การกลับมารวมตัวกันของวงดนตรีมากฝีมือกับนักร้องยุคดั้งเดิม อย่าง “บี พีระพัฒน์” ทำให้แฟนๆ ที่ติดตามวงนี้ รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็มีผลงานออกมาเป็นอัลบั้มอย่าง Holidays On Pluto แม้นี่อาจจะไม่ใช่ผลงานใหม่เต็มตัว แต่อย่างน้อยการรวมตัวกันครั้งนี้ ต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่
อีกครั้งของ Crescendo
เอก : ต้องเริ่มจากผม คือผมกับบี ยังเจอยังคุยกันตามงานเรื่อยๆ ตอนที่เรายังไม่ได้รวมตัวกัน จนมาช่วง Covid รอบแรก ผมไปเล่นตลาดใจตอนนั้นก็ไม่มี Crescendo แล้ว คราวนี้ที่วงที่เล่นในตลาดใจก็ถามว่าเราจะเอาแขกรับเชิญเป็นใครดี ผมก็เลยบอกว่างั้นเอาบีไหมล่ะ ก็เลยชวนมาเล่น พอเล่นแล้วเรารู้สึกว่า เออ มันสนุกดี ผมก็เลยไปถามคนอื่นว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้ากลับมารวมกันอีกที ทุกคนก็ โอเค ก็เลยมารวมตัวกัน
บี : ซึ่งบางครั้งเอกก็เหงาๆ ก็มาเล่นให้ผม (หัวเราะ) ก็ไม่ได้หายกันไปไหน ยังวนเวียนเล่นกันอยู่แค่ไม่ได้ออกผลงานในนามวงเท่านั้นเอง พูดตรงๆ ว่าถ้าไม่มี Covid รอบแรกอาจจะรวมไม่ได้นะ เพราะต่างคนก็ต่างทำงานไปจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นทุกคนตกงานกัน 6 เดือนเต็มๆ จนไปเจอที่ตลาดใจนั่นแหละ ก็เริ่มจากเล่น Live สดที่เพจของผม คนดูเป็นแสนเลย แต่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว (หัวเราะ) ก็เป็นการจุดประกายว่างั้นมารวมตัวทำอะไรกันดีกว่า
Holidays On Pluto การเริ่มต้นจากวันเก่า
บี : อัลบั้มนี้เป็นงานที่เราอยากกลับมาสะสางต่อให้มันจบ อัลบั้มนี้มันเสร็จมาตั้งแต่เราอยู่ LOVEiS รอบแรกแล้ว เตรียมใส่กล่องขายเลยพูดง่ายๆ ตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ปล่อย (หัวเราะ) จนเราจะเอามาทำใหม่ ไฟล์เพลงเกือบหาไม่เจอ มีแต่ไฟล์แบบ MP3 ซึ่งเสียงมันไม่ได้เลย ตามหากันว่าไฟล์เพลงอยู่กับใครจนมาเจออยู่กับ อาร์ต 7thScene ก็ตั้งแต่อาร์ตเป็นเด็กห้องอัด (หัวเราะ) พอได้เพลงมา ด้วยความที่มันเป็นเพลงในตอนนั้น เอกมาฟังก็แบบอยากจะแก้ คือถ้ามันเป็นไฟล์เพลงเก่า มันก็แก้ได้ แต่อันนี้มันเป็นมาสเตอร์แล้ว ในวันนั้นเราสรุปกันจบแล้ว มันก็ต้องเป็นแบบนั้น ถ้าไม่งั้นก็ทำเพลงใหม่ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนบันทึกกาลเวลาว่าช่วงนั้นเราคิดแบบนี้ เราต้องไม่อายแม้มันจะดูเด๋อๆ ก็ตาม ผมยังอายเสียงตัวเองเลย (หัวเราะ) แต่ก็ต้องปล่อยไป บางเพลงผมอยากเปลี่ยนเนื้อหมดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ได้คิดแบบตอนนั้นแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันจบกระบวนการหมดแล้ว คือเราทำใจเลยว่าต้องไม่แก้เพราะไม่อย่างนั้นไม่จบแน่
งานเก่าแผนการใหม่
บี : เราปล่อยเพลงของขวัญชิ้นสุดท้ายเป็นเพลงแรก เพราะเราก็คุยกับทีมงาน ถ้าให้พวกเราเลือกรับรองแย่แน่ (หัวเราะ)
เอก : มันจะไปเลือกเพลงยาก แบบพลูโต ซึ่งคนฟังไม่เก็ทหรอก
บี : ซึ่งเราก็เลือกเพลงนี้จริงๆ ผมออกเงินทำ Lyric Video เองด้วย (หัวเราะ) แรกสุดตั้งใจจะทำอินดี้เลย ทำกันเอง แต่พอเพลงมาอยู่กับ LOVEiS ก็ดี มีคนมาช่วย ไม่งั้นเราทำกันเองก็ปวดหัว ก็ให้ทีมงานในค่ายมาช่วยเลือกเพลงกันว่าจะเอาเพลงอะไรดี ก็ได้เป็นเพลงของขวัญชิ้นสุดท้าย และไม่มีใครพูดถึงเพลงพลูโตเลย (หัวเราะ)
ของขวัญชิ้นสุดท้าย กับที่มาที่ไปในวันนั้น
บี : เพลงนี้เกิดขึ้นเพราะเราอยากมีเพลงที่เนื้อหาไปทางบวกบ้าง ที่ผ่านมาตอนนั้นเรามีเพลงอกหักเยอะ เพลงนี้จังหวะเป็นฟั้งก์ สดใสหน่อย จังหวะกลางๆ เนื้อเพลงเราก็พูดถึงว่า คนเราถึงจะเลิกกัน แต่ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เรามีให้กันก็คือความรู้สึกดีๆ นะ ไม่จำเป็นต้องโกรธกัน ก็เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมา
แชมป์ : เพลงนี้ก็เริ่มจากผมทำคอร์ดมาก็อย่างที่คุยกันว่าอยากได้เพลงฟั้งก์สว่างๆ ก็เลยทำทางคอร์ดป็อปๆ หน่อย แล้วก็ค่อยมาใส่จังหวะ สัดส่วนมาแจมกัน
เอก : ช่วงทำเพลงนี้ใหม่ๆ นี่ฝืนความรู้สึกแชมป์มากเลยนะ ช่วงนั้นของกำลังร้อนๆ เลย เอะอะโน้ตขมอย่างเดียว ไม่หวาน (หัวเราะ)
พลูโต กับปัญหาของ Crescendo
บี : เวลาวงเราทำเพลง ถ้าเรื่องดนตรีมันแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว พวกเมโลดี้ คอร์ด จังหวะต่างๆ แต่มันจะไปช้าที่เนื้อร้อง เพราะผมเองก็ไม่ใช่คนที่เขียนเนื้อเพลงเก่ง ก็ต้องให้ภรรยาผมแต่ง ก็อย่างเพลงพลูโต ก็ให้เดโม่ที่เราอัดจากห้องซ้อม แล้วก็บอกคอนเซ็ปต์ว่าเราอยากเขียนเพลงเกี่ยวกับดาวพลูโต ตอนนั้นดาวพลูโตโดนถอดจากการเป็นดาวเคราะห์ คอนเซ็ปต์ประมาณนี้ ก็ให้ภรรยาผมแต่ง ก็อุตส่าห์แต่งออกมาได้ กับดนตรีแบบนั้น (หัวเราะ) แต่ก็เขียนอยู่เดือนนึงเหมือนกัน คือผมก็ต้องมาลองร้องว่ามันเข้าปากผมไหม เหมือนอย่างเพลงดินแดนแห่งความรัก ตอนนั้นเขาก็เขียนมาเป็น “ทวีคูณความหมายคุณค่า” ผมก็ต้องมาเปลี่ยนเป็น “ทวีความหมายและคุณค่า” ก็จะทำงานแบบนี้
ตะเกียง เพลงเจ้าปัญหา
บี : เพลงนี้เริ่มจากผม ตอนนั้นผมคิดแปลกๆ ว่า ตะเกียงเนี่ยมันเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่มีความมืด มันจะไร้ค่ามากๆ แต่พอมันมีความมืดมันจะมีประโยชน์ทันที ผมมาเปรียบเทียบกับความรัก ก็เหมือนคนที่มันสำคัญแค่เวลาบางเวลา ซึ่งจังหวะแบบ 6/8 ผมถนัดอยู่ แต่คีย์แม่งสูงฉิบหาย ต้องโทษไอ้คนทำ (หัวเราะ)
แชมป์ : ตอนนั้น ผมก็ทำมาจากบ้านเลย ตอนนั้นผมก็แค่คิดว่า เออ อยากเล่นคีย์นี้ อยากโซโล่แบบนี้ โดยไม่สนด้วยว่าจะร้องยังไง (หัวเราะ)
บี : จริงๆ แชมป์มันก็ไม่ได้ผิดหรอก เป็นผมนี่แหละ ทำเมโลดี้ไป แชมป์มันปรับเปลี่ยนคอร์ดได้ แต่เราเริ่มจากโน้ตที่สูงมันเริ่มร้องยาก อย่างว่ามัน 14 ปีแล้ว ช่วงนั้นกำลังพีค มาตอนนี้ ร้องเหนื่อยฉิบหาย โคตรสูงเลย (หัวเราะ)
อัลบั้มในวันที่พีคของ Crescendo
บี : อัลบั้มนี้ผมนึกเพลงที่ทำนานไม่ออกเลยนะ ตอนนั้นพวกเราออกมา 3 อัลบั้มแล้ว เรียกว่าทำงานเป็นแจกงานได้ คือจำได้ว่าตอนนั้น มีทัวร์ด้วย เราก็แต่งเพลง อัดเพลงระหว่าง ทัวร์ กระจายงานกันไป เอกไปทำตรงนั้น แชมป์ทำเพลงนี้ จั๋งทำเพลงนี้ แล้วมารวมซ้อมแล้วอัดรวมเลย
เอก : ก็ปีนึงทั้งทัวร์ด้วย ทำอัลบั้มไปด้วย มันประหยัดเวลาเพราะ พวกเราอัดรวมวงนี่แหละ ทัวร์เสร็จ อีกวันซ้อม ขึ้นเพลงจบ อัดเพลงได้เลย
บี : นั่นก็ทำให้มาถึงตอนนี้ บางเพลงผมลืมเนื้อบ้าง เพราะตอนเราอัดคือบางเพลงมันก็ตรงนั้นเลย แล้วผมก็จะแต่งเนื้อเพลงบางทีวางยาตัวเอง บางเพลงฮุค เมโลดี้เดียวกัน แต่บิดคำร้องนิดเดียว พอมาอีกทีก็ลืมว่าต้องร้องอันไหนก่อน (หัวเราะ) แต่สุดท้ายพอมันไม่ได้ออกตอนนั้น เราก็รู้สึกเฟลอยู่เหมือนกัน พอมาถึงวันนี้ ที่มันได้ปล่อยออกมาแล้ว ก็รู้สึกโล่งมันไม่มีอะไรค้างคาแล้ว
เรื่องราวของ ดินแดนแห่งความรัก
บี : จนมาถึงวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเกินกว่าที่คาดหวังไปนิดนึง แต่ในวันนั้นสิ่งที่ผมรู้สึกคือเพลงนี้มันออกมาจากตัวกูได้ยังไงวะ ในแง่คอนเซ็ปต์มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ มันฟังแล้วรู้สึกมันดีไปหมด ผมเป็นคริสต์เตียน เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมคิดถึงพระเจ้า แล้วตอนทำเพลงนี้ผมอกหักบ่อย เราก็อ่านพระคัมภีร์ว่าถ้าจะมีดินแดนแห่งความรักก็มีแต่ดินแดนของพระเจ้า คราวนี้ผมให้เอกทำคอร์ด ผมก็ทำเมโลดี้ แล้วตอนขับรถก็ได้ท่อนร้อง “คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง คงจะมีรักจริงรออยู่ตรงนั้น” ผมก็ได้ท่อนนี้แล้วก็เก็บไว้ สักพักใหญ่ๆ จนผมมาเจอภรรยาผม ที่เขาเป็นนักแต่งเพลง ก็เลยเอาเพลงนี้มาให้เขาช่วยเขียน แล้วเขาเขียนออกมาได้แบบ ผมแทบไม่ต้องแก้อะไรเลย แค่ปรับคำอย่างที่บอกนิดเดียว
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Crescendo
บี : มันเป็นเรื่องตลกของพวกเรามาก คือสมัยก่อนคนมักจะคิดว่าวงเราแบบวางแผนทำเพลงว่าเพลงนี้เป็นฟังก์ชั่นนี้ เพลงนี้ตีหัว เพลงนี้ตี…
เอก : ตีอะไรเอาดีนะๆ (หัวเราะ)
บี : ตีหัวคนทำเพลงนี่แหละ (หัวเราะ) คือตอนเรามีเพลงความจริงในใจ พอเราย้ายค่าย ก็จะมีคนมาบอกว่าอยากให้เราทำแบบเพลงความจริงในใจอีก ตอนผมออกเดี่ยว ก็บอกว่า อยากได้แบบดินแดนแห่งความรัก ผมก็มีเพลงพูดตรงๆ ให้ แต่เอาจริงๆ เราไม่เคยคิดว่าเพลงไหนจะมาหรอก เราแค่รู้สึกว่าดนตรีเป็นแบบนี้ เนื้อร้องน่าจะเป็นแบบนี้ เท่านั้นเอง แล้วผมมักจะบอกกับคนที่ขอแบบนั้นว่าพวกเราทำไม่ได้หรอก เราไม่รู้ว่าแผนการจะอะไรยังไง เราแค่ดูทิศทางเพลงที่มันควรจะเป็นเท่านั้น
เอก : แต่ถ้าอยากได้เพลงแบบพลูโต สัก 5 เพลง เดี๋ยวจัดให้เลย (หัวเราะ)
จั๋ง : คนดูเต้นไม่ถูกเลยคราวนี้ (หัวเราะ)
กับคำว่า “พวกมึงทำหน้าตาให้เหมือนศิลปินหน่อยสิ”
จั๋ง : “หน้าตาพวกมึงนี่ไม่น่าเป็นศิลปินเลย” มันเป็นคำที่จี๊ดมากเลยนะตอนนั้น (หัวเราะ) พวกเราคิดกันเลยนะ ศิลปินนี่มันต้องหน้าตายังไงวะ (หัวเราะ)
บี : เรื่องนี้แม่งโคตรคลาสสิค ให้เอกเล่าเลย (หัวเราะ)
เอก : สมัยก่อนเราทำเพลงก็ส่งค่ายอะไรแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องเจอ เราไปเปิดเดโม่ เขาก็บอกอินโทรพวกมึงยาวจังวะ รีบฮุคจะได้รีบดัง (หัวเราะ) พวกเราก็แบบนี่พวกกูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย (หัวเราะ) เสร็จแล้วไล่ไปถ่ายรูป ตากล้องก็มาเลย เฮ้ย อย่าทำเหมือนถ่ายบัตรประชาชนสิ ทำหน้าให้เหมือนศิลปินหน่อย เราก็คิดกันว่ายังไงวะทำหน้าแบบศิลปิน ศิลปินแม่งต้องทำหน้ายังไงวะ (หัวเราะ)
บี : คือถ้าเขาบอกเราว่า เออ ให้ปรับแบบนั้น ทำท่านี้ มันก็โอเคไง แต่ไปเจอแบบนี้ เราก็แบบจี๊ดเลย เก็บไว้ในใจได้เดี๋ยวมึงเจอกู (หัวเราะ) ตอนทำอัลบั้มแรกเราโดนดูถูกเยอะ อย่างผมก็โดน แบบลาออกจากร้านที่ร้องเพลง มาทำเพลง แล้วก็โดนแซวว่าเดี๋ยวมันก็กลับมา (หัวเราะ) สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ถึงวันนี้
แผนการต่อไปของ Crescendo
บี : ก็คงปล่อยซิงเกิ้ลจากอัลบั้มนี้ไปเรื่อยๆ คือหลักๆ ที่ผมมารวมวงคราวนี้ก็คือผมอยากมีคอนเสิร์ต ผมเห็นคนอื่นมีคอนเสิร์ตใหญ่กัน แต่วงเราไม่มีเลยทั้งที่เพลงก็คนร้องได้ ทำไมเราไม่ได้เล่นกับงานที่มีเครื่องเสียงดีๆ กับคนดูที่เป็นของเราจริงๆ ทำไมเราไม่เคยได้สิ่งนี้ ตัวผมเอง เคยได้สิ่งนี้แล้ว ในฐานะบี พีระพัฒน์ แต่กับ Crescendo ยังไม่เคยมี ก็เลยเป็นหนึ่งเป้าหมายในการรวมตัวเหมือนกัน อยากทำคอนเสิร์ตแล้วเล่นเพลงของวงอย่างเดียว ไม่ร้องงานเดี่ยวผมเลย ไม่อยากทำคอนเสิร์ตแบบ บี แอนด์ Crescendo ผมไม่อยากได้แบบนั้น ก็ฝากให้ติดตามพวกเรากัน อยากให้เด็กรุ่นใหม่ลองเปิดใจฟัง ลองคิดว่าวงเราเหมือนกล้องฟิล์ม ถึงมันจะเป็นของเก่า แต่ก็เท่ได้ ลองติดตามกันดูนะครับ
ขอขอบคุณ : พี่อ้อย Loveis Entertainment ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ