ตอนนี้ถ้านับเลข ค.ศ. ปีนี้จะเป็นปี 2021 ถ้าเราจะว่ากันจริงๆ วงการเพลงทั้งของไทยและของโลก ก็เริ่มขยับตัวไปมาก มีศิลปินเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในบ้านเราที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากทั้งการมีศิลปินใหม่ๆ เพลงใหม่ๆ ในแบบที่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะ!! ไม่เห็นจะเคยได้ยินหรือรู้จักศิลปินคนนี้เลย เขาอยู่ค่ายเพลงไหนกันนะ อ๋อคนนี้เหรอที่ร้องเพลงนี้ อ้าวคนนี้อยู่ค่ายนี้เหรอ ฯลฯ แฟนเพลงเริ่มมีการแบ่งกลุ่มมากขึ้น ฝีมือนักดนตรี กลุ่มแฟนคลับต่างๆ ก็เติบโตทั้งหมด เป็นกลไกในการขยับของวงการดนตรีไทยโดยรวม ในรอบปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เรามาดูกันว่าวงการดนตรีตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ปีทองของ Gene Lab
ถ้าจะบอกว่าค่ายเพลงที่มีวงดนตรีประสบความสำเร็จสูงสุด Gene Lab คือค่ายเพลงนั้น ศิลปินอย่าง Three Man Down, Tilly Birds, Taitosmith หรือแม้แต่ The Darkest Romance 4 T แห่ง Gene Lab ที่ส่งผลกระทบต่อวงการดนตรีทั้งเมนสตรีมไปจนถึงอันเดอร์กราวด์ แม้แต่ผลงานของลูกพี่ใหญ่ของค่ายอย่าง โอม Cocktail ที่ปีนี้แว่วๆ ว่าอาจจะย้ายตัวเองจาก genie records มาอยู่ Gene Lab เพื่อจะบริหารได้อย่างเต็มตัว นี่คือค่ายเพลงที่มาแรงสุดๆ ในรอบปีที่ผ่านมา และในปีที่จะถึงนี้เราต้องจับตาว่าพวกเขาจะมีทีเด็ดอะไรมาเซอร์ไพร์สกันอีก
การปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ของ Grammy
แม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง Grammy เองก็ไม่อาจจะฝืนกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรใหญ่อย่าง Grammy ก็เกิดขึ้นเช่นกัน การเปลี่ยนนโยบาย ทีมงาน เราจะเห็นว่าเป็นครั้งแรกๆ ที่เห็น Grammy ประกาศเปิดรับ Audition ศิลปินใหม่ๆ การปรับสัญญา ตัวอย่างเช่นค่ายสนามหลวง ที่มีรูปแบบการเซ็นสัญญาที่ไม่ใช่แค่เซ็นเป็นศิลปิน มีทั้งสัญญาเพื่อเผยแพร่งานอย่างเดียวโดยศิลปินยังเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์เพลง การปรับเปลี่ยนการดูแลงานหลังบ้านในแต่ละค่าย หรืออย่างที่เราเห็นชัดๆ คือการที่ศิลปิน Grammy feat. กับศิลปินต่างค่าย รวมถึงคอนเสิร์ตอีกมากมายที่แกรมมี่ออกโรงจัดเอง นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ที่เราได้เห็นว่า Grammy เองก็ขยับตัวอย่างมากในรอบปีที่ผ่านมา
การกลับมาของ RS
ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของวงการเพลงบ้านเรา กลับมาเปิดตัวไฉไล ด้วยสามค่ายที่ชัดเจน ทั้งการรีแบรนด์ RoseSound ชื่อเดิมก่อนเป็น RS ให้กลับมาอีกครั้ง, Kamikaze ค่ายเพลงที่ผลิตศิลปินวัยทีนในยุคสองพันก็กลับมาต้อนรับเหล่าวัยทีนยุค 2020 อีกครั้ง และ RSiam ที่ยังคงความเป็นลูกทุ่งร่วมสมัยเช่นเคย ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของวงการเพลงไทยที่คึกคักในช่วงปีที่ผ่านมา
เมื่อศิลปินก้าวสู่ผู้บริหาร
สิ่งที่น่าสนใจก็คือการที่ศิลปินก้าวขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารค่ายด้วยตัวเอง และยังสามารถสร้างศิลปินมาประดับวงการได้อย่างมากมาย เราได้เห็นพล Clash กับ Boxx Music ที่มีศิลปินที่โด่งดังอย่าง อิ้งค์ วรันธร และโตขึ้นมาด้วยสไตล์เพลงเฉพาะตัว พัดและปาล์ม วง Mean ที่ก้าวกระโดดกับค่าย marr ที่สร้าง 3 ศิลปิน เฟิร์ส อนุวัฒน์, เอ๊ยเอ้ย, นินิว มีเพลงฮิตสุดอย่าง ถ้าเขาจะรัก (ยืนเฉยๆ เขาก็รัก), บอล Scrubb กับการบริหารค่าย What The Duck ที่ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เบล สุพล สู่การทำนาดาวมิวสิคที่น่าจับตามองมากๆ กับการทำเพลง T-Pop, อ๊อฟ Big Ass ที่เริ่มเดินหน้ากับ genie New Folder รวมถึง โอม Cocktail กับ Gene Lab และในปีที่น่าตื่นเต้นนี้เรากำลังจะได้เห็น กอล์ฟ F.Hero กับค่ายเพลงที่ชื่อ High Cloud, โอ๊ต ปราโมทย์ กับ Khotkool Music และที่น่าตื่นเต้นสุดๆ กับ The Toys และค่าย Whoop ปีนี้จะต้องน่าตื่นเต้นสุดๆ แน่นอน
พลังหญิง
เป็นปีทองของศิลปินหญิงอีกเช่นกัน ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ศิลปินที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งกันในเชิงผลงาน แต่ละคนช่วยกันรันวงการเพลงไทยอย่างแท้จริงมีเพลงจากศิลปินหญิงมากมายที่เป็นที่นิยม และพวกเธอเหล่านั้นกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ อิ้งค์ วรันธร กับชื่อเสียงที่เพิ่มมากขึ้น Bowkylion กับงานเพลงสุดแสนไพเราะที่ลงมาทำทุกกระบวนการชนิดหนุ่มๆ ยังแอบเคือง, ส้ม มารี กับการกลับมาแจ้งเกิดในฐานะไอดอลยุคใหม่และแนวทางดนตรีที่ชัดเจน, Milli สาวน้อยมหัศจรรย์ของวงการที่มาแรงแซงทุกโค้งกับรูปแบบภาษาพลังของคนเจนฯ นี้, เอิ้ต ภัทรวี ที่มาแบบนิ่มๆ แต่กรุ้มกริ่มในทุกอณู, วันเดอร์เฟรม เจ้าแม่แห่งยอดวิว ที่เพลงของเธอเก็บยอดตัวเลขได้เป็นกอบเป็นกำ, ปาล์มมี่ กลายเป็นไอดอลระดับสูงสุดของศิลปินหญิง, วี วิโอเลต กับการเป็นนางฟ้าเด็กแนวขวัญใจ IG นอกจากนั้นศิลปินหญิงที่มีความชัดเจนอย่าง วาเลนติน่า พลอย, มน Monik และที่กำลังจะมาทวงบัลลังก์ นิวจิ๋ว, หวาย, พลอยชมพู หรือน้องใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจอย่าง มัจฉา ศิลปินหญิงในบ้านเราจะมีอิทธิพลอย่างมากในระยะยาวแน่นอน
Rapper ที่เริ่มคงที่
ยังคงอยู่ในระดับสูงสำหรับเหล่าบรรดา Rapper รุ่นใหญ่อย่าง F.Hero ที่ติดลมบนไปเรียบร้อย ผลงานล่าสุดของ UrboyTJ ถูกพูดถึงไปทั้งวงการในฐานะอัลบั้มคุณภาพ Yupp ทั้ง 7 ก็ยังทำผลงานอย่างต่อเนื่อง แก๊ง Already Dead ของ Youngohm ที่ยังคงครองใจวัยรุ่น เจ้าพ่อ Streaming อย่าง Illslick ที่คงความเป็นตำนาน P9D ที่มีทั้งคนชอบและชัง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าไรม์ของเขาคือของจริงตามชื่อ The Real ชื่อเสียงของกลุ่มใหญ่ๆ คงที่เป็นสตาร์ ที่น่าห่วงเล็กๆ คือ Rapper เด็กๆ ที่จะตามมา อาจจะไม่ถึงกับปังอย่างที่ YO, 1Mill, Rachyo, Milli ทำได้ ก็ต้องสู้กันต่อไป Bro
เพลงอีสานและยอดวิวระดับทะลุปรอท
หลังจากที่มีรายงานของยอด View YouTube ในบ้านเราที่อันดับ 1 คือ มนต์แคนแก่นคูณ และใน 10 อันดับแรกมีทั้งไผ่ พงศธร, จินตหรา พูนลาภ, ลำเพลิน วงศ์กร เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเพลงลูกทุ่งอีสาน คือเพลงของคนไทยที่มียอด View มากมายจับต้องได้ ซึ่งก็คงต้องบอกไปอีกว่าเป็นปีทอง (หรือปีทองมาหลายปีแล้วก็ไม่รู้) ของครูสลา คุณวุฒิ (จนโดนแซวว่าเป็นทีมงาน Sala Crew) และอีกหลายคนเช่น จินนี่ ภูไท, ศิลาแลง อาจสาลี แล้วยังมีนักแต่งเพลงลูกทุ่งใหม่ๆ ขึ้นมาอีก นอกจากนั้นศิลปินลูกทุ่งอย่าง พี สะเดิด, ไหมไทย ใจตะวัน, ปรีชา ปัดภัย ที่กลายเป็นขวัญใจชาวโซเชียลและวัยรุ่นเมืองได้อย่างเหลือเชื่อ ศิลปินลูกทุ่งสาว อย่าง ลำไย ไหทองคำ และอีกมากมายก็ยังมียอดวิว ยอดโชว์ที่มากมาย ตราบใดที่คำว่าม่วนซื่นยังอยู่ในบ้านเรา เพลงอีสานไม่มีทางจากเราไปไหน แน่นอน
ค่ายเพลงขนาดกลางกลายเป็นค่ายใหญ่
Muzik Move, What The Duck, Spicy Disc, Smallroom, LOVEiS Entertainment, BEC Tero Music จากค่ายขนาดกลางในอดีต กลายเป็นค่ายที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ชัดเจนที่สุดในปีที่ผ่านมาก็คือ LOVEiS Entertainment ที่ในค่ายมีค่ายย่อยทั้ง Holy Fox, Labo, marr ที่ใหญ่โตกว่าเดิมชัดเจน ในขณะที่ค่ายเฉพาะทางอย่าง Yupp ที่กลายเป็นศูนย์กลางของ Rapper ชั้นนำไปแล้ว ค่ายเพลงเหล่านี้อาจจะใหญ่โตมากกว่าเดิมในอนาคตก็ได้
นักร้องที่กลับมา
การที่โลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ การทำเพลงง่ายมากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นให้ศิลปินรุ่นใหญ่หลายคนที่อาจจะไม่ได้มีผลงานไปแล้ว หรืออาจจะรับเล่นเฉพาะงานโชว์อย่างเดียว กลับมาออกผลงานอีกครั้ง และบางคนก็โด่งดังซะด้วย เมาทุกขวดเจ็บปวดทุกเพลง โดย ดูโอ เมย์เป็นตัวอย่างที่ดี โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ขอบคุณที่กลับมา ของค่าย Khaosan Entertainment ที่สามารถนำศิลปินอย่าง เอ็ม อรรถพล, ฟลุ๊ค ไอน้ำ, พันช์ วรกาญจน์, วง Motif, วง Blackhead, ปราโมทย์ วิเลปะนะ ผลิตผลงานออกมา ทีมงานสาย 90 อย่าง บีแองเจิ้ล, ฟาเรนไฮต์ หรือเล้าโลม ที่กำลังจะกลับมา เราจะมาดูกันว่ารุ่นใหญ่ในปีหน้าจะไว้ลายได้ขนาดไหน
เพลงที่กลับมาจากซีรี่ส์ต่างๆ
นี่คือเรื่องใหม่ จริงๆ ที่เกิดขึ้นจากกระแสซีรี่ส์ Y อย่างเพราะเราคู่กัน 2 gether The Series ที่นำเพลงของ Scrubb มาเป็นแกนหลัก ทำให้เพลงของ Scrubb กลับมาติดกระแสวัยรุ่นอีกครั้ง Scrubb กลายเป็นวงที่มียอด Streaming สูงมากๆ ติดระดับทอปของประเทศ ซึ่งแม้แต่พี่เมื่อยเองก็ยังประหลาดใจ และแอบมีความกดดันนิดๆ เพราะ เริ่มมีแฟนเพลงจากต่างชาติชื่นชอบ Scrubb มากขึ้น นี่เป็นอีกช่องทางนึง ถ้าหากวงไหนมีเพลงประกอบซีรี่ส์ อาจจะประสบความสำเร็จมากๆ ก็ได้
อินดี้คอมมิวนิเคชั่น
ในส่วนของวงดนตรี ศิลปินอิสระ เริ่มรวมกันเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น จากสมัยก่อนวงอินดี้แนวๆ อาจจะอยู่ในแค่กรุงเทพฯ หรือเมืองใกล้ๆ แต่ตอนนี้จังหวัดต่างๆ ก็มีวงอินดี้ที่เป็นตัวแทนแต่ละจังหวัดแล้วพัฒนาเป็นกลุ่มขึ้นมา ค่ายเพลงอิสระที่มีศิลปินไม่มากแต่สามารถสร้างผลงานที่มียอดวิวเยอะๆ งานเทศกาลดนตรี งานโชว์เฉพาะกลุ่มตามที่ต่างๆ มีมากขึ้น หรือแม้แต่การที่สถานศึกษาสามารถสร้างศิลปินขึ้นมาได้เอง มหาวิทยาลัยมีค่ายเพลง มีที่แสดงให้เด็กๆ การทำของที่ระลึกเพื่อซัพพอร์ตวงนอกจากผลงานเพลง แพลตฟอร์มการเผยแพร่ผลงาน คอมมิวนิตี้ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้วงการอินดี้คึกคักมากๆ แล้วไปทั้งขบวนการ ข้อพิสูจน์ก็คืองาน Cat Expo ที่หลายคนวิจารณ์ถึงการจัดการต่างๆ ปัญหาส่วนนึงที่เกิดขึ้นก็เพราะแวดวงอินดี้เติบโตขึ้นอย่างมากนั่นเอง และมีแนวโน้มว่าจะขยายไม่หยุดซะด้วย
เพลงการเมืองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของศิลปิน
ดนตรีกับการเมืองในยุคนึงถูกจำกัดอยู่แค่แนวเพลงที่เรียกกันติดปากว่าเพื่อชีวิต แต่ในยุคใหม่นี้เราเห็นศิลปินมากมายหลายแนวที่พูดเรื่องนี้อย่างเช่น Rap ที่ Rap Against Dictatorship วงร็อคที่พูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่าง Bomb At Track ศิลปินวัยรุ่นมากมายที่มีเพลงที่อิงการเมือง และการแสดงออกทางการเมือง หรือการที่วงใหญ่ๆ อย่าง Clash มีเนื้อหาทางนี้มากขึ้น การแสดงออกทางมุมมองตามโซเชียลของศิลปินมากมาย ตั้งแต่ป็อปไปถึงลูกทุ่ง ต้องยอมรับว่านี่เป็นยุคนึงที่มีการแสดงออกทางสัญลักษณ์มากขนาดนี้
แยกทาง
“จุดอิ่มตัว” ในปีนี้เราได้เห็นการแยกวง ยุบวง การลาออกของสมาชิกวงต่างๆ ค่อนข้างมาก โอเคล่ะ เรื่องนี้อาจจะเป็นปกติของวงการดนตรี แต่ในปีนี้วงที่มีสถานการณ์นี้เป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก เป็นวงที่อยู่มานาน การยุบวง 25 hours, แน็ป Retrospect ลาออกจากวง, Mild พักวง, Blue Shade แยกวง การแยกตัวของสมาชิก Telex Telexs ในแวดวงอินดี้ Monomania ก็มีสมาชิกแยกวงออกไป วง Pills ที่ยุติวง หรือแม้กระทั่งการยุติบทบาทใน LOVEiS ของบอย โกสิยพงษ์ สิ่งเหล่านี้คือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการดนตรีในรอบปีที่ผ่านมา
ร็อค เมทัล ที่ยังน่าเป็นห่วง
แต่แวดวงที่น่าเป็นห่วงอยู่สักหน่อยก็คือเมทัล การที่ Retrospect ขาดแน็ปไป ถือเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อยเพราะโดยปกติแล้ว Retrospect และ Sweet Mullet ถือเป็น 2 วงที่เรียกว่าเข้าถึงผู้คนวงกว้างได้ในสายเมทัล เท่ากับว่าตอนนี้ Sweet Mullet จะกลายเป็นกำลังหลัก ในขณะที่แวดวงอันเดอร์กราวด์เอง วงดนตรีที่เป็นหัวเรือใหญ่ๆ ของเทศกาลดนตรีเมทัล เริ่มมีอายุ และวงใหม่ๆ ยังสร้างชื่อขึ้นมาไม่ทัน ตรงจุดนี้ อาจจะน่าเป็นห่วง บวกกับเมทัลโลกก็ซบเซาอยู่แล้ว งานหนักอาจจะตกอยู่ที่วงเมทัลรุ่นใหม่ สิ่งที่ต้องทำกันเป็นอย่างแรกอาจจะต้องเป็นการรวมกลุ่มวงใหม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมบางอย่างให้ได้ ถ้าต่างคนต่างอยู่วงการนี้อาจจะพังครืนลงมาได้
เอเชี่ยนคัลเจอร์
ที่น่าสนใจคือกระแสที่เราขอเรียกว่า Asia Invasion การมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นของ K Pop ที่สามารถก้าวไประดับโลก ในขณะที่ญี่ปุ่น การเติบโตของอุตสาหกรรมการ์ตูน แอนิเมชั่น สิ่งที่ส่งผลทางอ้อมคือเรื่องของดนตรี ประกอบกับการเริ่มใช้โซเชียลของศิลปินใหญ่ๆ ในแวดวง J Pop, J Rock นี่เป็นวัฒนธรรมดนตรีหลักที่มีผลต่อเมืองไทยโดยตรง ลิซ่า Black Pink, แบมแบม Got7 กลายเป็นแรงบันดาลใจในการฝึกร้อง ฝึกเต้น ของเด็กไทยที่มีความฝันที่จะโกอินเตอร์ ในขณะที่ BNK48 จุดกระแสของไอดอล ทำให้มีวงไอดอลรูปแบบต่างๆ ตามมา ความเติบโตของ 2 อุตสาหกรรมดนตรีเอเชีย จุดประกายไฟให้คนทำเพลงในบ้านเราอยากสร้าง T Pop ให้สำเร็จ เอเขียนคัลเจอร์ที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ แต่มั่นคง มีผลกระทบต่อบ้านเราค่อนข้างชัดเจน
ปีแห่งการ Live
Covid เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ทั่วโลกต้องปรับตัวทุกวงการ ดนตรีเป็นแวดวงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด การที่ศิลปินไม่สามารถออกไปแสดงสดได้ การ Live ผ่าน Social ทำให้เป็นการรักษาแรงบันดาลใจ ไอเดียไว้ได้ แสตมป์ อภิวัชร์ ได้ทำให้เห็นมาแล้ว หรืออย่างคอนเสิร์ต Online ผ่าน Application ของ Whal&Dolph, Stamp, Lomosonic หรือ GMM Online Festival ก็เป็นอีกช่องทางในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเป็นไปได้ว่าเราอาจจะต้อง เจอกับเหตุการณ์แบบนี้สักระยะใหญ่ๆ เลยทีเดียว
กำเนิดกีตาร์ฮีโร่ใหม่ๆ
มาเจาะลึกถึงเรื่องกีตาร์กันบ้าง ด้วยความที่มีวงใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ทำให้เราได้เห็นมือกีตาร์ฝีมือดีอีกมากที่ขึ้นมาประดับวงการ แรงสุดๆ ก็ต้อง “มีน ไททศมิตร” ที่กำลังถูกกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก “บลู Indigo” ที่มาแบบเงียบๆ แต่เฉียบขาดในฝีมือมือกีตาร์ซ่อนตัวในชายคาของศิลปินต่างๆ ที่รอวันเฉิดฉาย เหล่ากีตาร์ฮีโร่ในโลกออนไลน์ที่ฝีมือยอดเยี่ยมมากๆ อีกหลายคน อาจจะบอกว่าไปๆ มาๆ ในยุคที่กีตาร์ฮีโร่ไม่ได้ครองเมือง บ้านเรามีมือกีตาร์เก่งๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมาย
Tik Tok สร้างชื่อ
Tik Tok เป็นอีกหนึ่ง Application ที่คนไทยใช้กันค่อนข้างเยอะ ที่น่าสนใจก็คือมีเพลงหลายเพลงที่แจ้งเกิดจาก Application นี้ อย่างเช่น “วิบวับ” ที่จาก Tik Tok ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่แรงจนฉุดไม่อยู่ ยังมีอีกหลายบทเพลง จากศิลปินที่เราอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อ แม้ว่าเพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสายรถแห่ สายเต้น ซะเยอะ แต่ก็มีหลายเพลงทีเดียวที่ดังจาก Tik Tok แล้วกลายเป็นเพลงฮิต พลิกชีวิตศิลปินนั้นๆ ได้เลย
Collab แหลกลาญ
การร่วมงานกันของศิลปินในโปรเจ็กต์ พิเศษต่างๆ หรือในอัลบั้ม ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบในวงการดนตรีที่ปีที่ผ่านมามีมากมายเช่นกัน ผลงานของ F.Hero ที่ feat กับศิลปินทุกแนวไล่มาตั้งแต่ในอัลบั้ม In To The New Era หรือโปรเจ็กต์ของ Joox ที่นำ 2 ศิลปินมา Collab กันสร้างเพลงฮิตอย่างเพลงล่าสุด “ดึงดัน” ของ Cocktail กับตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด การ Collab ของแต่ละศิลปิน จะยังคงสิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆ ได้อย่างแน่นอน
การกลับมาของ อัลบั้ม
อันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของวงการดนตรีในรอบปีที่ผ่านมา นั่นคือการที่ศิลปินกลับมาทำงานในรูปแบบอัลบั้มกันมากขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณเหล่า บรรดา Plugin ในส่วนของ Digital Music ที่ทำให้การทำงานเพลงง่ายขึ้น ประหยัดเวลา ทรัพยากร ในเมื่อการปล่อยทีละเพลง ก็เสี่ยงไม่แพ้กับการปล่อยเพลงทีละ 5 เพลง 10 เพลง การปล่อยเพลงเป็นอัลบั้มจึงเป็นทางเลือก และพวกแผ่นเสียง หรือแม้กระทั่งเทปคาสเซ็ท ก็กลายเป็นของที่ระลึกเพิ่มมูลค่าได้ การทำอัลบั้มจึงเป็นตัวเลือกสำคัญอีกหนึ่งทางของศิลปิน
คนเบื้องหลังงานชุก
เมื่อศิลปินใหม่ๆ เพิ่มขึ้น คนทำงานเบื้องหลังก็จะมีงานเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และปีที่ผ่านมาศิลปินใหม่ๆ หรือแม้แต่ศิลปินที่มีผลงานมาแล้ว มีผลงานออกมามากมาย แต่บุคลากร คนทำเบื้องหลังก็ไม่ได้เยอะขนาดซัพพอร์ตได้หมด และส่วนนึงเป็นเรื่องของความเชื่อใจด้วย NIINO ก็ยังต้องกดบีทจนมือหงิกเช่นเดิม ในขณะที่ชื่อของงานในส่วนบันทึกเสียง เราจะเห็นชื่อของ พีท ตันสกุล, เจ มณฑล ดิลกชวนิช ในงานด้านของซาวด์ ชื่อของเมฆ Machina กับงานโปรดิวเซอร์และซาวด์ดีไซน์มากมาย ชื่อของแอ้ม อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ กับงานด้านเนื้อเพลงมากมายในสายเพลงป็อป เช่นเดียวกับ ปู๋และโฟร์ อดีต 2 มือกีตาร์จาก 25 hours หรือคนที่หลายคนอาจจะไม่ได้คาดคิดอย่าง โอ้ เสกสรรค์ ปานประทีป เจ้าของเพลง ใจให้ไป ที่ถ้าคุณไปดูเครดิต จะเห็นชื่อของเขาในฐานะ Vocal Coach ในหลายเพลงในยุคนี้ หรืออย่าง แทน Lipta ที่มีผลงานมากมาย
วงการดนตรีแค่ในรอบปีเราได้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวมากมาย กับสถานการณ์ต่างๆ ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ วงการดนตรีก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายเชื่อว่ามันต้องมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน