ดนตรีคือสิ่งที่ผมรักมากที่สุด
“โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” แวบแรกต้องคาดหวังความสนุกสนาน เฮอา จากเค้า เพราะคุ้นชินกับรายการหรือภาพที่เห็น แต่เมื่อคุณได้ลองอ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ จะเปลี่ยนมุมมองได้พอสมควร เพราะจริงๆ แล้ว “โอ้ต” มีความเป็นคนดนตรีสูงมาก เริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลง เล่นดนตรี จนมีโอกาสก้าวเข้าสู่ค่ายเพลง …เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และวันนี้ วันที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา เราคุยกันในฐานะของศิลปินที่มีซิงเกิ้ลใหม่กับเพลง “เมื่อวาน” ซิงเกิ้ลใหม่ในรอบ 10 ปี จากคนดนตรีตัวจริงคนนี้
เพลงใหม่ที่ชื่อเพลงว่า “เมื่อวาน” มีที่มาที่ไปยังไงบ้างครับ
คือก่อนที่จะแต่งเพลง เรามีโอกาสได้ประชุมงานกับพี่ต้น (สุวัธชัย สุทธิรัตน์) แล้วก็พี่เอก (ผาเรือง ยั่งยืน) ว่าเราอยากได้เพลงช้า เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่แกรมมี่มา เราก็จะร้องแต่เพลงที่เป็นความคิดบวก น่ารัก ใสๆ หน่อย เราก็รู้สึกว่าไหนๆ หายไปนานแล้ว ถ้าเรากลับมาแล้วปล่อยเพลงแบบเดิมอีกมันก็จะไม่มีอะไรแตกต่างครับ
เป็นเพราะว่าตัวเองถนัดเพลงช้าด้วยหรือเปล่าครับ
ก็ไม่นะครับ ผมร้องเพลงแนวไหนก็ได้ เพราะว่าเรามีโอกาสได้ร้องไกด์เยอะ ก็เลยมีโอกาสได้ผ่านพวกเพลงต่างๆ เยอะอยู่แล้ว มันแค่รู้สึกว่าเราร้องเพลงด้านบวกจนเยอะแล้ว เลยอยากเปลี่ยนความคิดบ้าง ลองทำเพลงอกหักหรือว่าลืมเรื่องเก่าๆ ไม่ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้วเห็นผมเป็นคนตลก แต่เวลาเฮิร์ทหรือว่าเวลาอกหักผมเป็นคนลืมอะไรไม่ได้ เหมือนสลัดความคิดไม่ได้เพราะว่าเป็นคนคิดตลอดเวลา เราก็เลยแชร์ไอเดียไป คือเวลาที่เราไม่ได้อยู่กับคนหมู่มากหรือว่าอยู่บ้านคนเดียว จะใช้ชีวิตเหมือนตัวสล็อตเลย นอน ดูทีวี กิน เล่นเกม ดูซีรี่ย์ คือถ้าแม่ไม่อยู่บ้านก็อาจจะเป็นแผลกดทับได้ เพราะจะพลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง (หัวเราะ) เป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยๆ มาก เพราะเวลาออกมาข้างนอกเหมือนเราใช้พลังไปหมดแล้ว พอกลับไปอยู่บ้านจะกลายเป็นคนที่โลกส่วนตัว ก็เลยแชร์ไอเดียนี้ไปให้พี่เอก พี่เขาก็เลยเขียนเพลงนี้ขึ้น แต่งเมโลดี้โดยพี่ต้น ซึ่งเป็นทีมงานที่เราอยากร่วมงานมานานแล้ว ดีใจมากครับ
พอเห็นเนื้อเพลงครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างครับ
เห็นเนื้อเพลงครั้งแรกไม่ค่อยตกใจเท่าฟังเมโลดี้ครั้งแรกมากกว่า เพราะฟังเมโลดี้ครั้งแรกมันเลย์แบ็คมากเลย เราก็คิดในใจว่าเราจะร้องเพลงนี้ยังไง เพราะว่าเราเรียนดนตรีมาด้วย แล้วก็มีประสบการณ์ร้องเพลงมานาน เราก็เลยมีความรู้สึกอยากจะใส่อะไรเข้าไปให้มันรู้สึกว่าจริงๆ เราเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่เป็นนักร้องเพิ่งมาร้องเพลง ก็ค่อนข้างจะใช้เวลากับมันเยอะในการอัดร้อง แต่แก้บ่อยมาก (ยิ้ม) ซึ่งไม่เคยอัดร้องแล้วแก้เยอะขนาดนี้ ต่อให้จะเป็นร้องไกด์หรือร้องเพลงตัวเอง ซึ่งปกติรอบสองรอบก็ผ่านแล้ว
กับการร้องไกด์และการเป็นเบื้องหลังที่หลายคนไม่รู้
ผมร้องไกด์เยอะมากครับ เอ๊ะ จิรากรณ์ , พี่ปาล์ม Instinct , ป็อป Calories blah blah ร้องเป็นอัลบั้มเลยครับ, พี่เบิร์ด ธงไชย, Yes’sir Days ก็เคย คือทำงานเบื้องหลังตลอดอยู่แล้ว เป็นโปรดิวเซอร์ ทำเพลงให้มาเรียม ทำเพลงให้เป้ วง Mild ทำให้พี่ทาทายัง ซึ่งเราก็มีความรู้สึกว่าเราอยากจะแชร์ความเป็นตัวเราในมุมที่เราเป็นนักดนตรีออกไปบ้าง ให้คนเห็นว่าจริงๆ แล้ว เราเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้เราก็ร้องเพลง แล้วมันก็เป็นโอกาสที่หายไปนาน พอกลับมาก็ไม่อยากกลับมาเป็นแบบป็อบใสๆ หัวใจสี่ดวง แล้วเต้นก็ไม่ได้เดี๋ยวขาหนีบไหม้ เดี๋ยวจะเป็นมะเร็งขาหนีบ (ฮา) ก็เลยทำเพลงช้าดีกว่า อยากจะโชว์ความเป็นตัวเรา
เลยดูขัดกับคาแร็กเตอร์ที่เห็น
คือมันมีหลายคนคิดแบบนี้ หลายคนที่เขามองเราแค่ภายนอก ไม่ได้รู้จักว่าจริงๆ เราเป็นยังไง อย่างคนที่สนิทจริงๆ อย่าง พิชญ์ (พิชญ์ กาไชย), พลอย (พลอย หอวัง) หรือใครที่อยู่รอบข้างเรา จะรู้ว่าจริงๆ แล้วเวลาที่นั่งกินเหล้ากันหรือนั่งสังสรรค์กัน เราไม่ได้คุยเรื่องตลกกันเลย จะเน้นแชร์เรื่องชีวิตมากกว่า ว่าแต่ละคนเจออะไร หรือผ่านอะไรมา แต่ละคนก็จะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันมีมุมอีกหลายมุมที่เราเป็น
ในส่วนของพาร์ทดนตรี มีอะไรเป็นพิเศษบ้างมั้ยครับ
มีครับ คือพาร์ทดนตรีมันจะเป็นเรื่องของ Passing Chord ที่มันค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะว่าตัวพี่ต้นเองพอแต่งไปแล้ว ทุกวันนี้มานั่งแกะคอร์ดตัวเองก็ยังงงๆ อยู่เลยว่าเราเล่นอะไรลงไปบ้าง (ฮา) ไหนจะเรื่องของกลองอีก ซึ่งหลายคนจะบ่นว่ากลองมันยากมากๆ ซึ่งน้องคนที่ตีคือตีดีมาก ที่เขาตีคือเทคเดียวเลยนะ แล้วเราก็ชอบ เราชอบให้มันเหมือนมีคนดำอยู่ในเพลงด้วย แล้วมีกรู้ฟของ R&B อยู่ ซึ่งทุกพาร์ทมันผ่านการคิดมาหมดแล้ว มันผ่านการกลั่นกรองลงไปในเพลงหมดแล้ว
เพลงนี้นอกจากร้องยากตรงที่มันเป็นเลย์แบ็คแล้วมันมียากตรงไหนอีกมั้ยครับ
ไลน์คอรัสครับ เพราะว่าผมอัดคอรัสให้กับศิลปินเยอะอยู่แล้ว ฉะนั้นพอถึงเวลาที่มันเป็นเพลงของเรา เราเลยพยายามใส่คอรัสที่เราคุยกับพี่ต้นว่า ผมอยากได้ไลน์คอรัสแบบเท่ๆ เหมือนคนดำอะไรแบบนี้ พาร์ทหลังๆ ก็เลยจะมีเสียงคอรัสเยอะ แล้วก็จะมาเป็นพาร์ทสวนกันไปสวนกันมา นั่นก็คืออย่างที่ชอบและมีความสุขที่ได้ทำด้วย
ตอนทำเพลงนี้มีติดปัญหาอะไรบ้างมั้ยครับ
ง่วงครับ (ฮา) เราทำงานกันดึก เราไปบ้านพี่ต้นแล้วเราใช้เวลากับเพลงนี้เยอะ เพราะว่ามันยาก ต้องมานั่งคุยว่าเราอยากได้ฟิลไหน เปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ แล้วดูว่าเราอยากจะร้องประมาณนี้ แล้วมีอัดแก้อีก แก้แล้วก็กลับมาแก้อีก กลับมาเติมคอรัสอีก เหมือนกับว่าใช้พลังกับมันเยอะ เลยรู้สึกแฮปปี้ตอนที่ทำมันออกมาเสร็จแล้ว
มาพูดถึง MV กันบ้าง เป็นยังไงบ้างครับ
นางเอกดีมากครับ ตัวจริงดีมาก และจะทำให้ดีที่สุดเลย (หัวเราะ)
Gmag : ถ้าเขามากระซิบข้างๆ หูว่า “ตื่นเถอะ” เหมือนใน MV จะทำยังไงครับ) โอ้โห ถ้าลืมตามาแล้วเจอแบบนั้น ผมพูดจริงๆ เลยนะ แก้บนถวายเจ้าที่เลยครับ (หัวเราะ)
คาดหวังอะไรกับผลงานครั้งนี้บ้างครับ
คาดหวังให้คนรู้สึกเปิดใจกับสิ่งที่เราทำ เพราะคนส่วนมากชอบติดภาพว่าเราเป็นตลก ทำพิธีกร ทำดีเจ ซึ่งจริงๆ แล้วเราบอกทุกคนเสมอว่าเราเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะจากการร้องเพลง เราไม่อยากทิ้งมันไป ซึ่งในมุมมองเรา การร้องเพลงมันก็ไม่ได้แย่ เราก็พอร้องเพลงได้ เราก็มีประสบการณ์ตรงมาเกือบ 10 ปี เราก็เลยรู้สึกว่าอยากให้คนเสพในมุมที่เรารักบ้าง ถ้ารักในตัวเราที่เราเป็นก็อยากให้รักในสิ่งที่เราทำด้วย ไม่ใช่แค่ตลกอย่างเดียว อยากให้รักในความเป็นเรา ฉะนั้นเราทำอะไรก็อยากให้ทุกคนรับในสิ่งที่เราเป็น เราก็พยายามนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้คนได้ฟัง หลายคนก็บ่นว่าฟังยากหรือว่าทำไมต้องเลย์แบ็คขนาดนี้ เราก็พยายามบอกทุกคนว่าเราก็อยากให้ทุกคนได้เสพอะไรที่มันดีๆ ให้เสพอะไรใหม่ๆ บ้าง ไม่ใช่ว่ามาฟังแบบทิงนองนอยแล้วก็จบ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ฟังแล้วรู้สึกซึมซาบว่าสิ่งที่เราทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นดนตรี ไลน์คอรัสหรือว่าไลน์ร้องต่างๆ มันผ่านการคิดกลั่นกรองมาแล้วว่าเราอยากโชว์ให้ทุกคนเห็นว่าเรามีความเป็นนักดนตรีนะ อยากให้คนได้รับรู้มุมนี้ของเราบ้างและคาดหวังให้ทุกคนฟังแล้วแฮปปี้ ส่วนเรื่องยอดวิวมันเป็นเรื่องเสริมที่มันจะตามมาครับ ถ้าเพลงมันฮิตยอดวิวก็จะไปเอง คือเราไม่อยากให้เพลงมันดังโดยที่ตัวเราดังมาจากอย่างอื่น เราอยากให้มันดังเพราะคนฟังแล้วชอบจริงๆ มันจะภูมิใจกว่าคือการโหลดมันไม่ได้ทำให้รวยหรอก โหลดในพวก iTune, Calling Melody มันแค่สิบบาท ยี่สิบบาท ซึ่งไม่ได้ทำให้เรารวยเลย ต้องผ่านระบบต่างๆ กว่าจะถึงเรา คือค่าทางด่วนจากบ้านเราถึงแกรมมี่ยังไม่ได้เลย แต่แค่เราอยากให้ซื้อ อยากให้โหลดของแท้ ไม่ใช่แค่ของเรานะ ของคนอื่นด้วย แค่อยากให้ทุกคนเคารพในวิชาชีพของเรา ว่าเราทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ฉะนั้นถ้ารักเราหรือรักในความเป็นนักดนตรีของเรา หรือว่ารักในสิ่งที่เราเป็นก็ซื้อครับ ไม่ได้อยากให้ซื้อเพราะว่ามันจะทำให้เรารวย แต่อยากให้ซื้อเพราะชอบในความเป็นศิลปินของเรากับอาร์ตที่มันออกมา เพราะมันเป็นงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด , เพลง , ละคร ทุกอย่างมันเป็นอาร์ตหมด ฉะนั้นทุกคนช่วยกันซื้อมันจะทำให้วงการเพลงอยู่ได้ เพราะว่าถ้าเราไม่ซื้อมันก็จะไม่มีน้ำเลี้ยงเข้าไปในระบบ วันหนึ่งถ้าระบบมันพัง มันก็จะพังหมด มันไม่ได้แค่แกรมมี่ วันหนึ่งประเทศไทยอาจจะไม่มีเพลงฟังเลยก็ได้ เพราะว่าเราไม่ซื้อ เราไม่โหลด เราไม่สนใจกับการที่เราเอาเพลงมาเปิดในร้านแล้วเราไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ มันเป็นเรื่องที่เซนต์ซิทีฟ ถ้าเราพูดมันจะกลายเป็นว่าเราขี้งกในสังคมไทย แต่มันกลายเป็นว่าเราอยู่กับของฟรีจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งบางทีศิลปินเขาก็ต้องกินต้องใช้ มันเล็กน้อยสำหรับคุณในการโหลด สิบบาท ยี่สิบบาท แต่สำหรับศิลปินมันเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ได้ทำให้ศิลปินรวย แต่มันแค่จะย้อนกลับมาว่า ค่าย รวมไปถึงบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแกรมมี่หรืออะไรก็ตาม จะได้เห็นว่าศิลปินคนนี้ยังมีความคุ้มค่าในตลาดอยู่ นั่นหมายความว่ามันมีเงินย้อนกลับมา มันก็มีผลงานในการทำเพลงต่อไป เพราะมันมีเงินในการที่ขับเคลื่อนในการทำซิงเกิ้ลต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราทำไปคุณไม่ซื้อ มันไม่มีเงินย้อนกลับเข้ามา ใครจะไปกล้าลงทุน ฉะนั้นมันก็ต้องช่วยกัน นั่นคือสิ่งที่คาดหวังให้คนไทยลองเปลี่ยนความคิดดูบ้าง
ขอย้อนไปนิดนึงครับ คือตั้งแต่พี่เข้าวงการมาพี่เริ่มจากอะไรครับ
ผมเริ่มมาจากผมเป็นนักศึกษาครับแล้วก็ไปประกวด ตอนนั้นได้แชมป์สมูทแจ๊ซ บรีซ เอฟเอ็ม แล้วก็ได้แชมป์ประกวดดนตรีระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย เป็นแชมป์เพราะว่าเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยรังสิต แล้วอาจารย์ในคณะเห็นว่าเราร้องเพลงได้ก็เลยให้เรามาเริ่มร้องไกด์ก่อน แล้วก็มาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ “รักสุดท้ายของนายไฮโซ” เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ชื่อเพลง “คำสาป” คือเพลงแรกที่ปล่อยในชีวิตเลย แต่ตอนนั้นยังเป็นอินดี้อยู่ ซึ่งก็มีคนรู้จักกันเยอะ แล้วกาลเวลาก็ผ่านมา เลยพักไประหว่างนั้นก็จะทำเบื้องหลังร้องไกด์ให้กับศิลปิน ร้องไกด์ให้กับกอล์ฟไมค์ เป็นเพลงแรกเลยครับที่ร้องไกด์ ซึ่งเป็นเพลงแรกที่ร้องไกด์ให้กับศิลปิน และก็เริ่มหัดร้องคอรัสให้กับศิลปินเด็ดๆ อย่าง พี่ป๊อบ ปองกูล , อ๊อฟ ปองศักดิ์ เยอะแยะไปหมด คือก่อนที่จะให้ศิลปินจะต้องส่งให้ผู้ใหญ่ฟังก่อน โดยโปรดิวเซอร์พี่ตี่ (กริช ทอมมัส) ก็ได้ยินเราบ่อยมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นพีตี่เป็นผู้บริหาร เขาก็มองว่าเสียงเด็กคนนี้น่าสนใจดีเลยเรียกเข้ามาเซ็นต์สัญญา นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เข้ามาในแกรมมี่ หลังจากนั้นก็ทำงานมาเรื่อยๆ ทำงานเบื้องหลังด้วย ทำงานเบื้องหน้าด้วย ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าที่จะมีเพลงเป็นของตัวเอง ประมาณ 10 ปี ตั้งแต่เพลงคำสาป เพิ่งจะมีเพลงของตัวเองเพลงแรกที่เป็น Official คนอื่นเขาซื้อบ้าน ซื้ออะไรเยอะแยะไปหมดแล้ว นี่เพิ่งปล่อยเพลงแรก (หัวเราะ)
เล่นดนตรีอะไรบ้างครับ
เล่นกีต้าร์ครับ ผมเริ่มจากเป็นมือกีต้าร์ก่อนครับ แล้วก็มาหัดร้องเพลงทีหลัง
มีใครเป็นไอดอลหรือเปล่าครับ
เราเป็นคนชอบ Michael Bublé มาก รู้สึกว่าคนอะไรอยู่บนเวทีแล้วเท่มาก มันมีความเจ้าชู้ มันมีความทะเล้น มันร้องเพลงดี มันจัดระเบียบร่างกายดี แล้วรู้ภาษากายเยอะในการที่จะถ่ายทอดอะไรออกมาแล้วก็สมบูรณ์แบบไปหมด แล้วก็ Bruno Mars คนนี้ก็ร้องเก่ง คือไปดูคอนเสิร์ตแล้วจะร้องไห้ รู้สึกมวนท้อง แบบร้องอะไรได้ขนาดนี้ แล้วมันสมบูรณ์แบบไปหมดเลย โชว์สนุก ในการเล่นกับคน ในการเลือกเพลง ในการทำสคริปต์มันหาที่ติไม่ได้ คนเหล่านี้ถึงเป็นระดับโลกได้เพราะเขามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัว
ตอนนี้มีเพลงที่ฟังเป็นประจำมั้ยครับ
ชอบเพลงหน้าหนาวที่แล้ว ของ The TOYS เป็นเพลงไทยที่เหมือน illslick ผสมกับ The Parkinson แล้วก็แร็พเป็นไทยแต่เป็นเมโลดี้เกาหลี มันทำให้รู้ว่าสึกว่าเด็กสมัยนี้ทำเพลงเก่ง ฉลาดในการเลือกที่จะใช้ แล้วฉีกออกไปเลย แล้วก็คือเขาก็ทำเพลงไม่แคร์คนด้วยนะ ฟังรอบแรกก็ขึ้นมาว่า “เด็กสมัยนี้โตไวนะ” แบบนี้ก็ได้เหรอ อยู่ดีๆ จะพูดอะไรก็พูดขึ้นมา แล้วเราก็นึกว่าในเนื้อเพลงจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกับประโยค “เด็กสมัยนี้โตไวนะ” แต่มันไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย มันก็ทำให้เราเห็นว่าดีและเท่ แล้วก็ชอบฟังที่เอาเพลง Pop ไปทำเป็นพวกเพลง ยุค 80’s คือดีมาก แล้วเขาทำคอร์ดด้วยให้มันเป็นเพลงยุค 80’s มันเวิร์คนะ ลองไปหาฟังใน YouTube มันเป็น Pop ที่ดีมากเลยนะครับ เป็น Pop แบบมีความรู้ เอาเพลงของ Justin Bieber เพลง Baby มาทำ รู้สึกว่ามันเท่มาก
นอกจากเพลงนี้แล้วมีผลงานอย่างอื่นบ้างมั้ยครับ
เยอะแยะไปหมดเลยครับ บางทีตื่นมายังไม่รู้ว่าเราทำอะไรก่อนบ้าง ตอนนี้ก็มีเพลงใหม่ที่ปล่อยไปหลักๆ ก็จะเน้นเรื่องเพลง เพราะว่ามันเป็นซิงเกิ้ลแรกของเราที่มันเป็น Official ของปราโมทย์ ปาทานจริงๆ แล้วก็มีภาพยนตร์ 2 เรื่องครับ มีเรื่อง “Over Size ทลายพุง” เล่นเป็นพระเอก เข้าฉายแล้วไปแล้ว แล้วช่วงกลางปีก็จะมีอีกเรื่องหนึ่ง “เปรมมิกา ป่าราบ” แล้วก็มีจัดรายการวิทยุ จันทร์ช็อกโลกเดอะรีเทิร์นกับคุณอาร์ต (มารุต ชื่นชมบูรณ์) ทุกวันจันทร์ 3 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม แล้วก็มีจัด FM 99 สปอร์ตรีแลกซ์ กับพี่ป๋อง (กพล ทองพลับ) กับพี่แจ็คเล็ก (สุวินัย อ่อนสะอาด) ก็มีสลับไปช่วยกันบ้าง แล้วก็มีรายการออนไลน์ในโซเซียลคือ Paloy’s Diary แล้วรายการเที่ยวอยู่ได้ ทำกับพี่เป๊กวง Zeal ด้วย ก็ฝากผลงานหลายๆ อย่างที่ผมได้บอกไป และฝากเพลง “เมื่อวาน” ด้วยนะครับ ฝากเชียร์ด้วยนะครับ (ยิ้ม)