตรยากอีกเช่นกัน (หัวเราะ) คือพอดนตรีมาแบบนี้เนื้อเพลงจะมีแนวคิดแบบเดิมก็ไม่ได้อีก คือคำว่า “Oxygen เป็นพิษ” ผมไปสะดุดตอนเรียนดำน้ำ คือมันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ Oxygen ที่เราหายใจเข้าไป มันเป็นพิษได้ด้วย ซี่งมันมีจริงๆ นะครับ เวลาเราดำน้ำแล้วเจอแรงดันอากาศสูงๆ เลยมาลิงค์กับเรื่องความรัก บางทีการที่เราให้ความรักกันจนมากเกินไป มันกลายเป็นโทษกับเรา ทั้งๆ ที่ความรักเป็นสิ่งที่คนโหยหา เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่พอมีมากเกินไป ก็จะกลายเป็นโทษได้ เลยได้เป็นเนื้อเพลงขึ้นมา ผมจะขึ้นโครงเพลงไว้ก่อน แล้วไปอธิบายให้พี่แม็ค (ศรัณย์ วงศ์น้อย)เข้าใจในคอนเซ็ปต์ แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจหรอกครับ (หัวเราะ) คือมันเท่นะ แต่มันมึน ต้องแปลความออกมาก่อน เพลงนี้มี 5-6 เวอร์ชั่น ซึ่งจริงๆ พี่แม็คเนี่ยเป็นคนเขียนเพลงโคตรป็อป (หัวเราะ) แต่แกบอกงานนี้ได้ปล่อยของ ได้ทำบางอย่างที่อัดอั้นมานาน เลยแฮปปี้ อีกอย่างก็คือเมโลดี้ที่ผมทำมา ในวงก็บ่นว่า พี่ทำไมมึงทำเมโลดี้ยากจังวะ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายก็ออกมาทุกคนแฮปปี้กันหมดครับ
MV อลังการ
กวาง : 7 นาทีกว่า ต้องขอบคุณทาง genie เลยครับ ที่ลงทุนให้ผมขนาดนี้ (หัวเราะ) ตอนแรกสุดผมบอกพี่ที่ทำ MV ว่าอยากได้แบบหนังไซไฟ คือมันต้องเข้ากับเพลง ถ้า CG ไม่ถึงหนังไซไฟ ของผมจะกลายเป็นหนัง VCD เกรด C เกรด D ทันที (หัวเราะ) ตอนแรกผมขอดูทุกวัน จนสุดท้ายออกมา ผมพอใจทุกจุด โดยเฉพาะ Costume ชุดแพงมาก ปกติ ถ่าย MV เราจะได้ชุดกลับ อันนี้เขาขอชุดคืน (หัวเราะ) ที่ผมแฮปปี้มากๆ คือแม้กระทั่งพี่ Costume ยังพูดกับผมว่า พี่สนุกมากที่ได้ ปล่อยของในด้านชุดอะไรแบบนี้ เป็นโปรเจ็กต์ที่ทำให้ผมรู้สึกดี
The New AB Normal
กวาง : ตอนนี้ภาพของผมจะเป็นศิลปินเดี่ยวที่มีวง เหมือนพี่หนุ่มกะลา พี่ป้าง แต่ว่าวงที่มีจะต่างจากคนอื่นเพราะด้วยเครื่องไม้เครื่องมือมันถูกเซ็ตมาเฉพาะทาง ก็ต้องคัดคนที่เข้าใจกับงานด้วย มือกลองของผมเป็นพี่แสบ Hangman ซึ่งคนนี้เรื่องเฟอร์ฟอร์มหายห่วง พอได้พี่แสบมา แกก็แนะนำพี่แจ็ค Hangman มา ได้สองคนนี้มาผมก็อุ่นใจแล้ว มือเบสเป็นแบงค์วง Tazzmanian เก่า ซึ่งแบงค์เป็นมือเบสที่เก่งมาก ตอนหลังจะช่วยผมดูเรื่องทำเพลงด้วย มือซินธ์ฯ คือน้องดิว ซึ่งคนนี้ได้เพราะตอนออดิชั่น คนที่มาออฯ ยกคีย์บอร์ดสีดำมาหมด มีแต่ดิวที่เอาคีย์บอร์ดจิ๋ว 2 ตัว สีสันหวือหวามา ซึ่งก็ตอบโจทย์ในสิ่งที่เราจะทำ และก็สร้างปัญหาให้กับทีมเทคนิคเชี่ยนมากเพราะของเล่นมันเยอะ (หัวเราะ) เวลาไปทัวร์จะเปลี่ยนเครื่องตลอด และตัวผมก็จะเล่นเครื่อง Machine Pad ด้วย ดังนั้นทีมงานซาวด์เอ็นจิเนียร์ เราก็ต้องเอาคนใหม่ๆ เข้ามา จริงๆ เราเคยใช้พี่คนนึงที่เป็นซาวด์ฯ ระดับโปรฯ เลยนะ แต่บางทีเวลาไปทำซาวด์ฯ แล้ว เขาจะเพลย์เซฟให้ ซึ่งไม่ผิดนะครับ แต่ว่าบางครั้งพวกซาวด์ซินธ์ฯ เสียงแปลกๆ มันจะไม่โผล่ ดังนั้นเราก็ต้องหาซาวด์ฯ รุ่นใหม่ที่เข้าใจตรงจุดนี้ด้วย
ความคาดหวัง
กวาง : อย่างแรกเอาตัวเราสนุกเลย ซึ่งผ่านแล้วสำหรับข้อนี้ อย่างที่สองคืออยากให้คนฟังเปิดใจฟังเพลงแบบใหม่ที่แปลกหู แปลกตานิดนึง ตอนนี้ก็มีฟีดแบ็คที่ดี มีคนเข้าใจบ้างแล้ว ก็อยากจะเป็นต้นแบบให้น้องๆ ที่สนใจแนวนี้ สร้างงานสไตล์นี้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียใหม่ๆ
อุปกรณ์
กวาง : สำหรับตัวกวางเอง กวางจะใช้ เครื่อง Machine ตอนนี้กวางใช้อยู่ 3 ตัว เป็นตัวใหญ่สุดเป็น Machine Studio ไว้ทำงานที่บ้าน ตัวที่ทัวร์จะใช้ Machine MKII ตัวใหม่จะเป็น Machine Jam สามารถหาเอฟเฟ็กต์ต่างๆ หน้างานได้เลย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต้องขอบคุณ Pro Plug-In มากๆ ครับ (หัวเราะ) เพราะดนตรีที่ผมทำ มันต้องมีการลอง แล้วถ้าให้ผมไปซื้อทุกอย่าง ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน (หัวเราะ)
ฝาก
กวาง : การกลับมาครั้งนี้ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ทุกๆ คนที่ให้การตอบรับ และขอฝากเพลง Oxygen เป็นพิษ ไว้ด้วยครับ
Inspiration
หนุ่มร็อคที่ชื่อว่ากวาง AB Normal ได้พูดคุยกับพวกเราไปเรียบร้อยกับสิ่งใหม่ๆ ที่เขากำลังจะทำ ซึ่งในบทสัมภาษณ์เขาบอกว่าใช้เวลาในการเตรียมเปลี่ยนแปลงมา 5-6 ปี ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมา แรงบันดาลใจในการเปลี่ยนสไตล์ครั้งคือใคร ผลงานของศิลปินคนไหนที่ไปกระแทกใจพี่กวาง เรามาดูกันครับ
Skrillex : ผมเป็นมือกีตาร์มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่มือกีตาร์มืออาชีพ ดังนั้นเวลาเราคิดงานจากกีตาร์มันจะตัน ซึ่งจากจุดนี้ทำให้เราคิดว่าจะทำยังไงดี มันคาใจมาก ก็เลยต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ เลยหาเพลงฟังจนได้มาฟัง Skrillex นี่แหละ ที่เปิดโลกเลย สมัยนี้ทำเพลงแบบไม่ต้องมีคีย์ก็ได้ แต่มันส์มาก เพลงช้าทำไมโยกหัวได้ วิธีเพอร์ฟอร์มก็มันส์ แล้ววิถีทางของเค้าก็คล้ายๆ เราจากนักร้อง มาเป็น DJ แล้วก็เป็นคนดื้อ สมัยแรกๆ เขายัดโชว์ ดีเจแบบนี้ตอนที่เขาโชว์กับวง ซึ่งคนก็งง สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาได้รางวัล Grammy Awards ซึ่งเจ๋งมาก เขาจะคล้ายๆ กวางคืออยากลอง และทำมันจนทำได้
Deadmau 5 : ไอ้หมอนี่ก็บ้าเหมือนกันคือผมเคยเปิดโชว์เค้าดูนะ ผมหลับ (หัวเราะ) เพลงอย่างมึน โคตรไม่มันส์ แต่ว่ามันเป็นภาพจำ เราจำได้เลยว่า ไอ้คนใส่หมวกหนู นี่คือ Deadmau 5 แล้วเขาจะมีการออกแบบเวทีที่ชื่อว่า The Cube ซึ่งคนนี้จะเป็นแรงบันดาลใจด้าน Visual คือเขาบอกว่าเวลาคนฟังเพลงใส่หูฟังเนี่ยสนุก แต่เวลาคนมาดูคอนเสิร์ต คนต้องจำภาพเค้าได้ ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
Adventure Club : ถ้า Skrillex เป็น Dub Step โหดๆ ดีเจคู่นี้ก็เป็นแบบที่มีเมโลดี้ ดนตรีสวย เขาเอามาผสมกัน ผมก็เลยได้ไอเดียเจ๋งๆ ในการผสมความมันส์ และเมโลดี้ของเขามา
I See Stars : อันนี้เป็นวงร็อค แบงค์เป็นคนที่แนะนำผมมา วงนี้นักร้องนำหล่อมาก (หัวเราะ) คือที่ฟังเพราะผมอยากหาเรฟเฟอร์เรนซ์ที่เอา EDM ผสมกับร็อค ให้หาใครสักคนพอจะยึดได้บ้าง (หัวเราะ) ก็เลยลองฟังวงนี้ ตอนแรกๆ ที่ผมเห็น พวกนี้เล่นโคตรไม่ได้เรื่อง (หัวเราะ) แต่พอผ่านมาพวกเขาพัฒนามากขึ้น ซึ่งก็เหมือนงานของผม ที่ตอนแรกเอาดนตรี EDM มาผสมแล้วออกมาห่วยมาก พอเราได้เห็นเรฟเฟอร๋เรนซ์แบบนี้ ก็เลยได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างๆ ถือว่าเป็นบทเรียน บทนึงที่มีผลต่องานของผมเยอะ ซึ่งทุกวันนี้เขาเล่นได้ดีมาก
ขอขอบคุณ : พี่แก้ว, ฝน, โอ๋ genie records ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ