Bomb At track
Bomb The System เรื่องราวของ “แก๊งระเบิดจอมเดือด”
Bomb At Track วงร็อคหน้าใหม่ของ genie records แต่ไม่ใช่หน้าใหม่ของชาวร็อคสายเข้มข้นแน่นอน วงที่เรียกว่ามาแรงด้วยสไตล์ที่ชัดเจน ทัศนคติที่มุ่งมั่นเต็มร้อย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยไอเดียดนตรี ที่พร้อมจะทำลายระบบความคิดเก่าๆ ของตัวเอง เพื่อสร้างสิ่งใหม่เสมอ ชัดเจนทั้งตัวตน ฝีมือดนตรี การเดินทางมาจนถึงตรงนี้ Bomb At Track มีแนวคิดกับการทำผลงานแบบไหน เราลองมาคุยกับพวกเค้ากัน
ในที่สุดก็มีอัลบั้มเต็มกับ genie records
BAT: รู้สึกตื่นเต้น เป็นอัลบั้มแรกที่เราออกกับ genie แล้วอัลบั้มนี้มันก็ Impact กับพวกเรา เพราะทั้ง 9 เพลงเราทำอย่างเข้มข้นกว่า White (อัลบั้มก่อน) อัลบั้มนี้ใช้เวลา 3 ปี มันผ่านอะไรมาเยอะมาก 9 เพลงที่ทุกคนได้ฟังคือปัจจุบันของพวกเรามากที่สุด เรื่องราวเยอะมาก อย่างเด็กเอ๋ยเด็กดี ถ้านับตอนทำเดโม่ก็ 2 ปีที่แล้ว 40 กว่าดราฟ มันเป็นช่วงที่เรากำลังหาความเป็น Bomb At Track ในอัลบั้มที่ 2 ด้วย มันเลยเกิดการโละหลายเพลง เพราะระหว่างทำเพลงบางเพลงมันโอเคในช่วงนั้น แต่พอเราโตขึ้น มุมมองก็ค่อยๆ เปลี่ยน จนกลายเป็นว่าเพลงที่เคยทำเสร็จมันบูด มีอย่างเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีที่ใกล้เคียงกับอัลบั้มใหม่นี้ได้ เลยหยิบกลับมาทำ
กับคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม
BAT: ก่อนเล่นหลังเล่นนี่ความรู้สึกคนละเรื่องเลย ก่อนเล่น ซ้อมเกือบทุกวัน เราเปลี่ยนระบบของวงด้วย อย่างเมื่อก่อนเราเล่นดิบๆ คอนเสิร์ตนี้ทำ Data เรียงลิสต์เพลง กีตาร์สามารถเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์ เวลา Run คิวสำคัญมาก แรกๆ เกร็งมากแต่พอเรารันไปเรื่อยๆ มันเริ่มชิน เริ่มรู้จังหวะ แม้เราจะคิดไว้หมดแล้ว คิดเผื่อไว้หมด แล้วโชว์นี้มันอิงกับชื่ออัลบั้มด้วย Bomb The System เราเคยทำอะไรมาแบบไหน เราก็พยายามทำให้มันใหม่และดีขึ้น รวมถึงการโชว์ มีโปรเจคเตอร์ Lighting ทุกอย่าง Bomb The System จริงๆ มีเพลงช้า มี feat แต่พอเล่นจริง ก็เจอข้อผิดพลาดอยู่แล้ว ซึ่งก็พยายามทำให้สมูทที่สุด กีตาร์ของเมษ สายขาด 4 รอบ แต่แฮปปี้มาก มีที่ฮาคือ เต้ ตอนนั้นฟิลขึ้น แล้วมีซีนที่ต้องพุ่งออกจากโปรเจคเตอร์ คือกะแรงไม่ได้ มันเกิน ก็กระโดดออกไป แล้วตรงนั้นมันมีโฟมที่ทำเป็นฉากห้ามสะดุด โชคดีที่ไม่โดนก็เกือบเหมือนกัน เรียกว่า Magic Moment หลังเล่นก็แบบเต็มที่ ปุ้ยนี่ก่อนงานไม่ดื่มเลย พอจบงานซัดยับ (หัวเราะ) แล้วฟีดแบ๊กทุกอย่างดี คนดูแฮปปี้มาก เราเห็นแฟนคลับใหม่ๆ มากขึ้นด้วย ซึ่งเรามองลงไปก็เห็นความต่างนะ พวกคนเก่าๆ ก็อยู่กลางๆ เตรียมมอช เตรียมวิ่ง แฟนเพลงใหม่ๆ ก็อยู่รอบแล้วมาเสพเพลงจริงๆ
ครั้งแรกที่รู้จักกันของ Bomb At Track
BAT : ต้องเริ่มที่พวกเรา 5 คน มี 4 คนเรียนที่มหิดล ส่วนปุ้ย จะเรียนศิลปากร เรียนดนตรีเหมือนกันทุกคน คราวนี้ วงจะเริ่มที่ ข้น นิล เมษ เรามีวิชารวมวง ตอนนั้นเราหานักร้องแนวร็อคกันอยู่ แต่เราดันไปเจอมือกลองคนนึง (หัวเราะ) ก็คือเต้ เราสนิทกันอยู่แล้ว มันชอบร้องเพลง ฟังเพลงคล้ายๆ กัน เลยชวนมา วิชารวมวงก่อน จนมีงาน Nu Metal ครั้งที่ 2 ที่ Rock Pub แต่เมษมันติดงาน นิลก็เลยชวนปุ้ย กะมาเล่นแทนงานเดียว พอเล่นเสร็จ กลายเป็นว่าปุ้ยอยากทำต่อ เพราะรู้สึกเคมี มันได้เลยทำเพลงกัน จนออกมาเป็น “อำนาจเจริญ” กลายเป็น 5 คน คือก่อนหน้านั้น นิลก็ฟังเมทัลอยู่แล้ว ส่วนเต้ มันเป็นมือกลอง ก็ชอบแกะ Dream Theater มาโชว์รุ่นน้อง (หัวเราะ) ซาวด์เช็กจัดประจำ ปุ้ยนี่จะฟังพวก Post Rock กับเพลง Shoegaze พอไปเล่นแทนเมษ ก็เลยฟัง Limp Bizkit / Rage Against The Machine เลยเปิดโลกเลย ส่วนข้นนี่หลุดไปเปียโนคลาสสิค เล่นเบส จนไปสอบเป็นเบส แจ๊ซ จนสุดท้ายเพิ่งมารู้จัก Deftones ตอนปี 3 ก็ฟังหลากหลาย แต่มาสะดุดที่ Deftones ส่วนของเมษ ก็จะได้จากอาจารย์กับพ่อที่ฟังเพลงร็อค แต่เอาจริงๆ เราอยากได้นักร้องเสียงสูงๆ กันครับ เปลี่ยนมาหลายคน ปุ้ยมันยังเคยจะเป็นนักร้องเลย (หัวเราะ)



หลังจากรวมวงแล้ว เพลงแรกที่ซ้อมคือเพลงอะไร แล้วมีชื่อวง ก่อน Bomb At track
BAT : ถ้ารวมกัน 5 คน เราทำเพลงเลย สมมตินัดห้องซ้อม 2 ชั่วโมงคือมาทำเพลงแจมในห้องซ้อม จนได้ “อำนาจเจริญ” ซึ่งสนุกนะ ช่วยกันดูจนลงตัว จริงๆ ชื่อวงเราควรจะเป็น Bomb The System ที่เป็นชื่ออัลบั้มนี้แหละ เราชอบคำนี้ แต่มันเป็นขื่อหนังแล้วถูกใช้ไปแล้ว แต่ก็ยังชอบ คำประมาณนี้อยู่ แล้วเราไปเจอคำว่า Attack ที่แปลว่าโจมตี เราก็เอามาเล่นคำกับคำว่า At Track ที่เป็นแทร็คเพลง
โชว์ที่แรก
BAT : เราเล่นเปิดพี่หนุ่ม Kala ที่กำแพงแสน ตอนนั้นเมษ เล่นแบ็คอัพให้พี่หนุ่มอยู่ แล้วพี่หนุ่มก็ใจดี ไปคุยกับคนจัดให้เอาวงของมือกีตาร์ไปเล่นเปิด แล้วคราวนี้เราเล่นก็ไม่ได้ซาวด์เช็กด้วย ผู้หญิงเต็มหน้าเวทีเลย เราเปิดด้วยเพลงเดนมนุษย์ (หัวเราะ) ปุ้ยใส่เสื้อกระทิงแดงก้มหน้าเล่น ไอ้เต้ก็ไม่รู้จะเอ็นเตอร์เทนยังไง (หัวเราะ) กำลังแรปตาดุๆ เลย ก็พยายามหาเรื่องคุย เราก็เอ็นเตอร์เทนไม่เป็นกัน ตอนแรกผู้หญิงก็กรี๊ดนะ สักพักเริ่มหาย โชคดีมีแฟนคลับวงเราอยู่บ้างเลยช่วยร้องได้ (หัวเราะ) ไอ้นิล โยนไม้กลอง โดนหัวแฟนเพลงด้วย เล่นเสร็จพายุเข้าอีก เอาจริงๆ แฟนๆ เขาก็ให้ความร่วมมือนะ บอกให้ยกมือก็ยกตาม แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง แฟนๆ พี่หนุ่มที่มาดู ก็ไม่รู้จะต้องทำอะไร ต่างคนต่างงง (หัวเราะ) ไอ้เต้บอกให้ชูนิ้วกลาง พวกเราตอนซ้อมนี่มาเต็มที่เลย ถึงเวลาจริงไม่กล้าชู (หัวเราะ) ชูกันเขินๆ หันหาเพื่อนนี่หลบตากันทุกคน (หัวเราะ)


ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทำเพลงอย่าง “อำนาจเจริญ”, “ฆาตกรคีย์บอร์ด” ก็ดูเหมือนว่า ทิศทางวงจะดูชัดเจนมาก ตอนนั้นคิดถึงการอยู่ค่ายเพลง หรือ การเดินทางของวงไว้ขนาดไหน
BAT : อาจจะบอกว่าไม่ทันได้คิด เพราะพอเราปล่อยเพลงเสร็จ พี่โน่ ดนัย ก็มาชวนเราเลย ตอน EP แรก เราก็จะได้ไปอยู่ค่ายแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าจะคุยกับผู้ใหญ่ยังไง ไม่รู้ว่าเราอยากได้อะไร EP แรกเราเลยทำกันเองก่อน พอจังหวะทุกคนเรียนจบ ก็เลยไปคุยใหม่ ตอนนั้นเพิ่งปล่อยเพลงแรกมาเพลงเดียว เรายังไม่ชัดเจน แล้วเอาจริงทิศทางของเรื่องที่จะเล่าในเพลง เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะพูดเรื่องสังคมการเมือง ตอนทำ “อำนาจเจริญ” สิ่งที่คิดคือเราควรจะเขียนเนื้อหาแบบไหนในดนตรีแบบนี้ดี จนมาเจอเรื่องในสังคม พอเต้เข้าไปศึกษาเรื่องพวกนี้แล้วก็อิน เขียนออกมาลงตัวเพื่อนทุกคนก็โอเค เลยเป็นทิศทางนี้ยาวเลย
กับ Wayfer Records วงได้อิสระในการทำงาน ขนาดไหน โดนวางกรอบไว้บ้างหรือเปล่า
BAT : ตอนนั้นพวกเราพุ่งกว่าเดิมอีกนะ เปิดตัวด้วยเพลง “ฉวย” เราก็โตจาก EP ขึ้น เอาจริงๆ ตอนนั้น พี่โน่ก็มีแบบลองเปลี่ยนเนื้อเพลงไหม คือมาแนะนำเรามากกว่า ซึ่งเพลงนี้ท่อนฮุค คิดโคตรยาก
จนในตอนนี้ก็มีเพลงฟังก์ชั่นใหม่อย่าง “จด” ตอนที่ทำเพลงนี้มีไอเดียยังไงบ้าง
BAT : เพลงนี้ยากมากสำหรับวงเรา ตอนนั้นเรากำลังหาเพลงรัก อยากได้เพลงช้าในแบบของเรา เราทำเพลงเร็วมาตลอด มันเครียดมาก จำได้ว่าเค้นกันโหดร้ายมาก เราทำเพลงนี้กัน มีช่วงหนึ่งซ้อมกัน 3 อาทิตย์ วันละ 3 ชั่วโมง แทบทุกวัน ก็ยังไม่ได้ มาได้วันสุดท้ายแบบไม่คิดอะไร ปกติเราทำเพลงกันเป็นริฟฟ์มีแค่คอร์ด 2 คอร์ด พอมันทางคอร์ดเข้ามา มันก็ต้องมีเมโลดี้ มีอารมณ์มากขึ้น ไอ้ที่ยากที่สุดก็นิลนี่แหละ พาเร่งตลอด ขนาดเพลงช้านะ (หัวเราะ) อย่างตอนทำเพลง “ราชา” ก็เหมือนกัน ตอนแรกก็ตั้งใจเป็นเพลงช้า อุตส่าห์เล่นน้อยๆ ช้าๆ ออกมาอย่างโหด ต้องบอกแบบนี้ เพลงช้า มันเป็นอะไรที่ท้าทายเรามาก เพราะอย่างแรกนี่เป็นความต้องการของพวกเราเลย เราไม่เคยทำเพลงช้า สำเร็จสักครั้ง อย่างที่สอง เวลาโชว์ คนดูไปไม่ไหว วงก็ไม่ไหว เราโดดทุกเพลง มันไม่ไหว ไดนามิกของโชว์มันไม่ได้ เราอยากได้อะไรแบบโชว์ Bomb The System ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว พยายามบาลานซ์เพลงให้ช้าลงไม่ได้ เราทำไม่ได้จริงๆ อีกอย่างเราอยากจะได้คน feat อยู่แล้ว ก็ได้ ริม Silly Fools มาก็เข้ากับเพลงดี แต่สุดท้าย เต้ ก็ต้องร้องเองอยู่ดี แล้วแต่งมาซะเสียงสูงเลย (หัวเราะ)
จนเข้ามาอยู่ค่ายใหญ่ขึ้น “การจะต้องแบกชื่อศิลปิน Bomb At Track จาก genie records” ทำให้ทางวงมีคำถามกันภายในขนาดไหน
BAT : เราคุยกันไว้ว่าจะทำกันเอง พอเราคุยกับ genie เอง ภาพมันตรงกัน เป้าหมายเหมือนกัน พวกเรารู้สึกแฮปปี้เกินคาด มันตรงตั้งแต่แรกที่คุยกันเลย เราแค่คิดย้อนไปว่า Bomb At Track กับ genie มันเป็นไปได้เหรอ พอมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็รู้สึกสะใจ คือเรามองจากภาพตอนพวกเราเป็นเด็กมัธยมมันไกลตัวมาก อีกอย่างมันการันตีได้ว่าเราเป็นศิลปินมืออาชีพด้วย ซึ่งวงเราพร้อมเรื่องระบบงานอยู่นะ ตอนเราดูแลกันเอง เราก็ค่อนข้างฟิกซ์เรื่องนี้คือทำงาน ก็ทำงานไม่ค่อยเลท เพราะเรามุ่งมั่นอยากทำตรงนี้เป็นอาชีพ พอมาอยู่ genie เราก็ยิ่งเป็นทีม และเต็มที่กว่าเดิม
ในอัลบั้ม Bomb The System เราได้เห็นพัฒนาการที่มากขึ้นของวง 1 ในเพลงที่น่าสนใจคือ “จำ”
BAT : เพลงนี้เก่าที่สุด เพราะเราทำมาสเตอร์มา 2 ปีแล้ว อันนี้ยากกว่าเพลง “จด” อีก เพลงนี้มันพิเศษกับพวกเรานะ เพราะตั้งแต่วันแรกถึงวันที่ปล่อย เราไม่ได้รู้สึกรักเพลงนี้ลดลงเลย ไม่ว่าฟีดแบ็กจะเป็นยังไง แต่มันก็สำเร็จตั้งแต่ที่เราได้ทำออกมาแล้ว โจทย์มันคล้ายๆ เพลงจดก็จริง แต่อันนี้เราอยากได้เพลงที่มันสว่างๆ กว่า เป็นเพลงรักจริงๆ แล้วก็ได้ “พัด Zweed N Roil” มา feat. ซึ่งเป็นเสียงที่อัดมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ถ้าวันนั้นเราไม่ได้มาสเตอร์เพลงนี้จะเป็นอีกแบบ ซึ่งข้นเคยพูดมานานแล้วว่าถ้ามีเสียงพี่พัดในเพลงวงเราสักเพลงจะเป็นยังไง ต้องเรียกว่า เราเหมือนจะปักหมุดสไตล์ของเราในวงกว้างได้มากขึ้น แต่เดี๋ยวเราก็จะหนีมันไปอยู่ดี (หัวเราะ)
การแรปที่เฉียบขาดของเต้ ทั้งคำทั้ง Rhyme จังหวะจะโคนต่างๆ ในอัลบั้มนี้
เต้ : เราหายไป 2 ปี ก็ตั้งเป้าว่าถ้ากลับมาเราก็อยากโตขึ้นในทุกอย่าง ดนตรี การเล่าเรื่อง รวมถึงการแรป คือด้วยความเป็นมือกลอง ผมก็เอา Rhythm ลูกฝึกกลองมาบิดใช้ในแรปของเรา
ในฐานะศิลปินของ genie เต็มตัว กับ 1 อัลบั้ม แต่แน่นอนว่า “การติดภาพจำแรก” ก็จะเป็นสิ่งที่วง ต้องเจอแน่ๆ
BAT : พวกผมไม่ได้กังวลถึงเรื่องแนวเพลงที่เปลี่ยนไปเลย เพราะไม่ว่าพวกเราจะทำแนวไหน พวกเราก็เป็นคนทำอยู่ดี ทุกเพลงเป็นสิ่งที่เราถ่ายทอดออกมาไม่ว่าจะซอฟต์ จะหนัก ก็เป็นสิ่งที่วงคิด เป็นตัวตนของเรา สำหรับสิ่งที่เคยทำมาก่อน เราก็คงพัฒนาให้มากขึ้น เราคงไม่มานั่งทำสิ่งเดิม ไม่งั้นเราจะเบื่อเอง เราอยากไปมากกว่านี้ พวกเรารู้สึกว่าอัลบั้มนี้เราคิดถูกแล้วที่ทำ เพราะถ้าไม่ทำไม่จะไม่โตขึ้น การที่เราจะเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่าง เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่างที่มันทำลาย กำแพง ทำลายระบบความคิดตัวเอง ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน อีกอย่างแฟนคลับ Bomb At Track ค่อนข้างที่จะเปิดใจด้วย เราไม่เห็น คนที่รู้จักวงจริงๆ มาบอกว่า Bomb At Track เปลี่ยนไป เขาค่อนข้างเปิดใจ แล้วชอบ ผลตอบรับหลังบ้าน ยอดฟังก็เพิ่มขึ้น แล้วคนที่บอกเราเปลี่ยนไป บางทีก็รู้จักเราแค้เพลงเดียวซึ่งทำไมเราต้องไปนับพวกเขาด้วยล่ะ เราแคร์แฟนคลับเราจริงๆ ดีกว่า
ทัศนคติของวงร็อคอันเดอร์กราวด์ที่ว่า “ค่ายใหญ่เปลี่ยนเรา” ในวันนี้คำนี้เปลี่ยนไปหรือยัง หรือคิดว่ายังไม่เปลี่ยน
BAT : จริงๆ เพลงที่เนื้อหาแรงที่สุดของวง คือเพลงที่ปล่อยกับ genie นี่แหละ แล้วค่ายอยากให้เราทำด้วยซ้ำ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว อยู่ค่ายแล้วต้องเปลี่ยนเป็นแมส วงการดนตรีทั่วโลกจะค่ายใหญ่เล็กมันไปไกลแล้ว มันไม่ต้องจำกัดตัวเองว่าทำเพลงแมส ไม่แมส เป็นงานศิลปะไปแล้ว คำนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว เอาจริงๆ ถ้าพวกเราไม่ได้อยู่ค่ายแล้วทำกันเอง เพลงก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละ
เพลงที่เป็นจุดเชื่อมต่อของ Bomb At Track
BAT : ยังไงก็ต้องเพลง “จด” เพราะเพลงนี้เป็นจุดเชื่อมให้เราทำเพลง “จำ” ไปเพลงอื่นๆ ได้อีกมาก แต่ถ้าเรื่องซาวด์ดนตรีต้อง “บ้ายอ” ที่ทำให้เราเจอทางที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
สมาชิก Bomb At Track ฟังเพลงแนวอื่นที่ไม่ใช่ร็อคหรือเปล่า มีศิลปินคนไหนอยากแนะนำบ้าง
ปุ้ย : ผมไปเร้กเก้ ดั๊บ บ้าง สลับกับเพลงหนักๆ เอาจริงๆ ผมเพิ่งมาฟัง Lamb Of God เมื่อไม่กี่เดือนเอง
เต้ : ของผมที่ชอบหนักๆ เลย คือ Cigarettes After Sex, beabadoobee แล้วก็ Keshi
นิล : ของผมจะฟัง Billie Eilish แล้วก็ Pop Smoke
ข้น : ผมไปทางอิเล็กทรอนิกส์เลย ช่วงนี้ไปฟังอินดัสเตรียลเก่าๆ กับลังบ้าซินธ์ฯ อยู่ หรืออย่าง Paradox บางเพลง (หัวเราะ)
เมษ : ผมฟังเพลงน้อยมาก ฟังแต่เพลงตัวเอง แต่ถ้าพอจะนึกออกก็พวก Olivia Rodrigo หรือ BiBi แต่ไม่อยากฟังมากครับเดี๋ยวหวั่นไหว (หัวเราะ)
เป้าหมายความสำเร็จของ BAT
นิล : ผมมีหนึ่งความฝันอยู่ ผมคิดว่าดนตรีสมัยนี้ ไปไกลมากมันไม่มีกรอบแล้ว ผมคิดว่าเสียงที่ได้ยินทุกอย่างมันมีชื่อเรียกไปหมดแล้ว อยากให้อนาคตแนวเพลงเป็นชื่อวงมากกว่า อยากให้คนฟังรู้สึกว่าเพลงเราเป็นแนวเพลง Bomb At Track มันตื่นเต้นกว่าทั้งคนทำและคนฟัง
ฝากผลงาน
BAT : ฝากอัลบั้ม Bomb The System ด้วยมีทุก Streaming ก็น่าจะได้กันหมดแล้ว ก็จะมีอีกหลายงานให้ติดตาม ก็สามารถติดตามได้ทุกช่องทาง แล้วเจอกันตามงานคอนเสิร์ตครับ
สมาชิกแก๊งเด็กระเบิด BOMB AT TRACK
“เต้ – วงศกร เตมายัง (ร้องนำ)”
“เมษ – ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์ (กีตาร์)”
“ปุ้ย – ปราชญานนท์ ยุงกลาง (กีตาร์)”
“ข้น – ศาสตร์ พรมุณีสุนทร (เบส)”
“นิล – สิรภพ เลิศชวลิต (กลอง)”