หนุ่มอารมณ์ดีเพลงไพเราะ ศาสดาของเหล่าโอตะทั้งมวล หลายๆ คนรู้อยู่แล้วว่าแสตมป์ เป็นคนนึงที่ชื่นชอบดนตรีแบบญี่ปุ่น และมักจะมีส่วนผสมเหล่านี้ในงานเสมอ แต่แล้ววันนึงจากความชอบ ความฝัน กำลังกลายเป็นเรื่องจริง เมื่อเขาได้รับการติดต่อจากค่าย avex ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นให้มาร่วมงานด้วยในฐานะศิลปิน แล้วต่อจากนี้แสตมป์จะก้าวเดินต่อไปอย่างไร ทิ้งเพลงไทยเลยหรือไม่ มาลองพูดคุยเรื่องราวต่างๆ จากแสตมป์กันได้เลย
แสตมป์คุง กับการเป็นศิลปินของค่าย avex
แสตมป์ : เริ่มจากปีที่แล้ว ผมมีโอกาสเป็นแขกรับเชิญของคุณ Sky Hi ที่คอนเสิร์ตของเค้า ซึ่งวันนั้นเป็นวันเกิดของเค้า คือคุณ Sky Hi เขาเป็นแร็ปเปอร์ของวงชื่อ AAA เขาดูแลเราดีมากเลย มีรถมารับเราที่สนามบิน ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังอะไร จนกระทั่งช่วงเมษายนที่ผ่านมา เขาก็ติดต่อผมมาทาง Line บอกว่าเขามีทีมงานคนนึงที่ชอบเพลงของผม เลยอยากทำโปรเจ็กต์ของเราที่ญี่ปุ่น เพราะปีที่แล้วผมทำงานกับอีกค่ายนึง แต่พอเจอ Covid ก็ขาดการติดต่อกันไปก็โชคดีมากเลยที่ได้ทำต่อ ก่อนหน้านี้ผมจะผลงานเป็นอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ มีเพลงไทยผสม แล้วก็มีเพลงญี่ปุ่นนิดเดียว แต่คราวนี้ไหนๆ เราก็ได้ทำกับ avex แล้ว ก็เลยคิดว่าจะทำเพลงภาษาญี่ปุ่นเต็มตัว แล้วก็ Featuring กับศิลปินญี่ปุ่นทุกเพลง เพลงแรกก็ feat. กับ Sky Hi เพราะเราก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ก็เอาเพลง “ทั้งจำทั้งปรับ” มาทำใหม่ ให้ Nino ทำบีทให้ใหม่ แล้วให้ Sky Hi แร็ปใส่มาใหม่ คือเราจะวางไว้ทุก 3 เดือน จะมีซิงเกิ้ลออกมา พอถึงเดือนพฤษภาคม น่าจะปล่อยได้สัก 4 เพลง แล้วจะบินไปเล่นที่นู่น แต่จากสถานการณ์เราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องวางคร่าวๆ ไว้ก่อน หวังว่าตอนนั้นจะไปได้แล้ว เพลงที่จะออกมีทั้งเพลงเดิม แต่งใหม่ แต่งร่วมกับทางนั้นแล้วก็มีแบบที่คนญี่ปุ่นแต่งให้เลย ซึ่งไม่บ่อยที่ผมที่จะร้องเพลงที่ไม่ได้แต่ง ขนาดอยู่เมืองไทยยังค่อนข่างน้อยก็เลยค่อนข้างตื่นเต้น
จาก “ทั้งจำทั้งปรับ” สู่ “Jailhouse” เพลงญี่ปุ่นแบบเป็นทางการ
แสตมป์ : ตอนแรกผมจะใช้ชื่อชื่อ Jailhouse Rap เพื่อล้อกับเพลง Jailhouse Rock ของ Elvis Presley แต่ทาง avex บอกว่าถ้าใช้ชื่อนี้เดี๋ยวเปิดตัวคนจะมองว่าแสตมป์ เป็นศิลปินแร็ป ซึ่งเออ…เราก็ไม่ได้นึกถึงตรงนี้เราเลยใช้เป็น Jailhouse เฉยๆ ตอนแรกเราใช้บีทเดิมแล้ว Sky Hi เขาแร็ปส่งกลับมา มันค่อนข้างหนักกว่าเดิม อย่างของเดิม Youngohm จะติด R&B มากกว่าเลยต้องให้ Nino ทำบีทให้ใหม่ โน่ก็จัดการเปลี่ยนเสียงกลอง สตริง ผมก็ไปใส่กีตาร์ไฟฟ้าในแบ็กกราวด์ให้เพลงเป็นเฮฟวี่ขึ้น ตอนแรกมี Tapping ด้วย แต่ผมตัดออก (หัวเราะ) มันไม่เข้ากับเพลง คือนีโน่บอกว่าเอาท่อนนี้ใส่กีตาร์ไฟฟ้าที่พี่ชอบเล่นเลย ผมก็ใส่ แต่มันชนกับแร็ปมากเกินไปก็เลยตัดออกไป (หัวเราะ) ส่วนเป็นภาษาญี่ปุ่นเนื้อหาต้องเปลี่ยนหรือเปล่า ผมเรียนตามตรงนะครับ ผมไม่รู้ (หัวเราะ) แต่คงธีมเรื่องการไม่หลงเชื่อ การยึดติดกับคนเดิมๆ จะไม่ยึดติดกับความรักที่ทำให้เราพัง แต่ Sky Hi จะแร็ปอะไรมาอันนี้ผมไม่รู้เลย แต่ท่อนของผมจะคล้ายๆ เดิม แล้วก็ได้คุณ Gashima จากวง White Jam คืองานหลักๆ ของเขาจะแต่งเพลงเกาหลีให้เป็นภาษาญี่ปุ่น เขาจะทำให้กับวงอย่าง Monsta X ที่ไป Debut ที่นั่น เขาก็เป็นคนที่แปลเพลงนี้ให้เป็นภาษาญี่ปุ่น ผมไม่แน่ใจเรื่องเนื้อหา แต่ผมรู้สึกว่าคำมัน Flow ดีที่เขาทำ ถ้าเป็นเพลงแปลผมจะให้เขาแปล
ความยากง่ายจากศิลปินไทยกลายเป็นศิลปินญี่ปุ่น
แสตมป์ : ผมว่าเขาค่อนข้างละเอียดมากกว่า ละเอียดมากในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเช่นบ้านเราบางจุดที่เราเคยทำ แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว เราก็จะแบบไม่เป็นไร แล้วไปโฟกัสเรื่องอื่น แต่ว่าคนญี่ปุ่นจะละเอียดในทุกๆ ขั้นตอน ต้อง 1 2 3 4 ตามตารางเขา ซึ่งผมก็ไม่ได้ปรับตัวอะไรมาก ผมก็ทำทุกอย่างที่เขาสั่งให้ได้ สำหรับผมถ้าเราตั้งโหมดที่จะตามเขาแล้วผมว่ามันง่ายเลยนะ แทบไม่ต้องพยายามคิดอะไรมาก เช่นเขาให้ผมทำไลฟ์ เขาจะให้ทีมงานเขาถ่ายรูปกลับมาว่าต้องยืนตรงนี้จะเห็นเข่า ตรงนี้เห็นหัว ข้างหลังเป็นสีขาว ถ้าเป็นบ้านเราอาจจะไม่ละเอียดถึงขั้นนี้ อย่างบ้านเราอาจจะบอกว่าให้ถ่ายแบบนี้นะ แล้วค่อยเอาฟุตมารวมกันแล้วหาฉากหลัง แต่ของญี่ปุ่นจะเป็นลายลักษณ์อักษรไปเลยชัดเจน ซึ่งผมว่าดีนะ ซึ่งระยะหลังงานโฆษณาของไทย งานเอเจนซี่ ก็จะเป็นอารมณ์นั้น เอาจริงๆ ผมค่อนข้างจะชอบวงการดนตรีญี่ปุ่นอยู่แล้ว แม้จะมีบางคนบอกว่าไปโกอินเตอร์ที่ญี่ปุ่นทำไม แต่ผมก็แค่อยากจะไปอยู่ใกล้ๆ กับสิ่งที่ผมชอบเท่านั้นเอง
“แอบดี” เพลงที่พาแสตมป์มาเป็นขวัญใจวัยรุ่นอีกครั้ง
แสตมป์ : เอาเข้าจริงๆ เพลงนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากเลยครับ แล้วก็ตกใจเหมือนกันที่น้องๆ เด็กๆ เขาชอบกัน ตอนทำเพลงนี้ผมรู้สึกว่าโครงสร้างสำหรับผมมันค่อนข้างใหม่ ผมชอบทำเพลงที่บิวท์เมโลดี้ไปจาก Verse แล้วไป Pre Chorus พอ Hook ก็กระโดดไปมา แต่เพลงแอบดี มันขึ้นด้วย Hook เมโลดี้เป็น Verse แล้วก็ซ้ำมันอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกว่าเป็นทางที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเราก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ในด้านดนตรีผมบอกให้ “ปกป้อง จิตดี” ว่าอยากได้เพลงที่เป็นซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ แล้วก็กีตาร์วนทั้งเพลง เขาก็ค่อยๆ วางจนกลายเป็นเพลง แอบดีเป็นเพลงที่เมโลดี้ไม่วิ่งที่สุดของผม เพลงผมจริงๆ จะได้อิทธิพลเพลงญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ ถ้าสมัยก่อนเมโลดี้มันจะขึ้นสูงลงต่ำตลอด แต่เพลงนี้มันจะเรียบๆ ซึ่งผิดวิสัยผมมากๆ แต่ปกป้องก็ทำให้ เพลงมีไดนามิกได้ สุดท้ายที่มันเติมเต็มที่สุดก็คือ น้องปิ๊ก ที่เป็นลูกสาวพี่อี๊ด ฟุตบาธ เขามาสี Cello ซึ่งน้องเก่งมาก ผมร้องอะไรมาเขาสีออกมาได้เลย ซึ่งเป็นเมโลดี้ที่เหมือนร้องเพลงออกมา ก็เลยเติมเต็มตรงนั้นพอดี เพลงนี้ทำให้ผมรู้จักพวกการ Streaming รู้จักสิ่งที่คนสมัยนี้เข้าถึงมากขึ้น หลังจากที่ผมตัดขาดมันไปสักพัก แต่คงไม่ได้จับทางเพลงแบบ “แอบดี” ทำในเพลงต่อไป เพราะผมว่าพอเราจับมัน มันก็จะหนีเราไปอีก แต่ก็ต้องบอกว่าเพลงแอบดี ทำให้ผมได้คอนเน็กกับคนยุคนี้มากขึ้น
1% เพลงรัก แบบเจแปนนิสสไตล์
แสตมป์ : สำหรับ 1% นี่ตรงข้ามกับแอบดี ในแง่โครงสร้างเพลง เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้มาหลังจากผมไปญี่ปุ่นมาแล้ว ผมว่าเพลงนี้โครงสร้างเพลงเป็นสไตล์เพลงญี่ปุ่นมากๆ สิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต คือการเขียน Hook 2 เนื้อ เพลงนี้มีการซ้ำเมโลดี้ที่ใช้เนื้อเพลงคนละอัน ซึ่งเพลงญี่ปุ่นชอบเป็น อย่างเพลงของ BNK48 ท่อน Hook จะไม่ค่อยซ้ำเนื้อเพลง บางทีเป็นคนละเรื่องเลย ซึ่งผมเคยไปถามนักแต่งเพลงญี่ปุ่นว่า ทำไมคุณถึงไม่เขียนเนื้อเพลงที่มันซ้ำ ไม่อยากให้คนจำเหรอ แต่เขาบอกว่า มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องของเขาที่เรื่องมันจะต้องเดินไป เพลงนี้ใน Hook สุดท้ายผมเลยให้เนื้อเรื่องของเพลงเดินหน้าไป มันจะร้องว่า “ทุกความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่ได้บอกเธอ บอกมันอยู่เสมอด้วยดวงตาของฉัน” จากที่เราเก็บเป็นความลับมาตลอดเพลงนี้ ใน Hook สุดท้ายเราจะเล่าว่าจริงๆ บอกไปแล้วในดวงตาก็เลยลองให้เนื้อเรื่องต่อกันดู ซึ่งผมก็เห็นว่าเพลง BNK48 ยังทำได้นี่นา ไม่ต้องจำขนาดนั้นแต่เล่าเรื่องเอา ก็เลยลองทำดูบ้างครับ
Eddie Van Ha “แตมป์”
แสตมป์ : เพลงนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมโยกคันโยกกีตาร์ ตอนนั้นผมอิน Van Halen อยู่ เอาจริงๆ ตั้งแต่มีกีตาร์มาผมไม่เคยมีคันโยกมาก่อนเลย ตอนนี้ผมอยากได้มาก แล้วผมคิดว่าผมจะซื้อ หลังจาก 1% ออกมาผมว่าจะไปซื้อกีตาร์แบบมีคันโยก เวลาเล่นสด แต่ติด Covid พอดี เลยยังไม่ได้ซื้อ (หัวเราะ) คือพอผมมาฟัง Van Halen มากขึ้น ผมว่าเสียงกีตาร์ ก็เหมือนเสียงร้อง มันมีการ Vibrate เหมือนกัน บางท่อนเวลาโน้ตมันค้าง แล้วเราโยกคันโยก ก็จะทำให้เป็นโน้ตที่ไม่น่าเบื่อได้ แต่ตอนที่อัดเพลงนี้กีตาร์ที่ใช้มันไม่ได้เป็นแบบ Floydrose เป็นคันโยกปกติ เป็น Strat ธรรมดา ผมเลยต้องใช้แรงกดหนักมากเพื่อที่จะให้ได้เสียงแบบนั้น ตอนเด็กๆ ผมไม่กล้าซื้อ Floydrose เพราะรู้สึกว่ามันตั้งสายยาก ผมมีเพื่อนที่มีกีตาร์ Floydrose แล้วผมไม่สามารถทำได้ มันยุ่งยากเลยค่อนข้างเข็ด แต่เดี๋ยวนี้มันง่ายขึ้น คราวนี้พอผมได้ไปเล่นกับ Bodyslam แล้วเห็นพี่ ยอดโยกคันโยกทุกเพลงเลย ผมก็เดินไปโยกด้วย มันเลย ถ้าผมมีงานเยอะๆ ผมจะซื้อแน่ๆ (หัวเราะ)
ห่างกันวันละเพลง ไลฟ์สุดสนุกของแสตมป์
แสตมป์ : จำได้มีคนขอเพลงวาฬเกยตื้น แต่ผมยังไม่ได้ฝึกร้องตอนนั้น บางครั้งเลยทำเป็นมองไม่เห็นบ้าง (หัวเราะ) โห ตอนนั้นเหนื่อยเหมือนกันนะ เราเล่นทุกวันแล้วจะมีแบบ ตอนต้นเล่นไปแล้ว พอคนเข้ามาอีก 10 นาทีขอเพลงเดิม ครึ่งชั่วโมงมาเพลงเดิม เราก็แบบก็เล่นไปแล้วไงเล่า (หัวเราะ) ทำให้มีความสับสนอยู่บ้าง ก็ตั้งธีมแบบเพลงบอย โกฯ บอย ตรัย ซึ่งเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ช่วงนั้น เวลาเล่นดนตรีแล้วอ่านคอมเมนท์ไปด้วยมันยากเหมือนกัน มันจะเผลอร้องสิ่งที่เขาพิมพ์ออกมา (หัวเราะ) เหนื่อยแต่สนุกดี ตอนหลังผมไปเจอคนที่จ้างงานผม เขาบอกว่าช่วงนั้นดูแต่ไลฟ์ของผมเพราะไม่มีอะไรทำ ก็เลยรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ นอกจากทำให้ผมไม่เหงาแล้ว ชีวิตผมช่วงนั้น นอกจากวิ่ง แต่งเพลงใหม่ๆ ซ้อมเพลงที่จะไลฟ์ หมดวันนึง ผมก็หมดแรงแล้ว มันหมดวันเร็วมาก ผ่านไป 2-3 เดือนโดยที่ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ก็สนุกดี
ความฝันของศิลปินชื่อแสตมป์ อภิวัชร์
แสตมป์ : อืม ผมยังมีไฟอยากฟังเพลงอะไรใหม่ๆ อยู่ อยากแต่งเพลงใหม่ๆ อยากทำอะไรที่ไม่เคยทำ อย่างอัลบั้มที่เล่นกีตาร์คนเดียวทั้งอัลบั้ม หรืออาจจะเป็นออเครสตร้าทั้งอัลบั้ม อย่าง Taylor Swift ก็ทำอัลบั้มที่บ้าน ซึ่งผมว่าคอนเซ็ปต์โอเคเลย ตอนหลังผมสงสัยว่าจะทำยังไงให้มีแรงทำดนตรีไปได้จนแก่ จนเฒ่า ผมยังอยากทำเพลง จะทำยังไงไม่ให้ซ้ำเดิม ก็อาจจะเกาะคอนเซ็ปต์อะไรแล้วเกาะ ธีมนั้นไปเลย ก็ยังไม่ได้ถูกใจอะไรมากเป็นพิเศษแต่ถ้าให้คิดเร็วๆ ก็จะเป็นออเครสตร้าครับ แต่ก็ไม่รู้จะออกมายังไง
พูดคุยสักนิดกับไอดอลมาสเตอร์
แสตมป์ : จริงๆ มีโอกาสถ้าได้ทำเพลงกับกลุ่มไอดอลก็น่าสนใจนะ แต่ไม่รู้จะเข้ากับเขาไหม (หัวเราะ) เอาจริงๆ วงการไอดอลค่อนข้างยากนะ เพราะเขาเป็นการ Pitching กัน แบบหลายๆ คนส่งเข้ามา จะไม่เหมือนกับพวกเราที่ทำให้เป็นเบอร์ๆ ไป ของเขาอาจจะแบบทำมา 10 เพลงเขาเลือกอันนึง ร้อยเพลงเลือกอันนึง ค่อนข้างสู้พอสมควร ยากมากครับ แต่ที่อยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออยากไปญี่ปุ่นให้ได้ก่อน (หัวเราะ) จากนั้นค่อยว่ากันอีกที ก็คอยติดตามผลได้ทุกๆ ช่องทาง ปีหน้าน่าจะได้ฟังผลงานของผมทั้งเพลงไทย เพลงญี่ปุ่น ก็ติดตามได้ทั้งช่องทางของผม กับทาง avex ได้นะครับ