Prom+ คืออีกค่ายเพลงที่แยกย่อยออกมาจาก LOVEiS Entertainment เป็นค่ายที่รองรับศิลปินในสไตล์ Hip Hop โดยตรงและควบคุมงานโดยอุ๋ย Buddha Bless ความคิดสร้างสรรค์ ความครีเอท ควาดกัดจิกที่ฟังแล้วสามารถอมอิ้มและหมั่นใส้ได้ในเวลาเดียวกัน
ยักษ์ใจดี ร้องดี Rhyme ได้
ทศกัณฐ์ : ผมโจ ทศกัณฐ์ครับ จากค่าย Prom+ ผมได้มาอยู่ที่นี่เพราะตอนไปแข่ง Show Me The Money ผมอยู่ทีมพี่อุ๋ย แกก็ชวนมาเพราะสไตล์การทำงานพอพูดคุยแล้วน่าจะเข้ากันได้ คือผมเป็นทั้งสายร้องเพลงด้วย แต่ก็แรพได้ด้วย ก่อนหน้านี้ผมก็มีผลงานที่ไป Feat. กับเก่ง ธชย ในเพลงหัวใจทศกัณฑ์ มีเพลงคำหวานที่ feat. กับ UMA แรพเนี่ยเป็นพาร์ทนึงของผม ส่วนตัวเล่นดนตรีร้องเพลงมาตลอด เวลาไปเล่นกลางคืนส่วนใหญ่ผมก็ร้องเพลงพี่บอย โกสิยพงษ์นั่นแหละ พอเรารู้ว่าที่นี่จะมีค่ายที่เป็นแรพ เราก็รู้สึกสนใจ ในพาร์ทแรพ ผมจะเป็นพวกสไตล์ที่เป็นอาร์แอนด์บี ฟั้งก์ เป็นเหมือนโอลด์สคูลเก่าๆ หน่อย ซึ่งก็เข้าทางเลย ก็ดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ ซึ่งมันดียิ่งกว่าที่คิด แล้วตอนเข้ามาก่อนหน้านั้นผมจะมองว่าพี่บอยคงงานยุ่ง มาอยู่ค่ายคงไม่ได้เจอ ไปๆ มาๆ เจอพี่บอยบ่อยมาก ก็ดีใจครับ (หัวเราะ)
ผลงานของยักษ์ใจดี
ทศกัณฐ์ : ผมเปิดตัวกับ Prom+ ด้วยเพลงที่ชื่อว่า “เหนื่อย” ซึ่งออกไปทางอาร์แอนด์บี ก็จะมีคนที่ตามผลงผมจากที่ผมไปแรพเวลาที่ feat. กับคนอื่น หรือ Rap Battle จะไม่ค่อยได้เห็นด้านนี้ของผมสักเท่าไหร่ เพลงนี้เนื้อหาก็เกี่ยวกับการไปตามชอบใครสักคน จนรู้สึกว่ามันไม่คืบหน้าสักที จนเรารู้สึกเหนื่อยแล้ว เพลงนี้ทำงานได้ค่อนข้างง่ายเพราะผมอยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ผมอยากแรพชัดๆ ช้าๆ ให้ฟังสบายๆ เพียงแต่ก็กลัวว่าบางทีแฟนๆ เก่าๆ อยากจะเห็นเรามาแบบดุดันอยู่ แล้วก็โชคดีได้ “นะ Polycat” มาช่วยงานด้วย คือตอนแรกผมไม่ได้มีภาพว่าใครจะมาทำดนตรีให้นะ แต่ผมอยากให้เพลงมีบีทฮิพฮอฟ มีเสน่ห์แบบ Vintage แต่ยังฟังดูโมเดิร์น Ambient ต้องร่วมสมัย ซึ่งพี่อุ๋ยแนะนำว่าลอง “นะ Polycat” ทำมั้ย ซึ่งพอมาทำด้วยกันก็เคมีลงตัว แล้วผลงานล่าสุดของผมก็คือเพลง “ถ้าไม่ใช่ฉัน” ถ้าฟังแล้วก็จะเห็นว่าเป็นอีกแบบนึง ซึ่งเพลงนี้ feat. กับ Puplair ลองฟังเทียบกันได้ครับ
ทศกัณฐ์ และ ฟักกลิ้งฮีโร่
ทศกัณฐ์ : เคยมีคนดูผมจากรายการ Show Me The Money บอกว่าสไตล์ของผมคล้ายๆ พี่กอลฟ์ ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งผมก็ต้องบอกว่าผมยินดีนะ ต้องบอกว่าเขาก็เป็น Inspiration ผมในหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องรูปร่าง คือบ้านเราจะถูกปลูกฝังว่าคนอ้วนแม่งแบบไม่ดีหรอก เหมือนไจแอนท์ ชอบรังแกคน คนอ้วนแบบขี้แพ้ แต่พี่กอลฟ์คือคนที่พังกำแพงนี้ กูอ้วนแต่กูทำได้ แล้วทำได้ดีด้วย ซึ่งแค่นี้ก็เป็นแรงบันดาลใจผมแล้วนะ แล้วสิ่งที่คล้ายกันอีกเรื่องคือเรื่องของภาษา ผมเป็นคนชอบแต่งกลอน ใช้คำไทย คำไวพจน์ ไม่ใช่ไวพจน์ เพชรสุพรรณ หรือไวพจน์ พัดตะพึดนะ แหม (หัวเราะ) ผมอยากเอาคำเหล่านี้ทำเป็นแรพ เอาจริงๆ ชื่อทศกัณฐ์ ก็ได้มาจากการศึกษาคำเหล่านี้แหละ ผมไปเห็นแล้วอ่านประวัติผมว่าเขาเก่งดี เก่งด้วยตัวเอง ก็เลยชอบ นี่ไปเรื่องไหนแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ก็นั่นแหละครับสรุปว่าพี่กอล์ฟก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผม โอเคก็ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ ผมมีแรงบันดาลใจเยอะ แต่ถ้าใครมาบอกว่าผมสไตล์เหมือนแก ผมก็ยินดีครับ
ทศกัณฐ์สไตล์ วันนี้และเมื่อวาน
ทศกัณฐ์ : ผมชอบสไตล์ฮิฟฮอฟที่มันเก่าหน่อย คือยุคนี้จะเป็น Trap แต่ผมรู้สึกว่าฮิพฮอฟแบบฟังชิลๆ มันน้อยมาก กีตาร์ตัวนึงกับแรพได้ไหม คือผมอยากเปิดทางอะไรแบบนี้ให้คนอื่นได้ฟังบ้าง คือถ้าชอบก็โอเค ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่รู้แล้ว (หัวเราะ) แต่แน่นอน สมัยแรกที่ผมทำเพลงแรพ ผมก็ทำ Rap Present นะ เป็นแก๊งเหมือนกัน แต่ผมนี่ไม่ได้แต่งตัวฮิฟฮอฟ ผมไม่ได้อินขนาดนั้น บางคนเขาเริ่มอินเพราะแต่งตัว บางคนเริ่มที่ฟังเพลง ของผมเริ่มที่ฟังเพลง สมัยที่ทำเพลงแรกพวกเพลง Diss เวลาทำไมจริงๆ พวกเราไม่ได้มีศัตรูนะ แต่ทำขึ้นมาเพื่อเช็กว่าใครเกลียดเราบ้าง (หัวเราะ) แต่ถึงจะรู้ว่าใครเกลียดเราบ้าง เราก็ไม่ได้ไปแบบไปตีรันฟันแทง เจอหน้ากันตามงาน อ๋อ มึงนี่เอง เดี๋ยวกูกลับไปแต่งเพลง Diss ใหม่ (หัวเราะ) เป็นแบบนี้มากกว่า คือพอเราเริ่มศึกษาลึกลงไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มรู้ตัวว่าเราไม่ได้ชอบฮิฟฮอฟแค่แฟชั่นแล้ว เราชอบดนตรีของมัน แต่ผมจะอินกับสายโอลด์สคูลมากกว่า ที่จะเป็น Trap หรือเป็นแบบแก๊ง พูดกันตรงๆ ว่า พวก Lil (ย่อมาจาก Little) ทั้งหลายผมแทบไม่รู้จักเลยนะ ไม่ได้ตาม (หัวเราะ) แล้วอีกอย่างทำเพลงแบบนั้น ก็สู้คนอื่นไม่ได้ ตัวตนเราก็ไม่ใช่ ทำไปไม่แฮปปี้ เพลงขายไม่ได้อีกทีนี้ล่ะไปกันใหญ่เลยเลือกที่จะทำในแนวทางของเราดีกว่า