หลังจากที่อั๋นมือกีตาร์ของวงเอ่ยคำลาจากวงไป Sweet Mullet จึงต้องทำดนตรีในแบบที่เหมาะสมกับสมาชิกที่เหลือซึ่งนั่นทำให้เราได้ยินเสียง สำเนียงใหม่ๆ ของพวกเขา ซึ่งชัดเจนมากในเพลงนี้ ชีวิตหลังเอ่ยคำลา การทำงานเพลงในรูปแบบที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อนจริงๆ การที่งานที่น่าสนใจในเพลงนี้จะเป็นยังไง เรามาฟังจากปากคำพวกเขากันเลย
ความแปลกใหม่ในการทำงานของ Sweet Mullet
หมู : เพลงนี้เป็นเพลงในแบบที่เราไม่เคยทำกันมาก่อน ด้วยคอร์ดด้วยอะไรต่างๆ เราขึ้นโครงเพลงนี้ด้วยเปียโน พอเราขึ้นด้วยเปียโนไลน์ที่เราเคยเล่น หรือลูกติดมือต่างๆ เวลาเล่นกีตาร์ เบส ก็จะต่างออกไป มันต้องคงโน้ตตัวนี้ไว้ในเพลง อะไรแบบนี้ ซึ่งพอทำเป็นลูปไว้เสร็จก็แจกจ่ายให้ที่วง
แป๊ป : เอาจริงๆ ผมก็พอนึกภาพออกนะว่าจะเล่นอะไร แต่ว่าการจะหาโน้ตที่ใช่นี่ใช้เวลาอยู่ ไลน์ริฟฟ์หลักยังเข้ามืออยู่ แต่ไอ้อินโทรนี่ ล่อไป 2 เดือน (หัวเราะ) แล้วตอนอัดคือทะลึ่งเปลี่ยนอีก 3 คีย์ คือไอ้ริฟฟ์แบบนี้มันจะฟิกซ์ทางนิ้วไว้ ไม่ใช่เปลี่ยนคีย์แล้วมันจะได้เลย ก็เลยใช้เวลานานอยู่ โชคดีที่เราเจอคีย์ที่เหมาะกับการเล่น กับเสียงร้องพี่เต๋าด้วย
ตี่ : เพลงนี้ตอนฟังครั้งแรกมันก็เออ เพราะดีนะ แต่คราวนี้ผมก็ไม่รู้จะเล่นยังไง ก็ต้องมาเล่นในแบบที่ไม่เคยเล่นปกติผมเล่นจะจับปิ๊คดีดอย่างเดียว แต่คราวนี้ต้องมีเกี่ยว มีอะไรมากขึ้น ก็ต้องไปหัดใหม่เลย ก็ต้องเปลี่ยนนิสัย ท่าทางการเล่นหมดเลย
เต๋า : ของผมนี่แตกต่างเลย อย่างแรก เวลาวงเราทำเพลงเราจะคิดเมโลดี้ไปพร้อมกับเนื้อเพลง แต่พอเราปรึกษากับ พี่กบ Big Ass แกบอกให้ทำเฉพาะเมโลดี้มาก่อน เนื้อเพลงยังไม่ต้องคิด ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่วิธีใหม่อะไรเลยครับ แต่ผมไม่เคยทำ ก็เลยรู้สึกว่ามันประหลาดมากสำหรับผม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ส่งเมโลดี้เปล่าๆ ความยากคือการหาคำลงในช่องว่างของเมโลดี้นั้นๆ ซึ่งพอเราลองใส่เนื้อไป แล้วส่งให้พี่กบ (ขจรเดช พรมรักษา) พี่ป้อม (สุรชัย พรพิมานแมน) ดู แล้วส่งกลับมาเราก็รู้สึกแบบ โอโห ทำไมเนื้อเพลงมันดีจัง เนื้อเรื่องต่างๆ มันต่อกันจนเป็นเรื่องของผมจริงๆ ได้เลย
หมู : พอเราตัดสินใจว่าจะให้พี่กบกับทีม Mango ช่วยเรื่องเนื้อเพลง พี่กบจริงๆ กับวงเราก็รู้จักกันอยู่แล้ว แต่พอเป็นเรื่องการทำงาน แกจะมาคุยกับเราอีกแบบนึงในเชิงลึกมากขึ้น แกคุยกับพี่เต๋า เรื่องมุมมองที่พี่เต๋ามองกับความรักเป็นยังไง หรือว่าพี่เต๋าอกหักพฤติกรรม พี่เต๋าจะเป็นยังไง ก็ถามจากทุกคน ถามจากคนรอบข้าง ดังนั้นเพลงนี้จึงเหมือนเอาตัวพี่เต๋ามาสกัดออกมาเขียนเลย ตอนพวกเราอ่านเนื้อครั้งแรกเรารู้สึกได้เลยว่านี่คือตัวตนพี่เต๋า ซึ่งมันออกมาน่ามหัศจรรย์มาก
ความเละ ก่อนเอ่ยคำลา
หมู : ตอนเพลงนี้เสร็จเราก็รู้สึกโอเคนะ แต่พอเอามาเล่นซ้อมกันครั้งแรก เละเป็นโจ๊ก คลิปโจ๊กพี่แป๊ปว่าเละแล้ว อันนี้เละกว่า (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่เราไม่คุ้นด้วย ต้องใช้เวลาปรับกันพอสมควรตอนแรกที่เล่นนี่เลิ่กลั่กเลยล่ะ
แป๊ป : เพลงนี้จะยากตอนที่คิดไลน์ที่จะเล่น เพราะลูกที่เล่นมันเป็นลูกที่เราไม่เคยฝึกมาก่อน ผมจะใช้วิธีเปิดลูปในคอมฯ แล้วก็เล่นไปเรื่อยๆ เปิดซีรี่ส์ดูไปด้วย พอคิดอะไรออกก็หยุดซีรี่ส์แล้วมาลองอัดเล่นดู กลายเป็นผมเล่นแบบนี้อยู่ 8-9 ชั่วโมง ในอาทิตย์นั้น มันล้าสะสมก็เรียบร้อยเลย มือบาดเจ็บ เข้าโรงพยาบาล พอฝืนไปเรื่อยๆ ก็ฉิบหายเลย
ชีวิตหลังเอ่ยคำลา
เต๋า : เนื้อหาของเพลงนี้มันมาจากคำว่าชีวิตหลังความตายแล้วเราเอามาเปรียบเทียบว่าชีวิตหลังเอ่ยคำลา หลังจากเลิกกันไปแล้ว ชีวิตเป็นยังไง สภาพ สารรูปเป็นยังไง (หัวเราะ) แต่ในเพลงภาพที่ชัดที่สุดคือเราเป็นสัมภเวสีเรายังวนเวียนอยู่ในที่เดิมๆ เรื่องเก่าๆ ยังจมกับอดีตเก่าๆ
ตี่ : ซึ่งใน MV ของเราก็จะสื่อถึงเรื่องราวเก่าๆ อย่างอะไรที่เกี่ยวกับอีโม มีเขียนตา มีเขียนอะไร ก็ลิงค์กับวงเราเองที่มาจากยุคนั้น แล้วที่ใช้ผับแจ๊ซก็คือสื่อว่าผู้ชายคนที่อยู่ใน MV ยังไม่สามารถออกจากเรื่องราวเก่าๆ ได้ ยังนั่งที่เดิมเป็นภาพเดิมๆ แม้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
หมู : ส่วนแซ็กโซโฟนอันนี้เซอร์ไพรส์มาก คือตอนที่พวกเราทำเดโมกันอยู่ ผมก็ส่งให้พี่อ๊อฟ Big Ass ให้แกลองฟัง ซึ่งแกพูดลอยๆ ว่า เออ มีเสียงแซกโซโฟนน่าจะดี คือแกพูดเล่นแต่ผมคิดจริง (หัวเราะ) จนตอนแรกผมก็ลืมเรื่องนี้ จนไปอัดกลอง พออัดเสร็จเช็กนู่นนี่นั่น ซึ่งผมก็อยู่กับพี่อ๊อฟ มันมีท่อนว่างๆ อยู่ผมก็เปรยๆ บอกแกว่าลองเอาแซกฯ มาอัดไหมพี่ พี่อ๊อฟก็บอกว่า เออ ลองดูก็ดีนะ ผมก็โทรหาคนมาเป่า ก็ได้อาจารย์มินท์ ภาสกร ที่อยู่วง Infinity คือเขาเป็นรุ่นน้องพี่แป๊ปที่มหิดล แล้วเคยเล่นกับอั๋นด้วย ก็เลยคุยง่าย เอาจริงๆ ผมคุยกับพี่อ๊อฟว่าถ้ามันไม่เวิร์คเราก็เอาออก แต่พอ อ.มินท์มาอัดแซ็กฯ แค่ 3 โน้ตเราก็แบบ โอโห คือมันดีมาก แล้วมันก็เหมาะที่จะอยู่ในเพลงมากๆ ซึ่งเวลาไปเล่นสดเราก็จะอัญเชิญ อ.มินท์ไปเล่นในรูปแบบดิจิตอล ไปด้วยทุกที่แค่มีทรัมไดร์ (หัวเราะ) เรื่องตลกคือเดโม่แรกตอนที่คุยกับพี่อ๊อฟ ว่าจะมีเครื่องเป่า ผมลองเป่าขลุ่ยอัดด้วยนะ แต่มันแย่จริงๆ เลยให้มืออาชีพดีกว่า (หัวเราะ)
พาร์ทกีตาร์ลอก Polyphia
แป๊ป : (หัวเราะ) คือผมเข้าใจคนที่คอมเมนต์เรื่องนี้นะ คือด้วยซาวด์ ด้วยวิธีการเล่นมันเป็นวิธีการเล่นของมือกีตาร์ยุคนี้ไง ส่วนไอ้เหมือนหรือเปล่า ผมยังไม่มีปัญญาแกะเพลงเขาเลย
หมู : แล้วที่ตลกคือพี่แป๊ปเป็นคนนึงเลยที่ไม่ค่อยฟัง Polyphia (หัวเราะ)
แป๊ป : ไม่ใช่ไม่ชอบเพลงเค้านะ ไม่ชอบหน้าแม่ง (หัวเราะ) มันหล่อด้วย เก่งด้วย ดูใน IG มันสักไปด้วยทำบีทไปด้วย อยากโบกจริงๆ อิจฉามัน (หัวเราะ) คือพอมีคนมาคอมเมนต์เยอะๆ เข้า ผมก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! หรือกูฟังมันไปแบบไม่รู้ตัววะ ก็ตอนนั้นเขามีแบบ 100 อันดับเพลงที่ฟังบ่อยใน iTunes ไม่มีพวกแม่งเลย (หัวเราะ)
หมู : ให้เกียรติวงเขาหน่อย (หัวเราะ)
แป๊ป : เอาจริงๆ ต้องบอกแบบนี้ถามว่าผมชอบในความเก่งของ Polyphia หรือเปล่า ผมชอบนะ แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งว่าเพลงนี้ต้องเป็นแบบนี้ แล้วไม่รู้ด้วยว่าจะเหมือนหรือเปล่า อันที่จริงที่ผมตามคือมือกีตาร์พวกที่เล่นกลิ่นนีโอโซลมากกว่า คือผมเล่นไม่ได้หรอก แต่อาศัยว่าเราลักเล็กขโมยน้อยมาแล้วประยุกต์ มันก็ออกมาเป็นแบบนี้
หมู : ผมไปอ่านคอมเมนต์ มาคือโอเคล่ะ ถึงเขาจะบอกว่าเหมือน Polyphia แต่เป็นในทางบวก คือเหมือนกับว่าโอโห กีตาร์มาแบบนี้เลยเหรอชอบ อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งผมดีใจแทนพี่แป๊ปที่มีคนชอบ
แป๊ป : ก็ถือว่าคุ้มค่าหมอ (หัวเราะ)
ความตื่นเต้นหลังชีวิตที่เอ่ยคำลา
หมู : เพลงนี้เป็นเพลงนึงที่ผมรู้สึกว่าตื่นเต้นกับการอ่านคอมเมนต์ เพราะพอเราตัดสินใจว่าจะทำอะไรใหม่ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมคุยกับวงเลยว่าถ้าจะมีคนไม่ชอบก็ต้องทำใจยอมรับนะ เพราะเราเล่นในสิ่งที่เราไม่เคยทำ แล้วใหม่มากสำหรับเรา ซึ่งผมอ่านคอมเมนต์แล้วผมดีใจมากๆ เพราะส่วนมากเป็นคำชม คำด่าน้อยมาก แล้วมันทำให้วงเราดูคาดเดาไม่ได้ เท่ากับว่าหลังจากนี้เราจะทำอะไรก็ได้ แฟนเพลงจะได้ติดตามต่อไปว่าเพลงหน้าจะเป็นยังไง เพราะเราทำมาหลายแบบ พอมาเพลงนี้เป็นแบบใหม่ที่เราไม่เคยทำ ก็เหมือนเราหลุดจากกรอบเดิมไปแล้วเพราะฉะนั้นเพลงต่อๆ ไปก็รอลุ้นได้เลยครับ
การเอ่ยคำลา จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน
เต๋า : ผมว่ามีผลนะ อย่างผมเป็นคนนึงที่ถ้าอกหัก ผมจะจมอยู่กับความเศร้านานมาก ทำอะไรไม่ค่อยได้ คือการเลิกกัน การเอ่ยลาไม่มีใครชอบอยู่แล้วแต่ตัวผมเองจะมีผลกับประโยคนี้มากๆ เพราะฉะนั้นเพลงช้าของ Sweet Mullet ทุกเพลงมันเกิดจากที่ผมโดนบอกเลิก โดนทิ้ง มันทำให้ชีวิตเปลี่ยน เพราะฉะนั้น หลังการเอ่ยคำลา ผมมองว่าชีวิตเราจะเปลี่ยนจริงๆ
ชีวิตหลังเอ่ยคำลา ของ Sweet Mullet
หมู : ถ้าไม่ใช่เรื่องความรัก วงเราเจอชีวิตหลังเอ่ยคำลาจริงๆ ก็คือการออกจากวงของอั๋น ผมยังจำโมเมนต์นั้นได้นะ มันเป็นช่วงปีใหม่พอดี ก็นัดกันที่บ้านเก่าพี่แป๊ป คือวันที่อั๋นมันบอกว่า เออ..กูมีเรื่องจะคุยด้วย ผมแค่คิดว่า เฮ้ยมันจะด่าอะไรกูวะ คือวงเราอยู่กันมา 17 ปี แล้วผมกับอั๋นถ้าตัดวันที่เขาเอ่ยคำลา มันก็ 15 ปี มันครึ่งชีวิตนึงเหมือนกันนะ มันเหมือนเด็กที่เรียนกันมาตั้งแต่ประถม ถึงมหา’ลัย 15 ปี ซึ่งมันมีผลกระทบกับพวกเราบ้าง แล้วผมกับอั๋นเวลาทัวร์เราเป็นรูมเมทกันด้วยก็ยิ่งใจหาย แล้วอย่างที่รู้ Sweet Mullet เด่นที่กีตาร์คู่ ซึ่งมุมมองของผมคือกีตาร์เดี่ยวที่เล่นคนละทาง ดังนั้นการทำงานก็มีผลกระทบ พี่แป๊ปนี่เต็มๆ ตอนอั๋นออกแรกๆ แค่ตำแหน่งยืนบนเวทีเรายังรู้สึกเหวอๆ เลย ตำแหน่งนั่งในรถตู้ยังเปลี่ยน (หัวเราะ) มันเปลี่ยนทุกอย่าง
แป๊ป : วิธีคิดงานพอมันเป็นกีตาร์คู่มันก็แบบนึงแต่พอ ผมกับอั๋นจะช่วยกันคิด พออั๋นออกไปจริงๆ กลายเป็นผมต้องคุยกับมันทุกวันนะ เออ ไลน์มึงเล่นยังไง กูแกะไม่ได้ว่ะ ไหนมึงถ่ายวีดีโอมาดูสิ (หัวเราะ)
เต๋า : ไอ้อั๋นอยู่ออสเตรียหนาวฉิบหาย ผ่าฟืนเสร็จต้องมานั่งเล่นให้แม่งดูอีก (หัวเราะ)
แป๊ป : แล้วผมกับอั๋นจะเล่นคนละเหลี่ยมเลย มันคนละทาง หงุดหงิดฉิบหายเวลาเล่นไลน์มัน (หัวเราะ) แล้วเวลาคิดเพลงก็ต้องคิดอีกแบบ เมื่อก่อนผมเล่นเสร็จ ไอ้อั๋นตามึงต่อ พอเหลือคนเดียวก็ต้องคิดเผื่อ คิดเยอะขึ้น จริงๆ มีจุดเปลี่ยนนะคือพี่อ๊อฟ Big Ass นี่แหละบอกผมว่างั้นบางเพลงก็ทำให้คนรู้ไปเลยสิว่ากีตาร์คนเดียว ซึ่งเพลงที่เป็นจุดเปลี่ยนก็คือเพลง “คืนนี้อยากได้กี่ครั้ง”
เต๋า : แล้วอั๋นเนี่ยมันเป็นคนที่ทฤษฎีแน่นที่สุดในวง แบบมีคอร์ดอะไรแปลกๆ มันจะบอกได้
หมู : พออั๋นออกผมก็เลยต้องกลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ ด้วยความที่คอมฯ ผมแรงกว่าคนอื่น (หัวเราะ) คือเรื่องทฤษฎีพวกผมนี่งูๆ ปลาๆ มาก แม้แต่คอร์ดเปียโนเพลงชีวิตหลังเอ่ยคำลา ผมยังไม่รู้เลยว่าคอร์ดอะไร (หัวเราะ) เรารู้ว่าแค่เพราะ แต่อั๋นมันจะตอบได้เลย
เต๋า : ซึ่งนี่แหละครับ ชีวิตหลังเอ่ยคำลาของพวกเรา เห็นผลเลย พลิกชีวิตสุดๆ (หัวเราะ)
ทางออกจากชีวิตหลังเอ่ยคำลา
เต๋า : สำหรับผมนะ ผมว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า บางทีผมเคยลองฝืนตัวเองทำนู่นทำนี่ จริงๆ มันก็ดีขึ้นนะ สุดท้ายพอเรากลับเข้าบ้านกลับเข้าห้อง มันก็ยังคงวนมาเหมือนเดิม ซึ่งอยู่ที่คนด้วย บางคนอย่างพี่ตี่ก็จะเป็นอีกแบบ
ตี่ : ปลิวๆ สบาย (หัวเราะ) ไม่กลับบ้าน ถ้ากลับบ้านมีปัญหาก็ไม่กลับ
หมู : เนี่ยยย!! ค่ำไหนนอนนั่น (หัวเราะ)
เต๋า : แต่ถ้าคนไหนเริ่มใหม่ได้เร็วผมก็ยินดีด้วย ปล่อยไปตามธรรมชาติ
หมู : แต่คำถามนี้จุดประกายได้เลยนะ เพราะว่าเพลงนี้เราไม่ได้มีทางออกว่าเราจะออกจากความรู้สึกนี้ยังไง เอาเป็นว่าเพลงหน้าเดี๋ยวเรามีคำตอบให้แน่นอน
ขอขอบคุณ : โอ๋ genie records ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ