เมื่อเครื่องดนตรีอย่างซินธิไซเซอร์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในดนตรีมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 80’s จากจุดนั้นทำให้ศิลปินต่างๆ สามารถหาเสียงที่เกินกว่าจินตนาการมาใส่ไว้ในเพลงเพื่อที่จะให้ดนตรีก้าวไปอีกขั้นนึง ดนตรีร็อคเองก็เช่นกัน ซินธ์ฯ เริ่มเข้ามาผสมกับดนตรีร็อคในช่วงยุค 80’s เราเห็นวงร็อคระดับไอคอนอย่าง Van Halen, Judas Priest วงเฮฟวี่หนักๆ ยุคนั้น ยังต้องมีเสียงซินธ์ฯ นั่นคือก้าวแรกๆ ที่บทบาทของเครื่องดนตรีสังเคราะห์ เข้ามาเป็นตัวหลัก ปลายๆ ยุค 80’s จึงถือว่าเป็นช่วงแรกๆ ที่ชัดเจนว่าร็อคจะไม่ได้มีแค่ซาวด์กีตาร์เสียงแตก กลอง เบส อย่างเดียวอีกต่อไป ไม่ได้จำเป็นจะต้องเล่นร็อคแอนด์โรลผสมบลูส์อย่างที่เคยผ่านมา รากฐานของร็อคกำลังเปลี่ยนไป เสาเข็มต้นใหม่กำลังเริ่มตอกลงมาอย่างช้าๆ ไม่มีนักดนตรีร็อคยุคนั้นคนไหนสะกิดใจหรอกว่า อีก 20-30 ปีต่อจากนี้ร็อคจะออกมาเป็นรูปแบบไหน พวกเขาอาจจะคิดว่าซินธ์ฯ หรือเสียงซาวด์สังเคราะห์จะเป็นแค่สีสันของดนตรีร็อคสักพักเท่านั้น โดยเฉพาะกีตาร์เครื่องดนตรีที่เคยเป็นพระเอกในซีนนี้ตลอดมา บทบาทของกีตาร์กำลังจะเปลี่ยนไป
เสียงสังเคราะห์ในร็อคและเมทัล
ฉากสำคัญในการเปลี่ยนเสียงของร็อคเริ่มขึ้นในช่วงต้น 90’s เมื่อเริ่มมีวงบางวงสร้างเพลงร็อคจากเสียงสังเคราะห์หนึ่งในหัวหอกนั้นก็คือวงดนตรีที่ชื่อว่า Nine Inch Nails ในขณะที่หลายๆ วง ยังคงทำเพลงในแบบรากฐานดนตรีที่เป็นแบบแผน ร็อค บลูส์ คลาสสิค แต่ NIN ใช้เสียงสังเคราะห์ สร้างดนตรีในฟอร์มเพลงแบบร็อค ในช่วงก่อนเข้ายุค 90’s ในอัลบั้ม Pretty Hate Machine และเริ่มสร้างฐานแฟนเพลงที่แตกทำนบร็อคเสียงเดิมๆ ออกมา ตอกย้ำด้วยอัลบั้ม The Downward Spiral ในปี 1994 นักวิจารณ์ ผู้สันทัดทางดนตรี สื่อดนตรีต่างๆ เรียกแนวเพลงของ NIN ว่า Industrial แล้วมันก็กลายเป็นซีนนึงขึ้นมา NIN ไม่ใช่วงเดียวที่ทำในขณะนั้นก็มีผู้ร่วมอุดมการณ์หลายวงเช่น KMFDM, White Zombie, Ministry, Fear Factory วงเหล่านี้เริ่มต้นสร้างดนตรีร็อคเมทัลที่ผสมเสียงสังเคราะห์มากน้อยแล้วแต่วง ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญส่งต่อถึงยุคต่อมา
Nu Metal ดนตรีร็อคที่เสียงกีตาร์และเสียงสังเคราะห์มีบทบาทเท่ากัน
ยุคที่เราเรียกว่า Nu Metal วงร็อคที่เริ่มก่อตั้งจากปลายปี 90’s ที่กำลังต่อเข้ายุค 2000 กำลังจะทำให้เสียงของดนตรีร็อคเปลี่ยนไป ศิลปินร็อค เมทัลหลายวง ใส่เสียงสังเคราะห์เข้าไป วงดนตรีที่ต่อยอดมรดก Industrial อย่าง Marilyn Manson, Rammstein วงเหล่านี้สร้างสีสันสุดๆ เมื่อบวกดนตรีแบบ Industrial กับภาพลักษณ์ที่สุดโต่ง 2 วงนี้กลายเป็นวงใหญ่ที่ชัดเจนที่สุดในเรื่องของการผสมซาวด์สังเคราะห์ลงในตัวเพลง และถึงเวลานี้แนวดนตรีที่ผสมผสานเสียงของอิเล็กทรอนิกส์ และแร็ปเข้าไปอย่าง Nu Metal กำลังกลายเป็นเพลงกระแสหลักของร็อค หัวหอกอย่าง Korn, Linkin Park, Limp Bizkit 3 วงดนตรีหลักแห่งต้นยุค 2000 กำลังสร้างเสียง และรากฐานที่เป็นต้นแบบที่เป็นต้นแบบ Korn ใช้เครื่องดนตรีสดผสมเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เพื่อสร้างซาวด์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยแนวทางที่ไม่มีใครเหมือน Limp Bizkit ผสมผสาน แร็ปลงไปเต็มตัว ผสมซาวด์กีตาร์แบบเมทัล และวงที่ถือว่าเป็นต้นน้ำแห่งการเปลี่ยนแปลง Linkin Park พวกเขาใช้อิเล็กทรอนิกส์มิวสิค แร็ปบีทเป็นตัวนำ และสิ่งที่ทั้ง 3 วง ทำคล้ายๆ กันก็คือ “การลดบทบาทของกีตาร์” วงร็อคไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องขึ้นมาด้วยริฟฟ์ 3 นาที โซโล่ยาวๆ กับวลีบลูส์อีก 7 นาที ทุกอย่างเริ่มถูกแทนที่จาก Sampler ริฟฟ์จำจากดีเจ จริงอยู่แม้จะยังมีหลายวงที่ยังคงเริ่มริฟฟ์ด้วยกีตาร์แบบดั้งเดิมอยู่พอสมควร แต่ครึ่งนึงของรากฐานดนตรีร็อคในยุคนี้ เริ่มขึ้นดนตรีด้วยซาวด์จาก Sampler กับแร็ปไปแล้วเช่นเดียวกัน
เพลงเพื่อให้เห็นภาพ
Head Like Hole : Nine Inch Nails
Trent Reznor อาจจะเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่ชัดเจนในการสร้างเพลงร็อคจากซาวด์สังเคราะห์ เพลงนี้ที่ริฟฟ์เสียงซินธ์ฯ มีเมโลดี้ที่เหมือนริฟฟ์กีตาร์ ก่อนที่จะใช้กีตาร์ในการเล่นสาดคอร์ดเล็กน้อย เสียงเบส กลองไฟฟ้าทั้งหมด ไม่มีกีตาร์โซโล่ แน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือกีตาร์ไม่ใช่พระเอกของวงร็อคอีกแล้ว
Breaking The Habit : Linkin Park
อีกวงที่ต้องถือว่ามีอิทธิพลต่อวงร็อคยุคหลังๆ มากกับการผสมผสานเสียงสังเคราะห์ การใช้ Sampler ต่างๆ และในเพลงนี้เป็นเหมือนบัลลาดร็อคในแบบใหม่ ดนตรีทุกอย่างดำเนินด้วยเสียง Sampler และมีเสียงกีตาร์คอยประกอบ ไม่มีเสียงแตก ใช่แล้ว! ร็อคกำลังถูกเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากเดิม
Dance Music กับชาวร็อคยุคเริ่มต้น
ในขณะเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงวงการร็อค อีกด้านนึงดนตรีที่เป็นเรื่องของเสียงสังเคราะห์เพียวๆ อย่าง Dance Music กำลังถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นเสียงดนตรีหลักในชาร์ตเพลงของโลก ในจำนวนนี้ศิลปินในซีนของ Dance Music หลายๆ เบอร์เริ่มมีอิทธิพลต่อวงเพลงร็อคทางอ้อม ไล่มาตั้งแต่พวกสาย 90’s ที่เริ่มพัฒนาบีทของแด๊นซ์ให้หนักขึ้นอย่าง The Chemical Brothers, The Prodigy, Crystal Method, Apollo 440 ศิลปินเหล่านี้สร้างบีทที่ทำให้ชาวร็อคสามารถเปิดใจกับ Dance Music ได้ เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับ Dance Music เด็กๆ ที่กำลังจะเป็นชาวร็อคที่เริ่มโตมาในยุคนี้ก็ได้ยินเสียงของซาวด์สังเคราะห์ Electronic ทั้งหลาย ควบคู่ไปด้วยกันกับเพลงร็อคหนักๆ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ฝังในความทรงจำด้านเสียงเพลง ที่ภายหลังเสียงเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในเพลงร็อคก็ได้
เพลงเพื่อให้เห็นภาพ
Block Rockin’ Beats : The Chemical Brothers
Sampler เสียงบีทกับจังหวะหนักๆ ที่ทำเอาทั้งนักเต้นและเหล่าบรรดาร็อคเกอร์บางส่วนแอบปันใจให้ กับความหนักหน่วงที่ไม่ได้แพ้เพลงร็อคเลยทีเดียว เป็นศิลปินสาย Dance Music ที่เป็นต้นแบบให้กับหลายคน
Firestarter : The Prodigy
อีกเพลงที่โดดเด่นทั้งในซีนของ Dance และข้ามมาร็อค ความโดดเด่น บ้าคลั่งของ Keith Flint บีทหนักๆ ผสมเสียงกีตาร์ร็อคในเพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ทำให้ชาวร็อค ชื่นชอบได้ไม่น้อย
EDM อิทธิพลสำคัญของดนตรีโลกในยุค 2000
ซีนของ Dance Music เองก็มีการพัฒนาขึ้นมาก จนในที่สุดก็กลายมาเป็นเพลงกระแสหลักของโลก EDM ในช่วงปลายๆ ยุค 2000 เข้าต้นยุค 2010 เป็นต้นมา ศิลปิน EDM เหล่าดีเจทั้งหลายกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการดนตรีโลก ความหลากหลายถูกผสมเข้ามา มันไม่ใช่แค่บีทที่ทำให้เต้นสนุกสนาน แต่ EDM ยุคใหม่ผสมผสานดนตรีมากมายลงไปบนพื้นฐานของบีทและเสียงสังเคราะห์ รวมถึงฟอร์มเพลงที่มีความกระชับจับต้องได้มากขึ้น ศิลปินอย่าง LMFAO ที่นำเอาอารมณ์ของปาร์ตี้ร็อคแฮร์แบนด์มาตีความใหม่ด้วยดนตรีแบบ Dance Music แน่นอน Skrillrex กับ Dubstep ที่เราอาจจะเรียกได้ว่านี่คือซาวด์เมทัลบนซีนของ EDM และพวกดีเจซูเปอร์สตาร์อย่าง David Guetta, Martin Garrix, Calvin Harris, The Chainsmokers, Steve Aoki และอีกหลายคน ผสมผสานทั้งความเป็นป็อปอาร์แอนด์บี และบางครั้งก็มีส่วนของความเป็นร็อคเข้าไปอย่างละนิด อย่างละหน่อย แต่ภาพรวมๆ EDM คือดนตรีที่ครองโลกของดนตรี ในยุคนี้ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เด็กๆ ที่โตในยุคนี้จะไม่เคยได้ยินซาวด์ดนตรีแบบนี้
เพลงเพื่อให้เห็นภาพ
Bangarang : Skrillrex
ในวันที่เสียงของ EDM ครองตลาดดนตรีโลก ก็ยังมีร็อคเกอร์ที่ผันไปเป็นดีเจอย่าง Skrillex ทำดนตรีในสไตล์ Dubstep ที่กลายเป็นอีกทางเลือกนึงของคนฟังเพลงร็อค ความหนักหน่วงในสไตล์เมทัลที่เปลี่ยนจาก กีตาร์ เบส กลอง กลายเป็น Sampler ต่างๆ ที่เอามาตัดแปะ มิกซ์ออกมา กลายเป็นเพลงแด๊นซ์ที่มีความหนักหน่วงอยู่เต็มเปี่ยม
LMFAO : Party Rock Anthem
เพลงที่เปิดโลกของ EDM สู่วงกว้าง นอกจาการผสมดนตรีแล้วการผสมวัฒนธรรมดนตรีเข้าไปมีผลมากๆ ทำให้เป็นการจุดประกายต่อการผสมผสานแนวดนตรีต่างๆ ในเพลงนี้ทีบีทเป็นเพลงเต้นรำ แต่ร้องแบบแร็ปและมีการกล่าวถึงวีถีปาร์ตี้แบบร็อคแอนด์โรลการเล่นคำในประโยค “On The Rise To The Top, No “Lead” In Our “Zeppelin” เป็นการเล่นคำกับชื่อวงสัญลักษณ์แห่งร็อคแบบ Led Zeppelin เราจะเห็นว่า EDM กำลังจะเป็นจุดสำคัญของการเชื่อมต่อดนตรี และอิเล็กทรอนิกส์มิวสิคจะกลายเป็นฐานสำคัญของสไตล์ดนตรีต่างๆ โดยเฉพาะร็อคในอนาคต
หลัง 2010 ยุคแห่งการผสมผสานเสียงดนตรี
เราจะมาดูที่ปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่เราลองแฟลชแบ็คไปดูจะเห็นว่าดนตรีที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ มีบทบาทมากๆ ในทุกแนวเพลง หลังจากที่ EDM กลายเป็นสไตล์ดนตรีที่ครองชาร์ตเพลง เสียงดนตรีจากศิลปินเหล่านั้น ก็ย่อมแทรกซึมในไปยังทุกแนวดนตรี คนทำเพลง ศิลปินมากมายในช่วงเวลานั้นต้องมีซาวด์สังเคราะห์สไตล์ EDM ไว้ในเพลง ในดนตรีร็อคก็เช่นกันจากยุคสมัยที่เสียงกีตาร์แบบบลูส์ ร็อคแอนด์โรล วลีดนตรีสไตล์แบบ Pentatonic สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนประกอบ และตัวเด่นเป็นริฟฟ์เสียงซินธ์ฯ แบบ EDM ที่ใช้สร้างริฟฟ์ขึ้นมา กับเสียงกลองไฟฟ้า วงดนตรีที่ถูกเรียกว่าร็อคโดยที่ไม่ได้มีซาวด์แบบกีตาร์แบนด์แล้ว ยกตัวอย่างเช่นวงอย่าง Imagine Dragons ที่มีเสียงสังเคราะห์ค่อนข้างเยอะถูกจัดให้กลายเป็นวงในหมวดของร็อค หรือศิลปินหญิงอย่าง Billie Ellish ก็เช่นกัน ศิลปินเหล่านี้กลายเป็นเสียงร็อคยุคใหม่ ส่วนเมทัลหลังจากเริ่มยุคของคำว่า Core ไม่ว่าจะเป็น Emo Core, Metal Core จนไปถึง Deathcore เสียงของเครื่องสังเคราะห์เริ่มมีบทบาทมากขึ้น เราเห็นวงดนตรีหลายวงใช้ฐานจากซาวด์เหล่านี้ขึ้นมากลายเป็นวงร็อค เมทัลชั้นนำ Bring Me The Horizon คือตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน Attack Attack เจ้าของมีม (Meem) Crab Core เพลงของพวกเขาก็ยังมีส่วนผสมของเพลงแด๊นซ์ วงอย่าง Issues ที่มีท่อนร้องผสมอาร์แอนด์บีป็อป และซาวด์เสียง Sampler กับริฟฟ์กีตาร์ เบส กลอง กรู๊ฟแบบขัดๆ แต่หนักหน่วง แม้แต่วงในสไตล์กีตาร์ฮีโร่อย่าง Polyphia เองก็มีการผสมดนตรีแบบนี้ลงไป ฉะนั้นตอนนี้พูดได้เต็มๆ อิเล็กทรอนิกส์มิวสิค คือฐานของดนตรีร็อคในยุคนี้ไปแล้ว คำถามต่อไปก็คือมันจะอยู่อีกนานไหม หรือจะไม่อยู่ หรือจะอยู่ตลอดไป วงการดนตรีเป็นวัฏจักร อาจจะมีการหมุนเปลี่ยนของวงดนตรี ซาวด์ดนตรีเกิดขึ้นได้ แต่ ณ ตอนนี้ ให้ลองสังเกตว่าคนฟังเพลงในวัย 20-30 เขาเติบโตมาจากซาวด์แบบไหน ตรงนั้นอาจจะเป็นคำตอบของอนาคตก็ได้นะ
เพลงเพื่อให้เห็นภาพ
Parasite Eve : Bring Me The Horizon
ไอดอลร็อคเมทัลยุคนี้ เพลงของพวกเขาประกอบด้วยซาวด์แบบอิเล็กทรอนิกส์ แน่นอน ซึ่งวงของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง พัฒนาเรื่อยๆ และอย่างที่เห็นในปัจจุบัน พวกเขากลายเป็นวงร็อค เมทัลที่ประสบความสำเร็จสุดๆ วงนึง
40oz : Polyphia
วง Instrumental ที่ดังที่สุดของยุค กับเพลงที่มีเสียงดนตรีแบ็คกราวนด์แบบ Drum & Bass หนัก บีทแบบเพลงเต้นรำ ผสมกับซาวด์กีตาร์ และวิธีเรียบเรียงเมโลดี้ต่างๆ นี่ก็เป็นซาวด์กีตาร์ของวงร็อคยุคใหม่ๆ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนอายุสัก 30 อัพ ก็น่าจะลองศึกษาการผสมผสานทางดนตรีนี้ดูสักตั้ง