เสน่ห์ของมือกลอง
ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ผมตั้งใจจะพูดคุยเกี่ยวกับดนตรีกับกีฬา (โอลิมปิกที่เพิ่งผ่านไป) ว่ามันมีความเหมือนและต่างกันอย่างไร สัมพันธ์กับการฝึกซ้อมระหว่างสองอย่างนี้อย่างไร รวมถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ทั้งกีฬาและดนตรี แต่บังเอิญเพลงคนมีเสน่ห์ของคุณป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ ที่กำลังโด่งดัง มาเข้าหูของผมตลอดเวลา อาจเป็นเพราะว่าได้ยินบ่อยๆ หรือไม่ก็ต้องสอนเด็กนักเรียนกับเพลงนี้ตามคำเรียกร้องของผู้เรียน ต้องยอมรับว่าด้วยท่วงทำนองที่จับต้องได้ง่าย ฟังรื่นหู ไม่ต้องคิดมาก จังหวะที่มีความน่ารักและร่วมสมัยกับกลิ่น cha cha cha ผู้ที่รับหน้าที่ตีกลองคือคุณหนึ่ง Mr.Drummer (ณัฐวุฒิ พันธ์สายเชื้อ) มือกลองซึ่งการันตีความสามารถและประสบการณ์ จากหนึ่งบอยไทยจนมาเป็นมือกลองแบ็กอัพให้กับป้าง
นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับมือกลองรุ่นใหม่ที่ควรจะเอาเป็นแบบอย่าง ด้วยลักษณะของเพลงที่มีจังหวะเหมาะกับคนไทย คุณหนึ่งได้เล่นกลองอย่างเหมาะสมและพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เพลงมีความลงตัวมากขึ้น คือด้วยเพลงลักษณะแบบนี้ผู้ที่มี หน้าที่รักษาจังหวะเช่นกลองกับเบส จะต้องมีความนิ่งพอควร พูดง่ายๆ คือถ้าเล่นเยอะมาก ความน่าสนใจในตัวเพลงมันจะหายไป ภาคของ Rhythm ควรจะเป็นผู้สนับสนุนให้กับผู้ร้องหรือเนื้อเพลง ซึ่งต้องยอมรับว่า Rhythm ทั้งสองได้ทำหน้าที่ได้อย่างดี นี่แหละที่เขาเรียกว่า “เสน่ห์ของมือกลอง”
เสน่ห์ของมือกลองที่เราจะพูดกันถึงมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก แต่ที่สำคัญในสิ่งเหล่านี้มันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาความสามารถ รวมไปถึงบุคลิกภาพของมือกลองด้วย อย่างแรกคือ
1.รู้หน้าที่ตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง
หน้าที่ของมือกลอง คือผู้รักษาจังหวะให้กับผู้เล่นอื่นๆได้เล่นอย่างราบรื่น ต้องรู้ว่าความเหมาะสมในการที่จะร่วมเล่นกับผู้อื่นเป็นอย่างไร ต้องรู้ว่าเพลงหรือแนวเพลงที่เล่นมันคืออะไร ในขณะที่เรากำลังตีกลองอยู่เราควรจะหัดฟังผู้เล่นคนอื่นๆ ให้มาก ถ้าคุณกำลังเล่นเพลงEvery Breath You Take ของ The Police อยู่ คุณจะรู้เลยว่าเพลงนี้ มันขับเคลื่อนด้วยจังหวะของมันเอง ไม่ต้องมีอะไรที่ซับซ้อน มีเมโลดี้ที่ไพเราะ โดยที่มีภาคของ Rhythm หนุนอยู่ข้างหลัง แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจในความเป็นมาของเพลงและไปใส่อะไรมากจนเกินไป รับรองว่าเพลงมันจะไม่เป็นในทางที่ดีแน่นอน มือกลองผู้รับหน้าที่ให้กับ The Police คือ Stewart Copeland มือกลองผู้นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากอีกคนที่ควรแก่การศึกษา ด้วยสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง ถ้าใครเคยฟังจะรู้ว่าการตีกลองของแกฟังดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่ในความเรียบง่ายนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่และมีเสน่ห์อย่างไม่เชื่อ
ถ้าคุณต้องเล่นแนวแจ๊ซ สิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากทักษะที่ดีแล้วคือคุณจะต้องเข้าใจและฟังผู้เล่นคนอื่นให้มาก เมื่อถึงเวลาที่ต้องคุณต้องเป็นพื้นฐานให้คนอื่นคุณต้องรู้ว่าต้องเล่นมากน้อยและดังเบาแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่เพื่อนให้คุณได้โซโล่ ไม่ว่าจะด้วยการ Trade ต่างๆ คุณก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี เหล่านี้มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมและรู้จักหน้าที่ของตัวเองล้วนๆ ถ้าเราทำได้ เสน่ห์ของการตีกลองจะปรากฏขึ้นเอง
2.การรักษาจังหวะ (Timing)
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ด้วยความหมายมันบอกในตัวแล้ว ซึ่งมือกลองทุกคนจะต้องมีและถือว่าเป็นหัวใจของการตีกลองเลยก็ว่าได้ ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาจังหวะให้สม่ำเสมอย่อมถือได้ว่าเป็นมือกลองที่ใครๆ ก็อยากจะเล่นด้วย เพราะทำให้เพลงมันขับเคลื่อนไปอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่มีความกังวลใดๆ มีมือกลองที่สมัยก่อนผมเริ่มฟังเพลงร็อคชื่อ Phil Rudd เป็นมือกลองของวง AC/DC ซึ่งถ้าใครเคยฟังเพลงของวงนี้จะรู้เลยว่าจังหวะของเพลงเกือบทุกเพลงแทบจะเหมือนกัน และก็เป็นจังหวะที่ไม่ได้มีอะไรมี่ซับซ้อน แต่คุณคงรู้ว่าวงๆ นี้ดังไปทั่วโลก จนปัจจุบันก็ยังดังอยู่ พอพูดถึงเพลง Back in Back หรือ Highway to Hell เป็นต้น หลายคนต้องร้องอ๋อและยอมรับในความสมบูรณ์แบบในตัวเพลง โดยเฉพาะภาคของ Rhythm อย่างกลอง นี่เป็นอีกตัวอย่างของการรักษาจังหวะที่ดีของเพลงสนับสนุนให้เพลงทั้งเพลงมีความโดดเด่น
สิ่งที่ยากที่สุดของการตีกลองคือการรักษาความเร็วหรือจังหวะให้คงที่ตลอดทั้งเพลงและทั้งการแสดง สิ่งเหล่านี้ถ้าทำได้มือกลองคนนั้นจะมีเสน่ห์โดยอัตโนมัติทันที จงจำไว้ว่าไม่มีใครอยากจะเล่นกับมือกลองที่เดี๋ยวตีเร็วเดี๋ยวตีช้า ไม่ว่าคุณจะโซโล่เก่งขนาดไหน แต่ถ้าคุณไม่สามารถรักษาจังหวะกับการเล่นเพลงธรรมดาได้แล้วละก็ มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับคำว่ามือกลองที่ดี
3.ลีลาและท่าทางที่เป็นตัวของคุณเอง
ในข้อนี้เป็นเรื่องของภาพที่คนอื่นมองเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการควงไม้กลองขณะที่ตีกลองอยู่หรือท่าทางการเหวี่ยงแขนออกไปอย่างสวยงาม หรือโยกหัวโยกตัวไปกับจังหวะของเพลงได้เหมาะเจาะ เหล่านี้เป็นเรื่องของการฝึกฝนจนชำนาญจนทำให้เล่นอย่างเป็นธรรมชาติ ขอย้ำว่าทุกอย่างต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนเช่นการควงไม้กลอง เป็นต้น ลีลาเหล่านี้สามารถดึงดูดสายตาของคนดูได้เป็นอย่างดี ในยุค 80’s เป็นยุคที่วงร็อคเฟื่องฟูต่อจากยุค 70’s Tommy Lee มือกลองของวงร็อคสุดซ่า Motley Crue สามารถทำให้ผู้ชมได้มองไปที่เขา ด้วยลีลาการตีกลองไปและควงไม้กลองไปด้วย ภาพที่คนดูได้เห็นมันเป็นสิ่งประทับใจสำหรับพวกเขา มันคือโชว์ที่เพิ่มความสมบูรณ์เข้าไปอีก ถัดจากนั้น Tommy Lee ได้พยายามสร้างความโดดเด่นโดยการเอากลองไปอยู่ในชิงช้ายักษ์ โดยที่มีไฮโดรลิคสามารถยกขึ้นไปให้สูง เท่านั้นยังไม่พอตัวชิงช้าที่ยึดอยู่กับกลองยังสามารถหมุนได้ 360 องศา ที่มันเจ๋งก็ตรงที่เขาได้ตีกลองและโซโล่กลองในขณะที่ตัวเขาและกลองหมุนอยู่แม้ขณะที่ห้อยหัวลงมา
ก่อนหน้านั้น Peter Criss มือกลองวง Kiss ได้ทำเอาไว้เหมือนกัน แต่แค่เป็นแท่นไฮโดรลิกยกตัวกลองขึ้นไปเฉยๆ หลังจาก Tommy Lee ก็จะเป็นมือกลอง Slipknot นามว่า Joey Jordison (ปัจจุบันลาออกไปแล้ว) ก็ทำคล้ายๆ กับ Tommy Lee สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่น่าดูและน่ามอง
แต่สำหรับมือกลองบางคนอาจจะไม่ได้ทำอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นการควงไม้กลองขณะเล่น หรือมีลีลาที่โดดเด่น แต่อะไรก็ตามที่เป็นตัวของคุณเองเมื่อคุณได้เล่นออกมาแล้วมันจะเป็นเสน่ห์โดยธรรมชาติโดยไม่ได้เสแสร้ง คนดูจะสัมผัสได้เอง นั่นล่ะคือของจริง เสน่ห์ของมือกลองในข้อสุดท้าย ก็คือการเป็นมือกลองที่เป็นที่รักของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมวง เพื่อนร่วมอาชีพ หรือเพื่อนร่วมโลก เหล่านี้เป็นทัศนคติที่เป็นในด้านบวกล้วนๆ ผมว่าถ้าเราเริ่มจากการคิดบวก ยังไงซะผลของมันก็ต้องออกมาเป็นบวกอย่างแน่นอน จะเป็นมือกลองให้มีเสน่ห์ได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณๆ แล้วนะครับ สวัสดี