หนึ่งในศิลปินที่ครบเครื่อง ทั้งเรื่องดนตรี คอนเทนต์ พร้อมทั้งเอเนอร์จี้ดีๆ ที่มีเสมอมา “ส้ม มารี” เป็นศิลปินสาวที่มีภาพลักษณ์นั้นอยู่กับตัว หนึ่งในสี่ของ 4 Queens ที่สร้างชื่อจากทั้งการเป็น Artist และ Influencer ทำให้เธอมีมุมมองในเรื่องการทำงานค่อนกว้าง และมีไอเดียที่น่าสนมากทีเดียว สิ่งนี้สะท้อนผ่านเรื่องราวการเดินทางในอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่ 2 “Sweet & Sour” ความหวานและความขมที่เป็นตัวแทนชื่ออัลบั้ม บ่งบอกแนวคิดในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเป็นตัวแทนของเธอในวันนี้ได้เป็นอย่างดี การเดินทางในหมุดไมล์ที่ 2 นี้มีเรื่องราว เรื่องเราดีๆ มากมายให้เราเก็บเกี่ยว นี่คือเรื่องราว และวิธีคิดวันนี้ของเธอ “ส้ม มารี”
การกลับมาในอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่ 2 “Sweet & Sour” อัลบั้มนี้เหมือนเป็น บันทึกดนตรี บันทึกชีวิต ในรอบ 1-2 ปี ที่ผ่านมา เล่าที่มาที่ไปให้ฟังหน่อย
ส้ม : มันเป็นช่วงที่เรามีเพลงแล้วตัดสินใจว่าเราจะมีเพลงอะไรบ้างพอเราคิดจะทำอัลบั้ม ชื่ออัลบั้ม ก็ต้องสื่อถึงทั้งหมด ทั้งมวล ในอัลบั้มนี้ได้ พอเรามาคิดดู ปี 2 ปี ที่ผ่านมาเราสนุกมาก ทำเพลงหลายแนว จนเกือบตังชื่อว่า “แกงโฮะ” แล้ว แต่เดี๋ยวแฟนต่างชาติจะงง (หัวเราะ) แต่เราก็พยายามจะหาชื่อที่มันสื่อถึงความหลากหลาย หรือเป็นหลายอย่างรวมกันแต่ลงตัว เลยไปปรึกษาที่ปรึกษาท่านนึงก็คือ วิโอเลต วอเทียร์ นางถามว่า อยากได้ชื่อแบบไหน เราก็บอกว่าให้มันสื่อถึงความหลากหลาย เพราะมีเพลงหลายแนว วี ก็พูดคำว่า Sweet & Sour มา ซึ่งเราก็ซื้อไอเดียนี้เลย เพราะนอกจากสื่อถึงความหลากหลายแล้ว ยังสื่อถึง “ส้ม” ที่เป็นลูกๆ ได้เพราะมันมีรสชาติเปรี้ยวและหวานอยู่ในลูกเดียวกัน แล้วเราก็ชื่อส้ม เวลาคนถามว่าเรามองตัวเองยังไง เราก็จะตอบว่า วาไรตี้ เราเป็นคนหลายอารมณ์ ก็รู้สึกว่าเข้ากับเราจังเลย เลยเป็นชื่อนี้
ในภาพรวม ผลงานชิ้นนี้ มีความ Sweet หรือ Sour มากกว่ากัน
ส้ม : เราก็ไม่ได้ทิ้งเพลงเศร้า เพียงแต่ว่า แม้บางเพลงมันอาจจะเศร้าแต่เราก็ใส่ดนตรีที่มัน ไม่เศร้ามาก ก็มองเป็น 40 / 60 มีความ Sour มากกว่า เพราะยังไงเราก็ชอบเพลงรักที่ไม่สมหวังอยู่ ชอบร้องเพลงที่มันยังมีความขมอยู่
งั้นเรามาคุยเรื่อง ชีวิต ความทรงจำ การทำงาน ที่คู่ขนาน ไปกับ Sweet Sour ผ่านการเดินทาง 10 แทร็ค นี้ กันดีกว่า อย่างเพลงแรก “โหมดพระจันทร์”
ส้ม : ตอนเริ่มต้นที่จะทำเพลงนี้เรารู้สึกกับตัวเองว่า เราไม่มีเพลงรักเลย ก็เลยรู้สึกว่าต้องมีเพลงรักในแบบของเราสัก 1 เพลง อยากรู้ว่าจะออกมาแบบไหน แล้วก็คิดถึงนักแต่งเพลงท่านนึง ตอนที่เราไปร้องเพลงไม่ได้ก็ไม่เอา กับ PiXXiE นั่นก็คือ Muku รู้สึกว่าชอบภาษาของเขา และด้วยความที่จะเป็นเพลงรัก เพลงแรกในรอบ 7-8 ปี เราก็อยากได้แนวคิดจากผู้หญิงด้วย เขาพูดมาคำนึงว่า โหมดพระจันทร์ เขาบอกว่าเด็กยุคนี้ชอบพูดคำนี้ เราก็เลยชอบคำนี้ มัน Relate กับอัลบั้มเก่าเราที่ชื่อว่า LaLune ที่แปลว่า พระจันทร์เหมือนกัน เลยอยากได้ความหมายประมาณว่า เปิดโหมดพระจันทร์แล้วมาอยู่ด้วยกันได้ไหม จะได้ไม่ต้องมีคนอื่นมารบกวน พาร์ทดนตรีได้พี่ชล ชลทัศน์ มาทำให้ เป็นเพลงที่หวานที่สุดใสอัลบั้มแล้ว ซึ่งทำให้รู้ว่าร้องเพลงรักมันยากเหมือนกัน เราร้องเพลงเศร้าได้ง่ายกว่า มีเรื่องตลกในเพลงนี้คือ MV เราได้น้อง แจ๊คกี้ จักริน มาเล่นให้ ซึ่งเวลาเล่นเขาต้องมองผ่านกล้องผู้กำกับของเรา เวลาสั่งคัท จะเสียงเหลวตลอดเวลา (หัวเราะ) ผู้กำกับเราแฮปปี้สุดแล้ว และเป็นเพลงแรกที่มีท่าเต้นจริงๆ ด้วย ได้ออกจากเซฟโซนตัวเองในมุมนี้ด้วย
“เก่งแต่ลับหลัง” กับการทำงานกับ พั้นช์ 4EVE
ส้ม : ต้องย้อนไปถึงตอนที่เริ่มทำเพลงนี้ ตอนนั้น เราชอบเพลงของ BadMixy คุณมิกซ์ เฉลิมศรี เราชอบภาษาเขามาก เขาเป็นคนที่มีคำที่เราไม่เคยได้ยินในพลงไหนๆ เลย เราก็เลยอยากได้ภาษาของเขามาอยู่ในเพลงเรา ก็เลยติดต่อเขาไป เราอยากได้ความยียวน แต่หักมุม น่ารักๆ คุยกันตอน 5 โมง ตี 2 ส่งเนื้อเพลงมาเลย เป็น Voice ผ่านโทรศัพท์ แล้วเขาบอกนอกนั้นให้ไปจัดการเอาเอง ซึ่งตอนนั้นขาดแค่ Verse 2 ส้มก็เลยแต่งเอง คราวนี้ มู้ดของเพลงทำให้เราคิดถึง พั้นช์ 4EVE ถ้าเราดู FanCam เราจะเห็นคาแร็กเตอร์นึงของพั้นช์ คือพั้นช์ยิ้มแย้ม พอหันมาเจอกล้องแฟนคลับจะทำปากคว่ำ (หัวเราะ) จริตถูกต้องมาก เลยอยากได้ ความแด้ะแด๋แบบนี้ของพั้นช์ ก็เลยได้มาร่วมงานกัน ซึ่งก็ทำให้ส้มต้องมาฝึกฟิลแบบแด้ะแด๋ มากขึ้น เพราะเพลงนี้ส้มอัดนานมาก เราไม่มีจริตตรงนี้ น้องทำให้เราได้สกิลใหม่เพิ่มขึ้น
“อยู่คนเดียวกับเขา” เพลงที่น่าจะมีความทรงจำมากที่สุด
ส้ม : เพลงนี้คนแต่งหลักๆ เป็นพี่เอ็กซ์ ศักดิธัช ซึ่งเป็นคนที่แต่งเพลง รางวัลปลอบใจ, หรือฉันคิดไปเอง คือเพลงดังของส้ม เป็นฝีมือของพี่เอ็กซ์ เพลงนี้พูดถึงเรื่องของ การที่คนนึงบอกว่าอยากอยู่คนเดียว แต่จริงๆ ไปอยู่กับอีกคน แล้วเรารู้อยู่เต็มอก โดยหวังว่าวันนึงเขาอาจจะกลับใจ จนถึงวันนึงที่เรารู้สึกว่าถ้าเธอไม่เปลี่ยน ฉันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เรียกว่าต้องดึงอารมณ์สุดๆ เป็นเพลงที่เราต้องหยุดอัดเพราะน้ำเสียงมันโกรธเกิน มันหัวร้อน เพราะเราดึงอารมณ์วันนั้นมาหมดเลย ซึ่ง พี่โอ้เสกสรรค์ ที่คุมอัด เขาชาเลนจ์เราว่า อยากได้อารมณ์เหมือนค่อยๆ คุยกัน เราต้องอัดเพลงนี้ใหม่ เปลี่ยนอินเนอร์ แล้วฮุคแรกเราซ้อมมาแบบ ร้องแรงๆ พี่โอ้ ขอเสียงลมๆ ยากมาก เป็นเพลงที่ฮุคร้องด้วยอารมณ์ไม่เหมือนกัน แล้วฝั่งภาพ ได้พี่เต้ย จรินทร์พร มาเป็นคนถูกทำร้าย กับ ปอนด์ ณราวิทย์ มาเป็นผู้ชายใจร้าย แล้วมีตัวเราเป็น Easter Egg ในเพลง
“ดวงสุขเข้า ดวงเขาแทรก” กับการข้ามเซฟโซนทางดนตรี
ส้ม : เพลงนี้ตามลำดับแล้วเป็น Single แรกจากทั้งอัลบั้ม ตอนแรกเราวางเพลงนี้คนทำเพลงจะเป็น ฮาย Paper Planes แต่ช่วงนั้น ทรงอย่างแบด แรงเกิน เลยไม่มีเวลา แต่เราได้ประชุมขึ้นแนวทางเพลงกันไว้บ้างแล้ว เราอยากได้เพลงแบบ ตั้งคำถาม น้อยเนื้อต่ำใจ ในเรื่องที่คอนโทรลไม่ได้ เหมือนฟิลเพลง เลือดกรุ๊ปบี อะไรประมาณนั้น เราก็เลยเอาเป็นแนวโทษดวงชะตา แล้วตอนนั้นมันจะมีคำว่า “ไอ told พระแม่ลักษมี about you” เราชอบคำนี้ บวกกับฮายบอกว่า มันมีคำว่า พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ก็เลยเปลี่ยนเป็นดวงสุขเข้า ดวงเขาแทรก ฮายเป็นคนตั้งชื่อเพลงนี้ จากนั้นก็ปิดไป งานเยอะ (หัวเราะ) จากนั้นเราก็เลยได้พี่ปู๋ วง Hens มาช่วยแต่งกับ ส้ม ก็ได้ออกมาเป็นประมาณนี้ แล้วคำว่า “ไอ told พระแม่ลักษมี about you” มันลงในเนื้อเพลงไม่ได้ แต่เราชอบ เลยขอให้ พี่กอล์ฟ F.Hero แต่งเป็น Rap ให้ ได้มาเป็นเพลงนี้ ส่วนดนตรีก็ได้ เบน Luss ดนตรีก็จะเป็นร็อคหน่อย เพราะช่วงนั้นกลับไปฟัง Avril Lavigne เลยอยากได้เพลงที่ติดร็อคหน่อย แล้วด้วยความที่เป็น Single แรกในอัลบั้ม ก็ทำให้เรารู้สึก Break Out จากพื้นที่ ที่เคยทำเหมือนกัน
“แม่งเอ้ย” การเติม เอเนอจี้ด้วย Milli
ส้ม : มันเริ่มจากเราเคยคุยกับ Milli ว่าเราอยาก feat. กับ Milli ซึ่งน้องก็ตอบตกลง ตอนนั้นก็กำลังแต่งอีกเพลงคือ มีความสุขแต่ก็เหงา ซึ่งเป็นแทร็คสุดท้ายในอัลบั้ม แต่ทำไป ทำมาเรารู้สึกว่าถ้า Milli มามันต้องแรงกว่านี้หน่อย กลายเป็นว่ารื้อแต่งใหม่ ตอนคิดภาพเพลงนี้เราคิดถึงภาพละครเวที เราเป็นคนอกหัก Milli จะเป็นแบบพุ่งออกมานอกม่าน ตบหัวเตือนสติ เป็นฟิลแบบเพื่อนเตือนสติ เป็นเพลงที่หลอกว่าจะเป็นเพลงช้า แล้วก็ Milli มาเป็นตัวแรงพร้อมกับความร็อคแอนด์โรลใดๆ เอาจริงเพลงนื้ทำก่อน ดวงสุขเข้า ดวงเขาแทรก แต่แค่ปล่อยทีหลัง มันก็เลยเป็นอะไรที่ ลิงค์กัน เราอยากปล่อยเพลงแรกเป็นคนเดียวก่อนก็เลย ทำให้ดวงสุขเข้า ดวงเขาแทรกเลยมีความร็อคด้วย
“เท่าไหร่ก็ไม่พอ” กับเพลงที่ feat. กับ NOA ถ้าดูใน MV เหมือนเป็นช่วงร่างทอง
ส้ม : ก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่ออกกำลังกายบ่อย แล้วผอมจน วิโอเลตเรียกว่า ยายกุ้งดีด ผอมมาก แล้วไปดีดๆ บนเวที แล้วเป็นช่วงที่เพิ่งจบคอนเสิร์ต 4 Queens ด้วย ไม่ได้ออกกำลังกายเลย เอาจริงๆ อ้วนขึ้นด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นหุ่นพอดีเลย แล้วพอปล่อย MV เพลงนี้ทุกคนชอบ ก็เลยแบบนั้นก็ได้ ส่วน NOA เนี่ย พี่กอลฟ์ F.Hero แนะนำ เพราะพี่กอลฟ์รู้จักค่ายญี่ปุ่นหลายค่าย แล้ว NOA ก็เป็นด่าวรุ่งที่น่าสนใจ น่าจะมา Collab กับเราน่าจะออกมาได้ดี เลยทำเพลงนี้ขึ้นมา
“ลองมั้ย” เพลงที่ได้เห็นอีกด้านของ ส้ม มารี
ส้ม : เพลงนี้เป็นเพลงที่ส้ม แต่งคนเดียว 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นการชาเลนจ์ตัวเอง ตอนนั้นอยู่ในชุดนอน ยังไม่อาบน้ำ นั่งเปิด บีท แล้วก็เริ่มฮัม เริ่มใส่เนื้อ เราจินตนาการว่าเราอยู่ในบาร์ แล้วเหลือบตาไปมอง อุ้ย เจอหนุ่มถูกใจ อุ้ย เขาส่งสายตา ก็กลายเป็นเพลงที่แม้ว่า เนื้อเพลงจะพูดว่า ลองมั้ย ลองมาคบดูไหม แต่ความหมายไม่ได้ลองคบค่ะ (หัวเราะ) พอทำเดโม่เสร็จ ส่งให้เพื่อนที่สนิทฟังบอกว่า มึงมีมุมนี้ด้วยเหรอ เราก็บอกก็ไม่มีไง (หัวเราะ) ชีวิตจริงแรดไม่ได้ งั้นแรดในเพลงก็แล้วกัน
“วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ft Stamp” กับคอนเทนต์ “เด็กแม่โจ้” คืออะไร
ส้ม : เริ่มต้นจากที่พี่แสตมป์ ชวนเราก่อน ชวนเราไป feat. ในเพลง Save ซึ่งเวลาไป feat. ก็จะมีเรื่องของการคิด Budget ค่า feat. แต่เราบอกว่า หนู ไม่เอาค่าตัว แต่แลกกับพี่มา feat. เพลงหนู มาแลก Barter กัน (หัวเราะ) เป็นช่วงลองการตลาด ดูว่าปล่อยพร้อมกันจะเวิร์คไหม พี่แสตมป์ก็บ้าจี้ ก็เลยลองปล่อยใกล้ๆ กันดู แล้วเพลงนี้เราทำ คอนเทนต์ ถ้าวันนึงเราได้ไปเล่นในที่ๆ คนเยอะมากๆ หนึ่งวันก่อนปล่อยเราได้ไปเล่นที่ ม.แม่โจ้ เชียงใหม่ เราก็ฝากผลงานว่าพรุ่งนี้ปล่อยเพลงใหม่ ก็มีคนมาบอกเราว่า Spoil หน่อย เราก็โอเค แต่ก็บอกทุกคนว่า ฝากไปดู MV ตอนเที่ยง แล้วคอมเมนต์ ด้วยนะว่าเป็นเด็กแม่โจ้ ได้ Engagement (หัวเราะ)
“ไม่ก้าวผ่าน” ทั้งเพลงและภาพที่ดูมืดมนลงอีกนิด
ส้ม : เพลงนี้ได้จากการที่เราไป Song Camp ที่หัวหินปี 2021 ช่วงนั้น ซึ่งก็มีปิ่น Slapkiss ด้วย เอาจริงๆ เหมือนไปดื่มกันมากกว่า ไปเที่ยว ก็เป็นเพลงที่แต่งเกี่ยวกับการไม่ก้าวผ่านอะไรบางอย่าง การไม่ก้าวผ่านความเจ็บ ไปเจอเขาแล้วต้องวนลูปกลับมาที่เดิม เป็นคอนเซ็ปต์ในเพลงนี้ แล้วก็เก็บไว้นานเลย จนไปรื้อดู ก็เจอเพลงนี้ เราก็อยากให้ปิ่น ช่วยทำให้ ส่งไป ปิ่น บอกจำไม่ได้แล้วพี่ (หัวเราะ) แล้วพอได้ปิ่นมาช่วย เลยทำให้เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่มี โซโล่ ซึ่งก็มาคิดได้ว่า ทำไมเพลงอื่นถึงไม่มี เราจะทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนั้นทำไม เพราะการไม่มีโซโล่แปลว่า ต้องร้องเอง 100 % แล้วเวลาไปร้องสดเหนื่อยมาก ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่จะมีช่วงพัก เป็นเพลงเดียวที่มีท่อนโซโล่ ย้อนไปที่เพลง อยู่คนเดียวกับเขา อันที่จริง 2 เพลงนี้เนื้อเพลงไม่เกี่ยวกันเลย แต่เราอยากทำการตลาดแบบใหม่ เลยทำ 2 MV ต่อกัน
“มีความสุขแต่ก็เหงา” กับเพลงที่ทดลอง วิธีการร้องใหม่ๆ โดยเฉพาะ Rap
ส้ม : จริงๆ เพลงนี้ถูกเขียนเพื่อเติมอัลบั้ม LaLune คอนเซ็ปต์แรกคือสวยแต่เหงา สวยแต่โสด คิดถึงพระจันทร์ เวลามันเต็มดวงมันจะสวยเหลือเกิน แต่จะไม่มีดาว แล้วเมื่อไหร่มีดาว เขาจะหายไป ก็แต่งตั้งแต่ปี 2021 แต่งร่วมกับ Milli กับ แชมป์ Maiyarap ไปนั่งแต่งด้วยกัน ที่บ้าน น๊อต Spatchie เป็นเพลงที่ค่อนข้างเท่สำหรับ ส้ม แล้วอย่างที่เล่าว่าเพลงนี้ มันแรงไม่พอ Milli เลยขอเก็บไว้ร้องคนเดียว เป็นเพลงที่ได้ร้อง Rap เต็มตัว ครั้งแรก ตอนไปอัดก็กังวล เลยติดต่อ Autta ว่าอยากลองไปเรียนด้วย เพราะตอนนั้นเขาสอนทำเพลง แล้วก็สอน Rap ก็บอกว่าเรามีเพลงนี้แต่ไม่มั่นใจ จะแก้ยังไงได้บ้าง พอไปเรียนแล้วก็ไหนๆ มาคุมร้องด้วยเลย เพลงนี้ก็เลยเป็น Autta มาช่วย
หมุดไมล์ที่ 2 ของส้ม มารี
ส้ม : อัลบั้มแรกมันก็เป็นการ Introduction ที่บอกถึงตัวตนของเรา ในช่วงเวลานึง พอมาถึงอัลบั้มที่ 2 ก็เป็นการบ่งบอกตัวตนของเราในเวย์ที่โตขึ้น กำลังเรียนรู้ และโตขึ้น อัลบั้มนี้สอนให้เรารู้ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีด้านเดียวก็ได้ วันนี้เราชอบแจ๊ซ พรุ่งนี้จะฟังร็อคก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร คนเรามีความชอบที่เปลี่ยนเป็นวันต่อวัน เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติดว่า ถ้าฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะอยู่แค่แบบนี้ ลองทำอะไรใหม่ๆ ไปหาคำตอบด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าคนเราจะเจอวันที่ดี แล้วก็วันที่ไม่ดี สลับกัน แต่ผลงานของ ส้ม มักจะเป็นเชิง Positive ที่ให้พลังงานดีๆ เสมอ ตรงจุดนี้ ส้ม มี แนวทางในการรักษาแรงบันดาลใจ ในการทำงานยังไง
ส้ม : เราเคยเป็นคนที่เฟลมากๆ กับการที่คาดหวังอะไรแล้วไม่ได้ตามที่หวัง ส้มโตมาด้วยการเป็นเด็กเนิร์ดมาก การที่เราโตมาแบบนี้ เป็นเด็กเรียนเก่งทำให้เรามีมายเซ็ตว่า ถ้าเราตั้งใจมากพอจะสำเร็จ เราอ่านหนังสือมากพอ เราจะสอบได้เต็ม แต่ในชีวิตจริง ไม่ได้หมายความว่าเราทุ่ม 100 แล้วจะได้ 100 กลับมา ยิ่งอาชีพนี้ความสำเร็จมันเป็นเรื่องที่เกิดจากปัจจัยภายนอก มันต้องพึ่ง ฟีดแบคคนฟัง แล้วเขาจะเทิร์นมาเป็นแฟนเพลงเราไหม จะมีคนสนับสนุนเรามากน้อยขนาดไหน เป็นสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตบหน้าเราแรงเหมือนกัน ในการทำงานตรงนี้ กว่าเราจะมีเพลงดังเพลงแรก ล้มลุกคลุกคลานก็ปาเข้าไป 10 กว่าปี เราก้าวขาเข้ามาในวงการนี้ตอน 16 Debut ตอน 18 กว่าเราจะมีเพลงรางวัลปลอบใจ ส้มอายุ 27 เป็น 11 ปีของการเดินทาง ทำนู่น ทำนี่ ปล่อย EP เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่ามันต้องมีสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เราแค่ต้องก้าวต่อไปเท่านั้นเอง ทุกวันนี้เราปล่อยวางมันได้ง่ายขึ้น สิ่งที่สำคัญคือระหว่างทางเราต้องมีความสุขกับมัน ภูมิใจกับมัน ชอบมันจริงๆ สุดท้ายเราปล่อยไป จะได้ไม่ได้ก็ทำมันให้เต็มที่ ถ้ามันไม่ได้แค่ปล่อยมือแล้วไปทำเพลงใหม่ แค่นั้นเลย คือมันไม่ได้ถึงขั้นว่าเราจะต้องรักษาแรงบันดาลใจตลอด หรือต้อง Keep พลังบวก อะไรแบบนั้น แค่ทุกครั้งเราต้องรู้ตัวว่าเรารู้สึกอะไรอยู่ แล้วถ้าเรารู้สึกว่าอยู่กับมันนานเกินไป แล้วเรารู้สึกไม่ดีก็ต้องรีบดึงสติตัวเองกลับมา มันต้องมีความตื่นรู้จริงๆ นะ เราต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และต้องรู้ว่าบางครั้งความสุขก็อาจจะไม่ได้อยู่เสมอไป พอคนเราอายุมาถึงจุดนึงเราเรียนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการปล่อยวางให้ไว ส่วนนึงเรื่องการที่เราเสียแม่ไป เป็นช่วงที่หนักจน จากเราซึมเศร้า เราหายซึมเศร้า เพราะสิ่งที่เราเศร้ามันเบาไปเลยถ้าเทียบกับเรื่องแม่ แล้วพอเราผ่านเรื่องนี้มาได้ เราก็รู้สึกเลยว่าเราแกร่งมาก
ฝากผลงาน
ส้ม : ก็หวังว่าทุกคนจะติดตามผลงานของ ส้ม ในอนาคต แล้วหวังว่าคนดู คนฟังจะอยู่เคียงข้าง ฝากทุกคนด้วยนะคะ