หลังจากห่างหายหน้าไปจากการออกผลงานใหม่ เป็นเวลานานวงดนตรีที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อย่าง Tattoo Colour ก็กลับมาอีกครั้ง กับเพลงที่มีชื่อประหลาดๆ ที่ทำให้เราต้องหันหลังมามองอย่าง “ร้อนของ” หรือ “เซาเถอะ” หลังจากที่ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกัน เราได้เห็นแนวทางบางอย่างที่ถูกใส่เพิ่มเติมเข้ามา เราได้เห็นมิติใหม่ๆ ในทางดนตรีของวง Tattoo Colour แต่นั่นเป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้น จากอัลบั้มที่ชื่อว่า “เรือนแพ ชุดที่ 6” ของพวกเขา ซึ่งอัลบั้มนี้ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานจากเดิม มีการร่วมมือกันของวง มีสีสันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา แล้วแนวทางของอัลบั้มนี้จะเป็นอย่างไร ทั้ง 4 หนุ่มจาก Tattoo Colour มาสนทนาให้พวกเราได้ฟังกัน
การกลับมาอีกครั้งของ Tattoo Colour
ดิม : ก็เริ่มจากรัฐอยากจะสนุกสนานกับเพื่อนๆ ก็เลยคิดว่าอยากจะลองทำงานด้วยกัน คือเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เหมือนไปเข้าค่ายก็น่าสนุกดี ซึ่งก็ได้ห้อง Groove Studio ของพี่กั้ง Groove Riders เป็นที่รวมตัว เพราะมีทั้งตัวบ้านแล้วก็ห้องซ้อมก็ไปเช่าอยู่กัน ซึ่งเราไม่เคยทำมาก่อนกับการที่ต้องกินนอนอยู่ด้วยกัน ผมนี่แทบไม่ได้สตาร์ทรถออกจากบ้านเลย
รัฐ : คือเรามีกฎอยู่ว่าคนในห้ามออก คนนอกเข้าได้ (หัวเราะ)
ตง : สามวันแรกคนเข้ามาเต็ม (หัวเราะ)
ดิม : ก็หมดเวลาไปก่อนเลย 3 วัน (หัวเราะ) คือรัฐก็ไม่ได้อยากจะให้มันเครียดเกินไป เราจะไม่ได้แบบมาสุมหัวกันจริงจัง ต้องนั่งทำงานซีเรียส ผมก็นั่งอยู่ดาดฟ้า รัฐก็ไปเปิดโซดา เปิดน้ำแข็ง อะไรก็ว่าไป (หัวเราะ) รัฐเนี่ยมันเป็นคนแบบถ้าเปิดคอมทำงานแล้วมันปิดยาก สมมติเปิดคอมสัก 4-5 โมงเย็น ก็จะไปจบตีสามตีสี่อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นแรกๆ เราจะคุยกันมากกว่า ซึ่งมันก็เป็นอะไรใหม่ที่พวกผมไม่เคยทำ ก็ดูเป็นนักดนตรีดีนะ (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องใหม่ของวงด้วย อย่างการเขียนเพลงของจั๊มป์ ที่ผมอยากให้ทุกคนฟังจริงๆ ชุดนี้มันทำงานสนุกมาก ภาษาไม่เหมือนเดิมแน่นอน
รัฐ : เอาจริงๆ ผมเองหาทิศทางไม่ถูกว่าจะเป็นยังไง โอเค ตั้งเป้า เป็นแบบกีตาร์แบนด์แหละ แต่ไม่รู้ว่าเนื้อ ทำนองควรจะเป็นแบบไหนที่เหมาะที่จะทำในยุคนี้ ก็เลยคิดถึงว่า สมัยที่เราเป็นเด็กมันสดใหม่ มันมีความสนุก ตอนที่เราอยู่ขอนแก่น หรือมา Smallroom ใหม่ๆ เราอยู่ด้วยกัน เวลามีไอเดียเราจะโพล่งออกมาแล้วหยิบใช้ได้ทันทีมันจะสดใหม่ เลยอยากได้ฟิลนั้นกลับคืนมา คราวนี้พอเราโตขึ้นต่างคนก็มีบ้านของตัวเอง จะคุยเรื่องงานก็ต้องรอเวทีเลิก ต้องนัดประชุม ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ด้วยกันเวลามีไอเดียจะได้ใช้ได้เลย ก็เป็นฟิลนี้
ดิม : ที่ต่างจากตอนเด็กคือการทำงานมันเข้มข้นขึ้น อย่างสมัยก่อนรัฐจะเป็นคนกำหนดโครงเพลงมันจะมีความชี้นำประมาณนึง แต่พอมาครั้งนี้เริ่มจากความว่างเปล่าเลย มันก็เป็นความท้าทายอย่างมาก ซึ่งอัลบั้มนี้ยังมีเพลงของดีๆ อีกมาก อยากให้รอฟังกัน สิ่งสำคัญมากๆ อีกอย่างคือเราได้วิธีการทำเพลงใหม่ๆ ไม่จำเป็นที่เราต้องอยู่กัน 4 คนแล้ว
จั๊มป์ : คือตอนเราอยู่ในบ้านกัน 7 วัน เราได้เพลงมาประมาณ 3 เพลงครึ่ง แต่หลังจากนั้นทุกคนก็จะเริ่มรู้แล้วว่า แค่อยู่ร่วมกันมันทำงานได้เลยการทำอัลบั้มนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับสถานที่แล้ว มันเป็นเรื่องของผู้คน ผู้คนก็คือพวกเรา 4 คนนั่นแหละ พอหลังจาก 7 วันที่เราอยู่ด้วยกัน เราก็เริ่มมาทำเพลงกันต่อที่ Pop In the Box หรือแม้กระทั่ง ไปต่างจังหวัด เราก็สามารถทำงานได้เลย
ดิม : เราสามารถใช้ช่วงว่างๆ ทำงานได้เลย สมมติไปต่างจังหวัด ก่อนขึ้นเวทีเราก็สามารถนั่งเขียนเนื้อเพลงได้ แม้มันจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ (หัวเราะ) คือก่อนเล่นน่ะได้ หลังเล่นไม่ค่อยได้ (หัวเราะ)
จั๊มป์ : แต่ส่วนใหญ่พอเราแต่งกันออกมา ก็ยังจะให้รัฐเคาะอยู่เพราะถ้าเทียบกันประสบการณ์ การแต่งเพลงของรัฐก็จะมีมากกว่า อย่างบางทีเราสุมหัวกันแต่งเพลง ณ ฟิลนั้น มันอาจจะออกมาได้ เพราะมันสนุกมาก แต่พอรัฐมาฟังอีกทีมันดูล้นๆ เกินไป ก็จะมีมาแก้ไขกัน
ตง : อย่างเพลงร้อนของ แก้กันมี 7-8 รอบได้
รัฐ : ก็แก้กันจังหวัดละรอบน่ะ (หัวเราะ)
ดิม : เหมือนตงที่ใช้จังหวัดละคนเลยนะ (หัวเราะ)
รัฐ : พูดอย่างนี้เดี๋ยวคนก็หาว่าพี่ตงเป็นอย่างนั้นจริงๆ …ใช่มั้ยตง (หัวเราะ)
ตง : พวกมึงนี่นะ
ร้อนของ บทเพลงนำร่องของ Tattoo Colour
รัฐ : ก็จากที่จั๊มป์ พูดมาหลังออกจากบ้านเราก็มีเพลงอยู่ 3 เพลงครึ่ง ผมก็จะอัดเดโม่เผื่อกันลืมแบบคร่าวๆ ไว้ประมาณนึง แล้วแจกให้ทุกคนฟังว่าเราจะไปพัฒนาเพลงยังไงกันต่อ คราวนี้ไอ้ดิมมันเข้าไปที่ค่าย Smallroom เพื่อไปประชุมงาน เป็นตัวแทนวงไป คราวนี้ก็ต้องใช้คำว่าไอ้ดิมเสือกเอาไปเปิดให้พี่รุ่งกับคนในค่ายฟัง (หัวเราะ) โดยที่เพลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ได้บอกพวกเรา คราวนี้พอเราไปทัวร์เชียงใหม่ ตอนที่เรานั่งแต่งเพลงกันอยู่ ดิมมันก็บอกว่าเปิดให้คนในค่ายฟังไปแล้ว ไอ้จั๊มป์ขึ้นเลย บอกมึงทำอะไรลงไป!! (หัวเราะ)
ตง : เดือดมาก ด่าไอ้ดิมเป็นชั่วโมงอ่ะ (หัวเราะ)
รัฐ : คือตอนด่าดิม เราก็ต้องหยุดแต่งเพลงนะ ก่อนที่ดิมจะถูกด่า ผมยังไม่เมา แต่ตอนด่าดิม ผมเมาแล้ว มันยังด่าไม่เสร็จ คิดดูละกัน (หัวเราะ) คือเหตุการณ์นี้ก็เลยเป็นที่มาของเพลงครับ เออ นักร้องนำเอาเพลงไปให้คนอื่นฟังก่อน มันดูประหลาด ก็เลยด่าไปว่ามึงนี่มันร้อนของจริงๆ นะ ถ้ามึงเป็นคนแบบนี้ ก็เอาเรื่องนี้มาเขียนเลยดีกว่า น่าจะสนุก (หัวเราะ) แล้วเพลงนี้มันก็เหมาะกับดิมดี เนื้อเพลงก็เหมาะกับคนที่ภูมิใจในตัวเอง ร้อนของ อยากจะปล่อยอยากจะโชว์ของ มั่นหน้า มั่นโหนก คือมันก็เลยเป็นความสนุกขึ้นมา ซึ่งบางทีมันก็สนุกเกินเลยไปหน่อย เลยมีการแก้เยอะ
ดิม : แม่มึงฟังเพลงนี้แล้วว่ายังไงนะรัฐ
รัฐ : แม่กูบอกว่าเพลงนี้พูดเรื่องอะไรเหรอลูก (หัวเราะ) แม่ผมยังฟังไม่เข้าใจเลย (หัวเราะ)
ดิม : อย่าว่าแต่แม่มึงเลย พ่อกูก็ถามมันแปลว่าอะไร (หัวเราะ)
ตง : แม่กูถามว่าเพลงนี้ เป็นเพลงสนุกใช่ไหมลูก (หัวเราะ)
รัฐ : คือกูก็อธิบายกับแม่นะว่าเพลงนี้เป็นเพลงเล่าเรื่องสนุกๆ เป็นเพลงเปิดหัวอัลบั้ม แม่กูเลยถามว่าถ้าอย่างนั้น เพลงต่อไปจะฟังรู้เรื่องใช่ไหมลูก กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง (หัวเราะ)
ดนตรีแบบใหม่สไตล์ ร้อนของ
รัฐ : ตอนแรกพอเรามีเนื้อทำนองคร่าวๆ เรามาเริ่มคุยกันว่าจะเอาอะไรปล่อยเป็นเพลงแรก เพราะเรามี 7-8 เพลงแล้วเหลือแค่อัดแล้วมิกซ์ให้มันเรียบร้อย แล้วก็ไปต่อไปที่ MV คือเพลงนี้บทบาทของมันเรารู้ว่ามันไม่ใช่เพลงฮิตแบบนั้น มันเป็นเพลงประหลาดๆ พวกเราหายไปนาน ก็เลยคุยตอนแรกกันว่าจะเอาเพลงที่มีทรงๆ น่าจะเป็นเพลงฮิตได้
ดิม : คือเพลงมันประหลาดมาก จนแม่ผมยื่นสมัครงานใหม่ให้ผมแล้ว ไปเป็นฝ่ายการตลาดบริษัทแล้ว (หัวเราะ)
รัฐ : ภาพลักษณ์มึงก็ไม่ได้แล้วดิม (หัวเราะ) มึงสมัครที่ไหนกูอยากรู้จริงๆ ใครจะรับมึง (หัวเราะ) ถึงไหนแล้วเนี่ย ก็หลังจากที่แม่ดิมส่งใบสมัครงานให้ดิม
ตง : ไม่ใช่แล้ว (หัวเราะ)
รัฐ : แต่เราก็เลือกเพลงประหลาดนี่แหละมาปล่อย เพราะเราคิดว่าที่เราหายไป ทั้งหมดที่เราทำไปเข้าบ้านอยู่ด้วยกัน มันมีความใหม่ มีความสด มีความบ้าบออยู่ในนั้น เพลงนี้เราจึงวางว่าเป็นเพลงที่จะเป็นอินโทรดักชั่นให้เพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม เพลงนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ คือถ้าเพลงนี้ไม่ได้ถูกปล่อย ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว พอเราสรุปแบบนี้ก็เลยมาลองเรียบเรียงดนตรีให้มันอลังการ ร้อนของ ร้อนวิชาเลย ใส่เฟรนช์ฮอร์น ใส่ร้องคอรัสเยอะๆ ภาพเหมือนคนเดินมาโชว์ตัวมีเพลงเปิดแบบอลังการตลกๆ เลยเรียบเรียงประมาณนั้น
คุยกับตง พระเอก MV ร้อนของ
ตง : ร้อนของ อากาศมันก็ร้อนจริงๆ สมชื่อ (หัวเราะ) มันเป็น MV สนุกสนาน ก็คุยกันว่าอยากให้ทุกคนดูแล้วยิ้ม จริงๆ เพลงนี้เล่นไม่ยากครับแต่เหนื่อยเพราะมันร้อน คอนเซ็ปต์ MV คือของขึ้น เล่นเกี่ยวกับรอยสัก ก็จะมีสักนะหน้าทอง ก็เป็นนะ Polycat ทาหน้าสีทอง มีไมเคิล แจ็คสัน มีกวางเหลียวหลัง อะไรแบบนี้ คือแทนที่สักแล้วเราจะได้อิทธิฤทธิ์กลายเป็นว่าเราสักตัวนั้นก็กลายเป็นตัวนั้นไป ซึ่ง MV นี้พี่รุ่งกำกับด้วย แกก็ช่วยคิดทุกอย่างเลย
ดิม : จริงๆ ก็เหมือนพาแกมาผ่อนคลายด้วย เพราะพี่รุ่งก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว เลยลองให้แกช่วยทำ ซึ่งก็ดูแกมีความสุขดี ดูผ่อนคลายด้วย
เซาเถอะ ความโจ๊ะแบบโคตรคูล
ตง : เซาเถอะเป็นคำที่พูดกันอยู่แล้ว เช่นห้ามเพื่อนแบบดิมเพลาๆ บ้างนะ พอได้แล้ว ภาษาอีสานก็จะพูดคำว่า “เซาเถอะ” คือพอได้แล้ว แล้วคำนี้มันพ้องเสียงกับคำว่าเศร้าเถอะ ก็เลยใช้คำนี้เพื่อที่จะเล่นคำ แบบพอเราเศร้าเราก็พอเถอะ หรือพอเราเศร้าเราก็เศร้าจัง อะไรประมาณนี้
ดิม : จริงๆ มีหลายคำมากที่เราเลือกใช้ได้ แต่มันก็ดูอาจจะดูก้าวร้าวไปหน่อยเลยเป็นเซาเถอะ ถ้าเขาไม่รักก็พอ
ตง : เพลงนี้เริ่มจากจั๊มป์ปรบมือขึ้นมา กับทำนองตอนขึ้น และหลังจากนั้น 10 ชั่วโมงเราก็ไม่ได้อะไรอีกเลย (หัวเราะ)
รัฐ : พวกผมเริ่มทำเพลงกันตอนเสาร์-อาทิตย์ ก็มานั่งหาเรฟเฟอเรนซ์กับเพื่อนๆ ว่าตอนนี้มีเพลงอะไรน่าสนใจ อยู่กับอ๊อฟ Rat Records, บิว Lemon Soup ก็นั่งหากัน จนจั๊มป์ปรบมือฮัมทำนองขึ้นมาก็รู้สึกว่าเฮ้ยมันได้ว่ะ จากนั้นเราก็ไปอัดเสียงปรบมืออีกห้องนึง พออัดเสร็จ ก็ปิดคอมฯ เลย (หัวเราะ)
ดิม : คือเราคิดกันตั้งแต่บ่าย 2 แล้วมาได้ไอ้ท่อนนี้ตอน 2 ทุ่ม มันก็เริ่มตื้อๆ กันแล้ว ก็ไม่อยากให้งานมันโหลด ก็อัดเสียงปรบมือไว้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นมานั่งฟัง ได้แค่เสียงปรบมือ (หัวเราะ) อ๊อฟมันก็คงด่าแม่ผมนะ อุตส่าห์เปิดวงเท่ๆ ให้ฟังตั้งเยอะ (หัวเราะ) เอาล่ะพอเราได้พวกจังหวะแบบนี้มา เราจะลงเนื้อเพลง ผมก็คุยกับรัฐว่าแม่ผมอยากฟังเนื้อเพลงภาษาอีสานจาก Tattoo Colour พอเราเห็นจังหวะสนุกๆ ผมก็เลยบอกรัฐว่าเอาเพลงนี้ไหม
รัฐ : จริงๆ ผมก็พยายามหาที่ลงอยู่นาน จังหวะมันยังไม่เหมาะ พอมาเพลงนี้ก็รู้สึกว่า จังหวะมันสนุกแล้ว ประกอบกับพอมีทำนองคร่าวๆ เรานึกถึงการปรบมือก็นึกถึงเพลงในโบสถ์ แบบกอสเปล ประสานเสียงแบบนั้น เราเลยเอามาผสมกัน เอาเนื้ออีสานมาผสมกับการประสานเสียง
ตง : แต่พอเราเอามาทำจริงๆ การใส่เนื้อภาษาอีสาน ดันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เพราะเป็นภาษาพื้นถิ่นที่พวกเราใช้
ดิม : ของมึงไม่ใช่ของกู ตง : แม่นบ่ ดิม : แม่น (หัวเราะ)
ตง : พอใช้ทุกวันมันกลายเป็นว่าเราคิดคำลึกเกิน พอลึกเกินคนทั่วไปก็ไม่เข้าใจ
ดิม : ก็นี่ขนาดไม่ลึกนะ ยังงงงงกันเลย (หัวเราะ) เอาจริงๆ อย่างคำว่า “เซาเถอะ” คนทั่วไปก็จะคิดเป็นคำว่าเศร้า แต่คนอีสานแปลว่า “หยุดเถอะ” แล้วเพลงนี้เราไม่อยากจะเขียนเพลงแบบเราจน แล้วน้องทิ้งไปกับคนขี่เบนซ์อะไรแบบนี้ เราจะไม่ตั้งสถานะแบบนั้น เราจะพูดแค่เรื่องเราอกหักก็พอ
ตง : คือภาพที่เราตั้งไว้เลยว่าเพลงนี้ อีสานจะเป็นเมืองหลวงของโลก เป็นมหานครอีสาน
รัฐ : ซึ่งเนื้อหามันก็พูดเรื่องง่ายๆ แบบเราเสียใจมากแล้ว พอได้ก็พอ อย่าไปเสียใจกว่านี้
ดิม : แต่ก็แอบแบบว่า ก็ยังคิดถึงอยู่ รอเธอกลับมาได้เสมอ จริงๆ มันก็เหมือนจะเป็นเพลงเศร้านะ แต่พอเป็นภาษาอีสานเลยฟังสนุกไป ก็คล้ายๆ เพลงโกหก ที่เพลงมันเศร้าแต่ก็สนุก
โซโล่ไลน์พิณปลิดวิญญาณ
รัฐ: เราพยายามหลีกความเป็นอีสานในเพลงนี้ พยายามประยุกต์ พอมาถึงไลน์โซโล่ เราก็ไปเห็นพวกไลน์ที่วงหมอลำอินเตอร์เขาเล่นกัน ซึ่งผมก็รู้สึกว่าเออ มันก็มันดี งั้นเอาใส่ในไลน์โซโล่ก็แล้วกัน ก็สนุกดี
จั๊มป์ : แต่พออัดจริงบ่นฉิบหาย (หัวเราะ)
รัฐ: กูก็บ่นทุกเพลงแหละ (หัวเราะ) คือตอนคิดมันก็เพลินไง พอมาเล่นจริงๆ แม่งยาก เพลงนี้มีแพทเทิร์นคอร์ดมาก่อน แล้วผมใส่ไลน์แบบภูไท ตัวไม่ใหญ่ไม่โต อร่อยถูกหลักอนามัย
ทุกคน : อันนั้นมันปูไทย
รัฐ: (หัวเราะ) ก็ศึกษาไลน์พิณที่เป็นไปได้ เลยต้องมาปรับทางนิ้วนิดหน่อย
ตง : ส่วนพาร์ท Rhythm Section กลองก็เล่นน้อยดีครับ ผมชอบ
รัฐ : หรือมึงไม่เล่นเลยจะดีที่สุด (หัวเราะ)
ตง : กูว่าเล่นดีกว่า (หัวเราะ)
ดิม : หรือมึงออกไปเลยก็จะดีที่สุดนะ เป็นดีเจก็ได้ เดี๋ยวกูให้ไอ้เอี่ยว (The Richman Toy) มาตีแทน
รัฐ : มึงทำเป็นเล่นไอ้ตัวนั้นเอาจริงนะนั่น กูบอกให้ (หัวเราะ)
ตง : สอนกลองกู หวังผลด้วยแหละกูว่า (หัวเราะ)
จั๊มป์ : ส่วนเบสคร่าวๆ ก็มี 3 กรู๊ฟ นะครับ ที่เป็น Intro กับ Verse ส่วนท่อน Hook ก็เป็นอีกแบบนึง
กับเสียงประสานคอรัสที่เหมือนกัน
ดิม : จริงๆ มันบังเอิญ 2 เพลงทั้งร้อนของกับเซาเถอะ มันก็เหมาะกับเสียงประสานด้วย เป็นความบังเอิญมากกว่า
รัฐ : เวลาเราทำเพลง เราจะมานั่งคุยกันว่าวงป็อปในไทยมีมากมาย เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราก็อยากทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำกัน
ตง : แล้วรู้หรือยังทำไมเขาไม่ทำกัน
รัฐ : เออ กูรู้แล้ว (หัวเราะ)
ดิม : แล้วอีกเรื่องคือเรื่องเนื้อร้อง ในอัลบั้มนี้อย่างเพลงร้อนของ ที่ผ่านมา ผมต้องล้างสมองตัวเองมากเพราะว่า มันจะมีคำที่นักร้องส่วนมากจะไม่ชินปาก ซึ่งผมก็ถามในวงนะว่าเราจะไม่ใช้คำที่มันหวือหวาขนาดนี้ได้ไหม รัฐมันก็บอกว่า ไม่ (หัวเราะ) ซึ่งก็มีเหตุผลนะ เพราะเรามีเพลงแบบจำทำไม หรืออะไรประมาณนี้ที่มันมีคำที่ถูกที่ถูกทางของมันอยู่ แล้วรัฐก็บอกว่างั้นเราจะไม่ลองข้ามอะไรที่เราเคยทำ ถ้าคนไม่ชอบอย่างน้อยก็ได้ทำ ถ้าคนชอบมันก็ดี
กิจกรรมในเพลงเซาเถอะ
ตง : ก็เป็น เซาเถอะ Challenge ด้วยความที่เพลงนี้เป็นเพลงสนุก แล้วตอนช่วง Covid เราไม่สามารถถ่ายทำ MV ได้ พี่รุ่งก็เลยมีไอเดียว่าลองหา Challenge เล่นกัน ก็เลยลองจัดดูซึ่งทำเฉยๆ ก็ไม่สนุกเลยมีรางวัลให้ 3 รางวัล สำหรับคนที่มี Creative สำหรับคนที่ขำขัน และสำหรับคนที่เต้นเก่ง 3 อันดับนี้ใครได้รับการคัดเลือก อันดับ 1 ได้คนละ 10,000 บาท และผูกพันธสัญญาเล่น MV ให้เราด้วย ถึงไม่อยากเล่นก็ต้องเล่นครับ (หัวเราะ) ซึ่งตอนนี้ก็ได้ผู้ชนะไปแล้ว
เรือนแพ ชุดที่ 6
รัฐ : ตอนนี้ผมว่าได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ชื่ออัลบั้มนี้ได้มาตอนที่เราอยู่ในบ้านด้วยกัน คือมันเกิดจากที่เรานั่งแต่งเพลงกัน จนรู้สึกว่าเราสมองเริ่มล้าแล้ว เริ่มตัน แล้วพอเวลามันตันเนี่ยเราเริ่มจะคิดถึงภาพเรือนแพ เป็นบรรยากาศแบบกินเหล้ากัน ปาร์ตี้แบบเรือนแพ แล้วพวกเราก็ชอบพูดกันเล่นๆ ว่าใส่คำว่าเรือนแพลงไปดีมั้ย ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเพลงไง มันเกี่ยวกับใจเราอยากปาร์ตี้ อยากพักผ่อน ทุกครั้งที่ทุกคนพูดคำว่าเรือนแพขึ้นมาแสดงว่ามึงตัน (หัวเราะ) ซึ่งคำว่าเรือนแพ มันเกิดขึ้นบ่อยในบ้านหลังนั้น ก็เลยเอาคำนี้มาใช้เป็นอัลบั้ม เรือนแพ ชุดที่ 6 มันไม่มีความหมายลึกซึ้งเลยครับ (หัวเราะ)
ดิม : ทุกจังหวัดหรือทุกริมน้ำที่เราไป ร้านอาหารจะมีชื่อเรือนแพ แต่เขาไม่ค่อยกินข้าวกันสักเท่าไหร่ เห็นเขากินอย่างอื่นก็ไม่รู้ว่ากินอะไร (หัวเราะ) แต่ตอนเราอยู่ด้วยกัน 7 วัน มันเหมือนเราใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำ ติดอยู่เรือนแพ อย่างผมโทรเรียกรัฐมารับกูหน่อย กูอยู่เรือนแพ รัฐมันก็จะรู้เลย (หัวเราะ) ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของวงเราเหมือนกัน
รัฐ : แล้วบรรยากาศของเรือนแพ จริงๆ มันก็ถูกกับบรรยากาศของวง Tattoo Colour ครับ ไม่ว่าจะเป็นที่เปิดในร้าน บรรยากาศคนฟัง ก็เลยพอดี ซึ่งชุดนี้มีเพลงชื่อเรือนแพด้วย ก็เละเทะ รับรองสนุกแน่นอน (หัวเราะ) ที่พิเศษอย่างนึงเคยในเครดิตแต่ละเพลง ถ้าชื่อใครเป็นชื่อแรกที่เป็นคนแต่ง ให้จับจ้องที่คนๆ นั้นดีๆ โดนเฉพาะธนบดี รับรองเละแน่นอน แล้วก็ซิงเกิ้ลต่อๆ ไป ก็เน้นไปที่เพลงเร็วซะส่วนใหญ่ เพลงช้าไว้หลังๆ ไม่แน่ผมถอดเพลงช้าออกจากอัลบั้มแม่งหมดเลย เบื่อแล้ว (หัวเราะ) แม่ผมโทรมาด่าแน่นอน (หัวเราะ)
เรื่องดนตรีเล็กน้อย กับ Tattoo Colour
เพลงปลุกใจ
ดิม : ถ้าเป็นผมสมัยก่อนก็จะเป็นเพลงกลางๆ เมื่อเสียงมันวอร์มถึงแล้ว แต่สมัยนี้ก็คือพร้อมตั้งแต่ก่อนเล่น ก่อนโชว์ 15 นาที ผมก็จะไปวอร์มไปอะไร ไม่คุยกับใคร ซึ่งเผด็จเกิร์ลก็จะเป็นเพลงแรกที่เราเล่น ซึ่งผมต้องเก็บเนี๊ยบประมาณนึง
รัฐ : ผมก็ว่าเผด็จเกิร์ลเหมือนกัน เพราะมันขึ้นร้องก่อน แล้วพอมันเข้ากรู๊ฟ ไฟต่างๆ มันก็ช่วยด้วย แล้วที่สำคัญไลน์กีตาร์มันเพราะด้วย คือพอตอนร้องเดี่ยวๆ มันก็เฉยๆ นะ พอไลน์กีตาร์มานี่ตื่นเลย
ตง : อันนี้เป็นที่กรู๊ฟหรือไลน์กีตาร์
รัฐ : ไลน์กีตาร์ ไลน์กีตาร์อย่างเดียวเลย (หัวเราะ)
พวกเขาฟังอะไรใน In Ear Monitor
รัฐ : ผมจะฟังทุกไลน์แบบคาราโอเกะเลย พยายามฟังให้บาลานซ์เหมือนฟังซีดีให้มากที่สุด
ตง : ผมฟัง Kick กับเมโทรนอมเป็นหลัก รองมาก็เป็นเบส ร้อง ตามลำดับ พวกคอรัสจะเบามาก
จั๊มป์ : ผมจะฟังทั้งหมด ไว้คอยจับผิด (หัวเราะ)
ดิม : ผมจะฟังพวก Data กับกีตาร์น้าเอ็ด สแนร์ของตรง แล้วก็เมโทรนอม ซึ่งผมเป็นคนบ้าเมโทรนอมมาก คุณบิว Lemon Soup บอกผมว่ามันมีผลต่อการร้องปิดเปิด คำ สั้นยาว คือไปพึ่งสแนร์ไอ้ตงก็ไม่ค่อยได้ (หัวเราะ)
น้าเอ็ด Tattoo Colour คนที่ 5
ดิม : ก็ตอนนี้จะให้น้าเอ็ดฝึกพ่นไฟแล้วครับ (หัวเราะ) จริงๆ นี่เป็นบุคลากรสำคัญของเราเลย
รัฐ : อัลบั้มนี้แกก็พยายามจะมาช่วยเรานะครับ แต่เราก็ปิดกั้น (หัวเราะ) คือเรื่องไลน์กีตาร์ ผมก็จะยังปรึกษาน้าเอ็ดอยู่ แล้วตอนโชว์ก็จะเป็นคนช่วยอุดไลน์ต่างๆ ซึ่งก็ใช้ Data ได้ แต่ถ้าเป็นเสียงดนตรีสดมันก็จะพุ่งกว่า ว่าแต่น้าเอ็ดหน้าตาเป็นยังไงนะ ลืมแล้ว (หัวเราะ)
ดิม : ล่าสุดเห็นไปสมัครงานอยู่ Smallroom ไม่เอาแล้ว Tattoo Colour (หัวเราะ)
แผนการในปีนี้
รัฐ : ก็พยายามจะทำให้กลับไปอยู่ในแผนเดิมคือปล่อยเพลงเดือนชนเดือนให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย ก็พยายามจะผลิตตรงนี้ให้เสร็จ
ดิม : กับเรื่องของ Content ซึ่งจะมีเยอะขึ้น ก็จะทำตรงนี้มากขึ้นหน่อย
ฝากอัลบั้มสไตล์ Tattoo Colour
จั๊มป์ : ก็ขอฝากอัลบั้ม “เรือนแพ ชุดที่ 6” นี้ด้วยครับ เพลงโคตรดี ถ้าฟังเพลงร้อนของ เซาเถอะ ว่าดีแล้ว เพลงที่เหลือแม่งโคตรดีกว่าอีก ดีกว่าอัลบั้ม “ชุดที่ 8 จงเพราะ” อีก (หัวเราะ) ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยครับ
ดิม : แล้วก็ติดตามเพจของเราด้วยนะครับ
ขอขอบคุณ : แน็ค Smallroom ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ