ถ้าจะพูดถึงศิลปินสักคนที่จะมีทั้งเพลงเพราะ มี Rhyme แบบเดือดๆ รวมถึงไอเดีย และสื่อสารวงกว้างได้ อย่างครบเครื่อง แชมป์ Maiyarap (นครินทร์ จรูญวิทยา) เป็นศิลปินที่มีเรื่องพวกนี้ชัดเจนมากจริงๆ กับ Career ของเค้าจากวันแรกถึงวันนี้ ก็เกือบจะ 10 ปี แล้ว เรื่องราวในชีวิตมากมายหลายเรื่องก็หนักหน่วง แต่ก็เป็นดังคุณลักษณะ ของฉายา “ยักษ์อมตะฆ่าไม่ตาย” เรื่องราวที่ทำให้เขาแข็งแกร่ง การมีรอยยิ้มผ่านบาดแผลที่เป็นเรื่องเศร้าไม่ใช่ใครที่ไหนจะทำมันได้ง่ายๆ แต่เขาคนนี้ทำได้ และ ทำได้ดีซะด้วย กับโชคร้ายมากมาย แต่เขาก็ซัดมันกลับ รอดชีวิต จนยืนหยัดมาถึงวันนี้ นี่คือเรื่องราวดีๆ ของ Maiyarap
ย้อนกลับไปตอนเด็ก “ดนตรี” เริ่มมีอิทธิพลในชีวิตแชมป์ได้ยังไง
แชมป์ : ก็ต้องยกเครดิตให้คุณพ่อ เพราะอย่างที่หลายคนทราบว่าบ้านผม เป็นบ้านลิเก คือพ่อผมเขาไม่ได้เป็น ลิเกอย่างเดียว แต่เป็นมือกีตาร์ด้วย เป็นมือเปียโน เป็นมือกลอง แล้วแกก็ทำเพลงด้วย ผมเลยได้อิทธิพลจากคุณพ่อตั้งแต่เด็ก แล้วคณะลิเกของบ้านผมจะเป็นคณะใหญ่ โดยจะมีคอนเซ็ปต์ว่า “คอนเสิร์ตลูกทุ่งรุ่งพระลอ” ก็จะมีคอนเสิร์ตก่อนเล่น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ที่บ้านผมก็ไม่สนับสนุนให้ผมเล่นดนตรีเลยนะ ผมเคยบอกพ่อให้สอนกีตาร์ ก็ไม่สอนให้เลย ขนาดลิเกยังไม่สอน ผมบิ้วท์เขาอยู่นานกว่าจะให้เขาสอนลิเก สอนกีตาร์ ได้เริ่มทำจริงๆ ตอนอายุ 13 ก็เป็นการยอมปล่อยให้ไปเรียนกับคนอื่น
ตอนนั้นเรียนกับใคร แล้วทำไมเขาไม่อยากให้เราเล่นดนตรี
แชมป์ : เป็นลูกศิษย์คุณพ่ออีกที แต่ผมก็ต้องแอบเรียนเอา คือ บ้านผมเขาไม่ถึงกับห้ามเล่นหรอก แต่แค่อยากให้เราได้ทำงานที่มั่นคง เช่นข้าราชการ ด้วยที่ฝั่งแม่ผมเขาเป็นพยาบาล เขาก็เลยมีมุมมองนั้น ซึ่งผมเข้าใจนะครับ เพราะตอนที่ผมเริ่มโตตอนนั้นที่บ้านเองก็เริ่มลำบากแล้ว มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเรื่องการโชว์จากงานวัดที่เป็นลิเก ก็กลายเป็นวงลูกทุ่งอะไรแบบนี้
ชีวิตแชมป์ตอนเริ่มรู้ความ มุมนึงได้เจอ Rap การทำเพลง มีความสุข ความสนุก แต่กลับไปบ้าน มันเป็นอีกด้านนึง ตอนนั้นความรู้สึกของเราเป็นแบบไหน
แชมป์ : มันเป็นหลายๆ อารมณ์ผสมกัน มันสนุก มีความสุขก็ไม่สุด จะเศร้าก็ เศร้าฉิบหาย ฟิลไม่อยากอยู่ก็มี คิดถึงครอบครัวพร้อมหน้าก็มี ผมหัวเลี้ยวหัวต่อด้วย มันสับสนมาก ซึ่งโดยรวมผมแฮปปี้กับการอยู่ข้างนอกบ้าน ไม่อยากกลับบ้าน แต่เราแค่มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าพูดแบบตรงๆ สถานการณ์บ้านผมตอนนั้น ดนตรีแทบไม่ได้อยู่ในชีวิตผมแล้ว ก็มีมุมแอบมาเขียนเพลงบ้าง ในเวลาอันน้อยนิด ก็ได้ดนตรีเป็นเพื่อน แต่ถามว่าผมฝันถึงการเป็นศิลปิน มันก็มีนะ เพราะตอนนั้นผมก็เริ่มทำเพลงนั่นแหล่ะ แต่พออายุ 15 ที่ผมเจอเรื่องที่บ้าน มันก็เลยเริ่มไกลตัว
จุดเปลี่ยนสำคัญในทุกอย่างในชีวิตช่วงแรก “ต๊อบ Blacksheep” ต๊อบเปลี่ยนชีวิตแชมป์ขนาดไหน
แชมป์ : เขาเป็นพ่อคนที่ 2 ของผม คือพอที่บ้านผมเขาแยกกันแล้ว ผมก็มาอยู่กับพี่ต๊อบ เต็มตัว ไม่กลับบ้านเลย หายจาก พ่อ แม่ ไปเกือบปี เป็นผู้ปกครองผม สอนเรื่อง Rap เรื่องทำเพลง เป็นทุกอย่างของผม ซึ่งเขารู้เรื่องราวของผมนะ แต่เขาจะไม่ถามมาก เพราะเขารู้ว่าถ้าถามแล้วจะยิ่งดาวน์กว่าเดิม คือมันมีเหตุการณ์ที่ผมจะไปคิดสั้นครั้งที่ 2 ก็หายไปจากบ้านเขา จะไปกระโดดน้ำ แต่โชคดีที่น้ำมันตื้น ผมก็เลยเดินกลับบ้านเขา เค้าก็ไม่ได้ถามอะไร แต่ผมรู้ว่าเขาตามหาผมตลอด เพราะผมได้ยินเขาเรียกชื่อผมตั้งแต่ไกลๆ ผมได้ยินหมด ผมกลับมาไม่มีใครถามอะไร แต่มีกับข้าวสำรับใหญ่ๆ รออยู่ เรียกว่าไม่ต้องพูดเยอะ แต่แสดงออกด้วยการกระทำอย่างเดียวเลย
กับการบิ้วท์ให้ไปลงแข่ง Rap Is Now
แชมป์ : เอาจริงๆ ช่วงนั้นผมไปเรียน ปวช.1 แล้วพี่ต๊อบ แกก็ขึ้นมาเรียนตัดผมที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมก็เริ่มเปลี่ยนสายตามคนรอบข้าง เริ่มเป็นเพื่อชีวิต ตอนนั้นเริ่มเป็นซูซูรันแล้ว (หัวเราะ) ผ้าเช็ดหน้าโพกหัว คราวนี้เป็นจังหวะที่พี่ต๊อบ แกกลับมาเปิดร้านตัดผม ซึ่งเราก็เริ่มคุยกันเรื่องอื่นๆ ไม่ค่อยคุยเรื่องเพลงกันแล้ว แต่คราวนี้พอมีการแข่ง The War Is On 2 แล้วเพื่อนๆ ผมเขาก็ลงแข่งกัน คราวนี้พี่ต๊อบแกก็ไฟติด ก็เลยชวนผมลงด้วย ผมก็ทำ แต่คราวนี้เสือกผ่านเข้ารอบ (หัวเราะ) ตอนแรกผมจะสละสิทธิ์ พี่ต๊อบแกบอกว่า มึงต้องลง ไอ้แชมป์ ถ้ามึงไม่ไป มึงกระจอก กูจะล้อยันลูกมึงบวช (หัวเราะ) ไอ้ผมก็ยุขึ้นซะด้วย ก็ได้วะ ผ่านถึงรอบ 16 คน แล้วหลังจากนั้นผมก็เริ่มสร้างชื่อ
ชื่อเสียงจาก Rap Is Now ก่อนจะถึง The Rapper กับการที่ แชมป์เคยสัมภาษณ์ว่า “หลงในชื่อเสียง” ในตอนนั้น ถ้าเรามี Level จาก 1 ถึง 10 แชมป์จะให้ตัวเองที่เท่าไหร่
แชมป์ : 10 ครับ (หัวเราะ) มันหนักมาก ผมไม่พกโทรศัพท์ ขณะที่ทุกคนพกโทรศัพท์ ผมยังพกโทรศัพท์กดแบบ 3310 อยู่เลย แล้วนอนไม่เป็นเวลาติดต่อไม่ได้ ครั้งที่หนักสุดคือ มีงาน 6 โมงเช้า ตอนตี 5 ผมโทรหาคนดูแลผมว่า ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากไป ไม่มีอารมณ์ ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้ตัวหรอก ถ้ามองย้อนกลับไปคืออีโก้ของเรา ไม่ต้องพึ่งใครก็ได้ เพลงดังแล้ว เดี๋ยวปล่อยก็ดังอีก มันไม่ได้คิดหน้า คิดหลัง เพราะตอนนั้นผมอายุ 16-17 วุฒิภาวะไม่ได้เลย แต่สิ่งที่เข้ามามันใหญ่มาก ทุกคนอยากเข้าหาผม กูมันเท่สุดๆ ไปเลย (หัวเราะ) ผมแบบ เริ่มดึง แล้ว ตึงเปรี๊ยะด้วย (หัวเราะ) จนกระทั่ง พี่ต๊อบ แกไม่ไหว ตบหัวผมอย่างแรง มึงเป็นเหี้..อะไรเนี่ย คือตอนนั้นเรานั่งปาร์ตี้กัน แล้วผมคงพูดอะไรสักอย่างแบบไม่ได้คิดไป พี่ต๊อบก็ตบซะ โดนด่าไปชุดใหญ่เลย ผมร้องไห้เลยนะ เหมือนเขาดึงสติเรานะ
พอผ่านมาหลังจากนั้น จากการที่เราเคยคิดว่า “Rap คืออาชีพ” ต้องมาเป็น “Rap มืออาชีพ” อะไรคือความแตกต่าง ของ 2 คำนี้ ที่ แชมป์สัมผัสได้
แชมป์ : โอ้โห…ยากจัง เพราะว่าผมจะเน้นใช้คำว่า เป็นอาชีพมากกว่า มืออาชีพ เพราะคำว่า มืออาชีพ ไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย ผมรู้สึกว่า ณ วันนั้น การ Rap เป็นอาชีพ คือการหาเงินจากเพลง หาเงินจากทัวร์ได้ แต่การเป็นมืออาชีพบอกตรงๆ ว่า ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่ เรารู้แค่ว่าทำเพลงปล่อย เรามีตังค์ แต่คำว่า มืออาชีพ มันหลายอย่างกว่า การไปซ้อม การวางตัว มันต้องรวมสิ่งเหล่านี้เข้าไปถึงจะเรียกว่ามืออาชีพ แต่ ณ วันนั้น ผมไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย
ผลงานนึงที่แชมป์ทำได้อย่างน่าสนใจคือพวก Mix Tape หรือ Remix Version โดยเฉพาะเพลง “เลือกได้ไหม” ตอนนั้นมีวิธีคิด หรือ วิธีเลือกยังไง
แชมป์ : จริงๆ ผมแค่รู้สึกชอบอย่างเดียวเลย ก็เลยอยากลองทำ ผมก็ทำเก็บไว้แล้วตอนนั้นเองก็ยังไม่ค่อยมีโปรเจ็กต์แบบเพลงเก่าๆ แล้ว Rap เข้าไปเหมือนทุกวันนี้ ซึ่งผมชอบเอง อยากลองดู แต่ผลลัพธ์เกินคาด วิวเยอะกว่าเพลงผมอีก (หัวเราะ) มันเร็ว แล้วไปเลย อย่างแรกที่ผมกลัวคือ กูจะโดนเรียกลิขสิทธิ์หรือเปล่าวะ (หัวเราะ) ก็ปรึกษากับรุ่นพี่ เพราะฉะนั้นงานนี้เป็นสเต็ปมืออาชีพแรกที่รู้จัก คือจะทำอะไรต้องขออนุญาตินะ (หัวเราะ)
หลังจากนั้นแชมป์มีผลงานตัวเอง รวมถึงร่วมงานกับคนอื่นมากมาย หมุดไมล์สำคัญคือ EP อัลบั้ม “Pop Star” ในภาพรวม แชมป์รู้สึกยังไงกับ EP อัลบั้มนี้
แชมป์ : ผมรู้สึกชอบ เพราะว่า Pop Star ถึงจะมีแค่ 5 เพลง แต่มันสนุกมาก แล้วช่วงที่ทำ EP นี้เป็นเพราะตัวแชมป์เองเริ่มเบื่อสไตล์ของตัวเอง ก็เลยชวนคนอื่นๆ มา feat พอผลงานที่ดีออกมา ก็เลยรู้สึกดี มันได้กลิ่นอายใหม่ ได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ ขึ้นมา เราอยากเติบโตมากขึ้น พูดตรงๆ คือผมไม่อยากเป็นแค่ Rapper อย่างเดียว
ซึ่งในช่วงเวลานี้ ก็น่าจะเป็นช่วงที่แชมป์มีทั้ง แฟนคลับ และ Hater ตอนนั้นมีวิธีการรับมือ การบาลานซ์ตัวเองยังไงบ้าง
แชมป์ : ช่วงนั้นเรื่องเดือดๆ ก็จะมีเรื่องที่ผม Rap แล้วมาสายร้องด้วย ตอนนั้นเดือดๆ เลย ซึ่งผมมองว่า จะ Rap จะร้อง มันก็ศิลปินนั่นแหล่ะ มันอยู่ที่การเปิดใจมากกว่า ก็เลยทำเพลง Pop Star ขึ้นมาเพราะอยากสวนเฉยๆ (หัวเราะ) ซึ่งจุดนี้มันยากตรงที่ มันไม่ใช่เรื่องของการ ดิส กัน แต่มันเป็นเรื่องทัศนคติ อุดมการณ์ซึ่งผมก็เข้าใจนะ แต่เราแค่อยากสวนพอเป็นสีสัน ซึ่งตอนนั้นก็มีคำเหยียดนึงคือ “ใครที่แยกไม่ออกระหว่างลิเก กับ Rap” ไอ้คำนี้มันโดนผมไง เต็มๆ เลย (หัวเราะ) แต่ผมก็มองเป็นเรื่องตลกนะ ซึ่งถ้าถอยไปสัก 5 ปี เจอ Maiyarap Free Style แน่นอน (หัวเราะ)
ศิลปินที่เราเห็นแชมป์ร่วมงานด้วยแรกๆ คือ Lipta ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แชมป์ : เป็นวงแรกๆ เลยที่มาขอผม feat ตอนนั้นได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง การทำงานกับมืออาชีพ เขาทำแบบนี้ มีการบรีฟงาน ถ้าจะให้ศิลปินสักคนนึง feat ต้องมี บรีฟนะ อยากได้อะไรยังไง เขาอธิบายเคลียร์หมดเลย มีโจทย์มาให้ การวางแผน การทำงาน การสื่อสารกับคน พวกพี่เขาวางแผนมาหมด ซึ่งตอนนั้นเรายังมีความเป็น Rapper อยู่ แบบคิดอะไรก็พูด ที่ว้าวที่สุดก็คือเรื่องคำพูด ตอนทำกับพี่ๆ Lipta ผมระวังคำพูดมาก กลัวหยาบเกินไป คือ ในเพลงจะมีคำว่า “น้ำตาเอาไปให้แม่เช็ด” ซึ่งถ้าเป็นงานของผม ไม่ใช่คำนี้แน่ๆ (หัวเราะ) ซึ่งมันทำให้เราเรียนรู้ว่า เราสามารถพลิกคำให้ดูป๊อบได้ โดยที่ เอเนอร์จี้ของมันยังอยู่
ในช่วงนึงคือ Lazyloxy และ OG-ANIC ที่ร่วมงานกันบ่อยมากๆ
แชมป์ : ผมจะ feat กับ ท๊อป เยอะกว่า เพราะอยู่ค่ายเดียวกัน อีกอย่างคือ ต่างคนต่างเหงา มันชวนผม ผมชวนมัน อยู่อย่างนี้ เพื่อนน้อยทั้งคู่ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตอนนั้นพวกผม 2 คนก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องนะ คือ บางครั้งมันเจอผมต่อ แอ๋ ไปแล้ว แล้วผมก็ไปเจอมัน ตอน แอ๋ เละทั้งคู่
กับวงดนตรีอย่าง Three Man Down ที่เหมือนจะรู้จักกันมานาน
แชมป์ : ใช่ครับ เราเคยอยู่ด้วยกันในช่วงแรกๆ เลย ผมคุยกับ Three Man Down เยอะ ผมชอบเพลง “เก็บไว้ในใจไม่พอ” มากๆ ผมชอบทุกอย่างเลย การทำงานมันสนุก เขาหลายคน แล้วมีไอเดียตลอด อย่างชื่อเพลง ตอนแรกผม บอก “เก็บไว้ในใจก็พอ” แต่ TMD ก็บอกว่า ไม่ได้ว่ะ ถ้าทำกับ วงเราต้อง เก็บไว้ในใจไม่พอ เพราะคนทั้งคนมันเก็บไว้ในใจไม่พอ จริงๆ อะไรประมาณนี้ คือนิดเดียวมันเปลี่ยนความหมายได้เลย ซึ่งผมว้าวมาก ส่วนนอกเวลางานก็เรื่องเกมส์เลย เข้าทาง คุยมากกว่าเรื่องดนตรี (หัวเราะ)
แน่นอน Milli กับเพลง “แฟนใหม่น่าคุ้น” ซึ่งเป็นวันที่แชมป์ อยู่ในฐานะศิลปินรุ่นพี่
แชมป์ : เอาจริงๆ เพลงนี้ไม่มีอะไรเลย มันพิลึกมาก ตอนแรกคน feat จะไม่ใช่ Milli อยู่ที่โต๊ะตอนคุยว่า ช่วยคิดว่าใครจะมา feat เพลงนี้ ผมนั่งโหวตกับ นวย ว่าจะเอาคนนั้น คนนี้ ติดต่อไปไม่ได้สักคน จนผมบอกว่า มึงนั่นแหล่ะ มึงเลย ต้องมึงแล้วล่ะ มึงกำลังมาด้วยกูขอเกาะหน่อยละกัน (หัวเราะ) เอากันตรงๆ เลย ก็นัดวันเลย แล้วเขียนไม่เหนื่อย เหนื่อยเต้น (หัวเราะ) นวย มันเอเนอร์จี้เยอะ ชอบชวนเต้น (หัวเราะ) ซึ่งทำให้บรรยากาศการอัดดีนะ แล้วมันก็กลายเป็นเพลง 100 ล้านเพลงแรกในชีวิต ซึ่งผมตื่นเต้นมากเลยนะ ผมจำได้ว่ามันร้อยล้านตอนตี 4 ผมตั้งนาฬิกาปลุกทุกปลายชั่วโมงเพื่อมาเช็ก ผมตื่นเต้นมากๆ เอาจริงๆ คือ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะถึง แต่พอมันใกล้ถึง ใจมันฟู แล้วตอนนั้นผมไลฟ์อยู่ พอถึงร้อยล้านผมปรบมือ แล้วบอกว่า เรียกผมว่าแชมป์ร้อยล้าน (หัวเราะ) แล้วตอนนั้นงานจ้างมาแล้วเพราะ แฟนใหม่หน้าคุ้น กับ เก็บไว้ในใจไม่พอ มาคู่กันเลย ผมแบบ รวย (หัวเราะ) แต่พอครึ่งเดือนถัดไป Covid ตัวซีดเลยผม ตารางผมมาแล้ว 2-3 เดือน 17-18 งาน คืนที่เริ่มประกาศ Covid คือ ตี 3 ผมกำลังจะไปทัวร์ที่โคราช รถกำลังจะออก โทรศัพท์เริ่มเข้าถี่ งานแคนเซิลรัวๆ ผมโคตรเฟลเลย นั่งเงียบกริบเลย ไม่นั่งฟัง 2 เพลงนี้เลย
ที่ลือลั่น คงไม่พ้น ซุปเปอร์ไซย่า กับ URBOYTJ
แชมป์ : มันเกิดจากผมลงเพลงนี้ใน IG แล้วพี่เต๋า แกอยากเอาด้วย ซึ่งผมลืมไปแล้วปล่อยเบลอ แกก็ทักมาว่า ขอเพลงนี้ไปอยู่ในอัลบั้มได้ไหม ผมก็อยากรู้ว่าแกจะทำออกมาเป็นรูปแบบไหน ก็เลยให้ไป พอได้ฟัง Full Demo ก็แบบ โห โคตรเท่เลย พอเพลงปล่อยผลตอบรับก็ดี ซึ่งผมรู้สึกว่า ถ้าเพลงนี้อยู่กับผม ผมคงทำแบบนี้ไม่ได้ มันสมบูรณ์แบบ แล้วยิ่งท่อน Rap รัว แกไม่บอกใครเลย ทำเสร็จแล้วขิงด้วย แกบอกกูลมเดียวนะโว้ย (หัวเราะ)
กับผลงานใหม่ ทั้ง “ไข่เจียว” และ “น้ำตาลาเธอ” เล่าถึงการทำงานในผลงานใหม่ทั้ง 2 เพลงหน่อย
แชมป์ : คือฟังก์ชั่นของเพลง “ไข่เจียว” ผมเอามาล้อ ซุปเปอร์ไซย่า ผมอยากได้เพลงมันส์ๆ ของตัวเองเพิ่มอีกเพลงเวลาโชว์ คือ คอนเซ็ปต์ของเพลงนี้ แมสเสจจริงๆ คือเราจะบอกว่า ไอเด็กเว..มึงยังเด็กนัก กลับไปกินไข่เจียวที่แม่มึงทำไป อะไรแบบนั้น แต่คราวนี้ท่อน Verse เราคิดไม่ออก แล้ว ตอนตี 3 เริ่มหิว ก็อยากกินกะเพรา ก็ได้คำว่า หมดคำจะด่า ไอ้หน้ากะเพราหมูสับ คราวนี้ก็ยาวเราคิดอะไรก็ใส่กับของกินไป ภาพรวมก็เลยเหมือนกับว่า เราหมดคำจะด่า ต้องด่าเป็นอาหาร ฟีดแบคดี จน Youtube แฮงค์เลย (หัวเราะ) ส่วน “น้ำตาลาเธอ” เพลงนี้ผมเขียนที่อเมริกา อยู่ LA บรรยากาศ Hip Hop มาก ก็นั่งอยู่หน้าบ้าน นั่งมองแม่ แล้วก็ได้ไอเดียว่า อยากเขียนเพลงลูกทุ่ง แต่จะทำยังไง ไม่ให้ลูกทุ่งจนเสียความเป็น Maiyarap ผมมี Rap ที่เคยเขียนไว้ ก็เลยเอามาใส่ใน Hook ของเพลงนี้ คราวนี้ก็ลองมาเปิดให้ผู้จัดการของผมฟัง เขาบอกว่า Hook มันดีเกิน จะให้มารอบเดียว ก็เลยทำเพลงนี้เต็มๆ เลย มันยากตรงมีท่อน Hook แล้วจะเล่าต่อกันยังไงให้ได้ความลูกทุ่งที่มีความเป็น Maiyarap ก็ทำอยู่นาน จนประกอบร่างได้เป็นแบบนี้ ตอนผมเขียน Hook เพลงนี้ ผมเรียกแม่มาฟัง แม่ผมไม่เคยชมเพลงไหน ผมเพราะเลยนะ พอมาเพลงนี้ แกบอกเพราะดี แสดงว่า ถูก Target (หัวเราะ) ซึ่งหลังจากนี้ผมจะรวบรวมทั้ง 2 เพลง ให้อยู่ในอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของผมด้วย แต่ภาพรวมทั้งหมดขอ อุบไว้ก่อน
ถ้ามองย้อนกลับไปการได้เจอ ศิลปินมากมาย อย่างเช่น พี่ๆ วง Zeal เป็นเรื่องไกลตัวขนาดไหน
แชมป์ : ไกลมากๆ นะครับ อย่างผมเป็นคนนครสวรรค์ แล้ว พี่ เป๊ก Zeal ก็จะเป็นคนดังมากของจังหวัด ก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย จนได้เจอพวกพี่ ในระยะหลัง มันไกลตัวผมมากๆ แต่ตอนนี้เริ่มคายตะขาบให้ผมแล้ว (หัวเราะ) บางทีการได้เจอพี่ๆ หลายคนในงาน Festival ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เออ เราก็มาไกลมากๆ จากที่แทบไม่เห็น วันนี้เราเดินตามแผ่นหลังเขาแล้ว อย่างที่ผมตื่นเต้นมากๆ คือการได้เจอ พี่เสก Loso แค่เจอ ได้ถ่ายรูป ผมตื่นเต้นมาก ผมบังเอิญเจอแกบ่อยมาก ตามร้านข้าวต้มอะไรแบบนี้ เป็นคนที่ผมเกร็งมาก เวลาจะขอถ่ายรูป อย่างคอนเสิร์ตล่าสุดของ Loso ผมแทบอยากร้องไห้ เพราะไม่ได้ไป เสียดายมากๆ
ถ้า แชมป์ เป็นตัวละครใน Worst หรือ Crows ตัวละครไหนที่ น่าจะมี คาแรกเตอร์ใกล้เคียงกับ แชมป์ ในปัจจุบัน มากที่สุด เพราะอะไร
แชมป์ : ต้อง มุราตะ โชโกะ หัวหน้าบุโซเซ็นเซ็นรุ่น 7 ผมแกะคาแร็กเตอร์เขามาเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ) ผมว่านิสัยเขาแบบ อ่อนโยน แข็งแกร่งมีมารยาท แต่เอาจริงก็เอาเรื่อง เบียวเหมือนกันนะเนี่ยผม (หัวเราะ)
กับความสุขในวันนี้ อยู่ในระดับที่ตัวเองพอใจหรือยัง
แชมป์ : ตอนแรกเคยคิดว่าพอใจแล้ว แต่พอเริ่มโตมา ก็เริ่มไม่พอใจ เริ่มอยากมีอะไรมากกว่านี้ คือ ถ้าแค่ชีวิตเราเอง มันก็พอใจ แต่ถ้าคิดว่าเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูก ก็รู้สึกว่า ต้องเก็บเงินเยอะพอสมควร ตอนนี้เรามีแรง ก็ต้องเก็บเงิน จะได้มีเงินส่งลูกเรียน จะได้ไม่ลำบากเหมือนเรา เป็นเป้าหมายใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
หากว่า แชมป์ Maiyarap ในวันนี้ ย้อนเวลา ไปเจอ “เด็กชายแชมป์” อยากฝากข้อความอะไรถึง “ตัวฉันในอดีต” บ้างหรือเปล่า
แชมป์ : สู้ๆ นะไอ้สั.. คงเป็นคำนี้ ซึ่งเด็กชายแชมป์คงไม่เชื่อ แล้วถ้าพูดได้อีกคำก็ คือ อย่าตายนะมึง….
ฝากผลงาน
แชมป์ : ก็ฝากเพลงใหม่ด้วยนะครับ แล้วอัลบั้มเต็มก็จะทำให้เสร็จซึ่งผมพูดมา 4 ปี แล้ว แต่รอบนี้เอาจริงแน่นอน ก็ติดตามได้ทุกแพลตฟอร์มนะครับ