ซิงเกิลส่งท้ายปี 2019 ของป๊อป ปองกูล สืบซึ้ง กับเพลง Happy Ending ที่ชื่อเพลงเหมือนจะสุข สมหวัง แต่เนื้อหาใจความข้างในมันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย แนวคิดเพลงนี้เป็นยังไง ลองมาฟังจากเจ้าตัวกันเลย
Happy Ending ในความมืดมน
ป๊อป : โดยปกติผมจะไม่ค่อยทำผลงานเพลงโดยใช้เรื่องส่วนตัวหรืออารมณ์ส่วนตัวมากๆ เหมือนกับเรามีบ้านก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นห้องนอน ห้องน้ำ หรือที่มันส่วนตัวเกินไป แต่เพลงนี้เรารู้สึกว่ามันจำเป็นเพราะอารมณ์แล้วก็ข้อความนี้มันวนเวียนอยู่กับเรามา 5-6 เดือน แล้วเราก็อยากเอามันออกมาจากหัว ตอนแรกมันยังไม่ได้เป็นชื่อเพลง Happy Ending มันมีแต่ความรู้สึกขุ่นๆ อย่างเดียว แต่พอเราตกผลึก เหมือนเราตื่นขึ้นมามันกลายเป็นได้คำว่า Happy Ending คือจบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เราเห็นคีย์เวิร์ดและเนื้อเรื่องของมันทั้งหมดด้วยประโยคเดียว มันปลดล็อคบางอย่าง จากอารมณ์หรือสิ่งที่เรารู้สึก มันเหมือนเป็นทางเดียวที่เรานึกออกว่า มันคงจะไม่ทางไหนที่จบลงได้สวยกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงมันเสี่ยงมากเพราะเพลงนี้ใช้อารมณ์เยอะและมันต้องอยู่ในโชว์เราตลอดโชคดีที่มีคนแบ่งปันพลังด้านมืดไปบ้าง (ยิ้ม)
แอ้ม อัจฉริยา นักแต่งเพลงคู่ใจ
ป๊อป : มันตลกตรงที่ว่าไม่รู้ว่าเพลงนี้ใครแบ่งพลังด้านมืดให้ใครกันแน่ เพราะพอผมโยนไอเดียนี้ลงไป แอ้ม! มายาวกว่าผมอีกนะ (หัวเราะ) อย่างที่บอกตอนแรกเรากลัวว่าเพลงนี้จะส่วนตัวเกินไปหรือเปล่า แต่แอ้มบอกว่ามันก็มีอารมณ์นี้กันทุกคน กับทุกสถานการณ์ความรักด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ได้มีใครที่สมหวังตลอด พอมันไม่สมหวังผลกระทบจากจุดนั้นมันเป็นยังไง แล้วชีวิตต่อไปเป็นยังไง เราพูดถึงเรื่องนั้น แล้ววันนึงพอเราเริ่มเข้าใจ จากวันแรกที่เราเห็นหน้าแล้วไม่รู้จะทำยังไง เราก็สามารถยิ้มให้กันได้นะ ก็เลยลองมาจัดเรียงจนออกมาได้เป็นโครงเรื่อง พอส่งให้แอ้มแต่งเป็นเนื้อเพลงก็รออีกนานนะ 3 เดือนได้กว่าจะเขียนเสร็จ กว่าแอ้มจะปลดล็อคไปได้ทีละอัน อย่างท่อน Pre Hook “อยู่กับทุกๆ คำถาม กับสิ่งที่ทำพลาดไป เมื่อได้พบเธออีกครั้งเหมือนเจอกุญแจที่หาย” ซึ่งท่อนนี้ยากที่สุด เพราะ Verse พูดเรื่องนึง Hook พูดเรื่องนึง แล้วท่อนนี้ต้องเชื่อมเข้า แล้วมีเมโลดี้ให้หน่อยเดียวมันยากมากๆ แต่พอแอ้มปลดล็อคได้ ก็ได้ออกมาอย่างที่เราต้องการ ซึ่งความตลกคือเรฟเฟอเรนซ์ของท่อนนี้ได้มาจากหมอเป้ง (รักฉุดใจนายฉุกเฉิน) แอ้มตัดคลิปส่งมาตอนตีสี่กว่าๆ ผมก็งัวเงีย ใครมันส่งอะไรมาวะ มันใช่เวลาเหรอแอ้ม (หัวเราะ) แล้วจริงๆ แอ้มเนี่ยเค้าไม่ได้มีความรู้สึกยินดีกับแฟนเก่า ดังนั้นนี่ไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ ของเขาแน่นอน แต่เป็นความรู้สึกจากการได้เรฟฯ จากหมอเป้งกับคนรอบข้าง ซึ่งก็ออกมาได้ตรงกับสิ่งที่เราอยากสื่อ
พาร์ทดนตรีแบบที่ไม่เคยทำ
ป๊อป : เพลงนี้ให้ โฟร์ 25 hours เป็นคนทำดนตรี มันมีจุดที่น่าสนใจคือการพบกันตรงกลางของดนตรีแบบตะวันออกกับตะวันตก มีความเป็นเพลงเกาหลี ผสมกับแนวดนตรีบัลลาดแบบตะวันตก เพลงนี้เราเน้นไปที่การสื่อข้อความและใช้เวลาไป 3 เดือนดังนั้นด้านดนตรีจึงมีเวลาน้อยมาก มีเวลาแค่มาสุมหัวกันนิดหน่อยแล้วทำเลย ผมก็อยากให้มันออกมาเรียบง่าย ไม่ให้ดนตรีมันเบียดบังข้อความที่จะสื่อมากเกินไป เราไม่อยากให้คนโฟกัสดนตรีหลุดจากสิ่งที่เราจะสื่อ เพราะมันเป็นการบัญญัติความหมายใหม่ลงไปในคำว่า Happy Ending เพราะคนทั่วไปจะรู้จักคำนี้ในแบบที่เป็นจบมีความสุขสวยงาม แต่เพลงนี้ Happy Ending คือการจบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว จบแบบที่เราไม่ได้ถูกสร้างมาคู่กัน เราอยู่ในสถานภาพอื่นๆ แต่เรามีความสุขกับชีวิตเราได้ เพลงนี้ผมได้ฟังดนตรีตอนตีห้า ผมล่ะยอมใจทีมเพลงผมจริงๆ (หัวเราะ) จริงๆ มันมีหลายเดโม่นะ อย่างตอนแรกส่งดนตรีมา ครั้งแรกมันเหมือนโชว์ของ เราไม่รู้สึกอะไรเลย พอเอาไปทำใหม่ เริ่มมีท่อนกีตาร์ใส่ เมโลดี้มา เออ ผมว่ามันเริ่มมีโทน บรรยากาศของเพลงมากขึ้น ทำให้วิธีการร้องออกมาเป็นเดโม่ที่ทำให้รู้สึกมีความสุขมากผมเปิดฟังวนตลอด แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่อัดร้องนานที่สุดในชีวิตศิลปินป๊อป ปองกูล รวมถึงแคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ด้วยนะ 3-4 ชั่วโมงแรกไม่ได้เลย จนตกใจตัวเองเหมือนกัน เราประมวลความรู้สึกไม่ถูก พอลงมาในวิธีการร้องมันไม่ตกผลึก ก็เลยต้องสั่งพิซซ่ามากิน (หัวเราะ) ต้องล้างอารมณ์ออกไป เดินทัวร์ห้องอัด ดูนู่นนี่ จนลืม เข้ามาร้องปิดไฟ จากยืนร้องต้องนั่งร้อง เอาไมค์ไว้ไกลๆ เปลี่ยนวิธีการทั้งหมด ให้เรารู้สึกร้องกับตัวเองจริงๆ วางไมค์ไกลมาก ไม่ให้รู้สึกว่าอัดเสียงอยู่เลย พอถึงอย่างออกมาผมแฮปปี้มาก MV ก็ดี ไปดูคอมเมนต์ใน YouTube มาเพียบ ที่ผมชอบที่สุดคือ “เพลงเพราะดีนะ”…… ก็มีคนมาเขียนเรื่องราวมากมายครับ แต่ผมคงไม่ดึงดราม่ามากแล้วเดี๋ยวคนด่าเอา (หัวเราะ) เพลงหน้าเอาสนุกๆ บ้าง
การเล่นสดกับเพลงที่ดำดิ่ง
ป๊อป : จริงอยู่เพลงนี้เป็นเพลงที่อยู่ในอารมณ์แบบลึกสุดของผม แต่ผมก็ใช้เวลาอยู่กับมันมา 5-6 เดือนแล้ว เราสามารถจัดการกับอารมณ์ตรงนั้นได้ แน่นอนล่ะมันจะต้องมีวันที่เอาไปเล่นแล้วผมจะอยู่ในภาวะที่อารมณ์ดีบ้าง เสียใจ เป็นวันดีๆ วันแย่ๆ แต่ท้ายที่สุดเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงนึงที่ส่งให้คนฟัง แล้วเราก็แค่รู้ว่ามันเกิดมาจากเรื่องราวอะไรเท่านั้นเอง ผมคงจะไม่ปล่อยให้อารมณ์มัน Real ขนาดนั้นหรอก
ปองกูล กดไลค์
ป๊อป : ในปีนี้ศิลปินที่ทำให้ผมช็อคมากคือไททศมิตร ตั้งแต่แดงกับเขียว วันแรกที่เราฟังแดงกับเขียวมันเหมือนปลาที่ว่ายทวนน้ำมา ในวันที่กระแสมันเป็นเพลงอีกแบบนึง เพลงนี้แม่งมาแล้วเป็นอันดับหนึ่งได้ ตอนนั้นผมคุยกับเพื่อนเลยว่านี่คือความหวัง ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเพลงที่อยู่ในกระแสไม่ใช่ความหวังนะ มันต้องทำงานอยู่แล้วในรูปแบบของมันแต่มันต้องมีบางเพลงที่มัน Beyond เพื่อที่จะวางโครงสร้างวงการเพลงให้มันยาว มันทำให้มี Segment มากขึ้นคนที่ชอบเพลงแบบนี้ต้องมีฟัง ไม่ใช่วันนึงที่มีเพลงแบบนึงมาแล้วมีแต่เพลงแบบนี้ทั้งหมดมันทำให้วงการเหี่ยวเป็นหย่อมๆ ผมว่ามันดีมาก มันมาแบบเท่ด้วย วิธีการทำงานก็ดี ทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ วงแบบนี้มันมีอยู่เยอะ แต่บางคนอาจจะยังว่ายทวนมาอาจจะมาไม่ถึง แต่เท่าที่มองกราดไปเนี่ยตามมากันอีกเยอะ พอแบบไททศมิตรมามันทำให้วงสไตล์อื่นเริ่มถูกจับตามอง อย่างเช่นเขียนไขและวานิช อะไรแบบนี้ซึ่งผมดีใจมากที่มีแบบนี้ขึ้นมา มันเป็นปีที่ในวงการเพลงมีความแตกต่างเกิดขึ้น
จุด Happy Ending ในวงการดนตรี
ป๊อป : ก็เป็นจุดที่ว่าผมเฟดไปเป็นเบื้องหลัง คอยซัพพอร์ตได้แล้ว เรารู้ว่าตัวเราบางอย่างคิดแบบเด็กไม่ได้แล้ว วิธีการร้องบางอย่างเปลี่ยนไป ก็เปลี่ยนไม่ทันแล้ว มันเหมือนโทรศัพท์ที่ไม่สามารถอัพเฟิร์มแวร์เพิ่มได้ เหมือนผมเป็นโทรศัพท์แบบ 8S ที่มันตกรุ่นในปัจจุบัน สิ่งที่ผมทำได้คือสามารถรายงาน Bug ได้ ในฐานะที่กูเป็น 8S มาก่อนมึงเตรียมตัวนะ (หัวเราะ) ซึ่งผมมีโครงการทำงานเบื้องหลังเพิ่มเติมแล้ว อาจจะมี Single อีกสักหน่อยแล้วปีถัดไปอาจจะเป็น EP ส่วนคอนเสิร์ตใหญ่คงไม่ได้คิดขนาดนั้น ผมเป็นคนที่ขี้เกียจทำคอนเสิร์ตใหญ่ แล้วก็ค่อนข้างคาดหวังสูงเลยไม่อยากทำ อาจจะมีเป็นสเกลเล็กๆ สำหรับแฟนป๊อป ปองกูล ต้องคอยติดตามครับ
ขอขอบคุณ : อี๊ด White Music ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ