หนึ่งในวงร็อคยุคใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดอีกหนึ่งวง วงดนตรีที่ซาวด์แบบลูกผสมทันสมัย มีเมโลดี้ และความหนักหน่วงที่กลมกล่อม กับลูกเล่นทางดนตรีที่น่าสนใจ ที่สำคัญพวกเขาจบงานเองได้ แต่ถึงแม้ว่าจะฟังแล้วเป็นวงที่ดูเก่งกาจขนาดไหนก็ตาม ก็ยังไม่พ้นกระแสดราม่าในโลกโซเชียล หลังจากปล่อยเพลงใหม่ “ความคิดถึงที่ส่งไปไม่ถึง” จาก EP อัลบั้ม Hers แล้ว มี Meet And Greet กับแฟนเพลง ตอนนี้เจ้าเครื่องบินกระดาษกำลังพุ่งด้วยความเร็วแบบ Fast And Furious เข้าไปสะกิดใจขาร็อควัยรุ่นมากขึ้น เราจะไปคุยกับพวกเขากันถึงแนวคิด และคำวิจารณ์มากมายที่มีต่อพวกเขา
แนวคิด วิธีทำงานที่ชัดเจนจากเพลง “ไร้ความหมาย”
ฮาย : ที่มาของเพลงนี้มาจากคำว่า “ความพยายามอยูที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ซึ่งผมมองว่าในบริบทของความรักผมว่าคำนี้อาจจะใช้ไม่ได้ ผมว่าในแง่ความรักถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เปิดใจพยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมาย ด้านดนตรีเริ่มจากกีตาร์เล่นเป็น Loop คอร์ดเล่นน้อยๆ เป็น Ambient แล้วค่อยเติมรายละเอียดลงไป พอ “หยก” หรือ “เซน” มาทำงานในพาร์ทกีตาร์กับเบส เราก็จะขยับนิดหน่อย ส่วนผมก็จะขยับไปทำด้านซินธ์ฯ ด้านรายละเอียดต่างๆ ส่วนในพาร์ทกลอง ได้พี่ตั้มที่เป็นแชมป์กลอง Overdrive เมื่อสัก 2 ปีที่แล้วมาอัดกลองให้ ซึ่งเราใช้ซาวด์แบบ Sampler ผสมลงไปเขาจะตีตามที่เราเขียนเลย แต่ที่เปลี่ยนไปจากเดโม่ก็คือพวกความ Flow ที่เป็นแบบคนตีมากขึ้น เราอยากให้ Room ของ Snare ออกจากกลองจริง ปกติถ้าใช้กลองจริงเวลาเพิ่ม Room ทุกอย่างมันจะมาหมด แต่เพลงนี้เราต้องการเสียงที่ Ambient มากๆ ก็เลยผสม Sampler ลงไป ส่วนในการร้องก็ง่ายขึ้น ในเรื่องของเรนจ์เสียงแล้วก็ผสมโน้ตแบบอาร์แอนด์บี ค่อนข้างเยอะเทคนิคร้องเปลี่ยน แล้ว Layer ไลน์ร้องจะมีมากขึ้น มีเสียงจริง เสียงหลบ Octave สูง เสียงหลบ Octave ต่ำเบาๆ คู่กันไป มีเสียง “เบียร์ The Voice” ที่เป็นคอรัส เขาฮัมๆ มาเราก็รู้สึกว่า เออ เมโลดี้มันได้ก็เลยให้เขาร้องอัดแล้วเราก็มาดีไซน์ซาวด์อีกที พวกลูกเล่นต่างๆ ก็อย่างเราก็เอาเสียงไฟแช็ก Zippo มาทำเป็น Sampler อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งเพลงนี้ก็จะอยู่ใน EP อัลบั้ม Hers ก็จะมีเพลงที่เคยปล่อยออกไปแล้วอย่าง “ซ้ำซ้ำ”, “ก่อนเสียเธอไป” รวมอยู่ด้วย แต่เราจะเอามามิกซ์ใหม่ ถ้าใครดูใน YouTube กับฟังในอัลบั้ม Streaming ก็จะต่างกัน ในอัลบั้มก็จะมีเพลงใหม่ที่ปล่อยไปแล้วอย่าง Wความคิดถึงส่งไปไม่ถึงW กับอีก 2 เพลงและ 1 อินโทร ก็สามารถหาฟังกันได้ครับ
ทิศทางของ Paper Planes
ฮาย : เราตั้งตัวเองหลวมๆ ไว้ว่าเป็น “ร็อค” ซึ่งคำว่าร็อคของเราไม่ใช่สไตล์ดนตรี แต่เป็นในแง่ Energy มากกว่า ดังนั้นเราสามารถเอาไอเดียของแต่ละคนมาใส่ได้โดยไม่ต้องคำนึงว่ามันจะเป็น Genre อะไร เราจะส่งพลังงานออกไปเป็นร็อค แล้วก็จะผสมสไตล์ดนตรีอย่างอื่นเช่น Trap Music, Pop EDM ซึ่งเราก็ใส่แบบไม่ได้ฝืนหรือตามเทรนด์มากเกินไป เพราะถึงแม้เราจะสัก ฟังเพลงวงร็อคหนักๆ แต่ในอีกมุมมึงพวกเราเป็นคนชอบฟังเพลงเพราะ ฟังเพลงติดชาร์ต แล้วถ้าไม่ใส่ลงในดนตรี แล้วไม่ฝืนตัวเรา ก็จะไม่ลังเลที่จะใส่ลงไป
เปลี่ยนสู่ Main Stream
เซน : จริงๆ ผมว่าเราก็ยังไม่ได้เป็น Main Stream นะ เราก็ยังทำเพลงเหมือนเดิมไม่ได้ฝืน ไม่ได้อะไร ยังสนุกอยู่
ฮาย : เราโชคดีที่เราอยู่ในค่ายที่ให้อิสระเรามาก คือเหมือนกับร้านค้าที่หน้าร้านดูเป็นสินค้าแมส แต่เราเป็นสินค้าที่อยู่นอกตลาดแต่งวางอยู่ในเชลฟ์ได้ มันเป็นโอกาสที่ดี ที่ค่ายให้อิสระในการคิด ก็เลยสนุกเพราะมีความท้าทายที่ว่าถ้าเราทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จสักทางใดทางหนึ่งเราก็จะภูมิใจ มันน่าสนุกดีด้วย ผมมองว่าดนตรีของคนยุคใหม่ๆ มันมีความต่อต้านกฏระเบียบ คือพอเราบ่งบอกสไตล์ว่าเป็นแบบไหน ก็จะมีคนที่มาบอกว่า เฮ้ย! มึงไม่ใช่หรอก ดังนั้นทุกคนก็เลยไม่เลือกที่จะเป็นแนวทางใดแนวทางหนึ่ง แต่สุดท้ายไม่ว่าเราจะทำเพลงเป็นแนวไหน ร็อคแบบไหน ถ้าเราเคารพสิทธิกัน ผมว่ามันสนุกนะ จะร็อคดั้งเดิม ลูกผสมถ้าอยู่บนเวทีเดียวกัน สนุกไปด้วยกันได้ ผมว่ากระแสร็อคอาจจะกลับมาก็ได้ ไม่ต้องแบ่งแยกกัน แก่นของการฟังดนตรีคือการฟังอารมณ์ที่ศิลปินคนนั้นๆ สื่อออกมา ไม่ใช่เราเอามาวิจารณ์กันผ่านตัวหนังสือแบบนั้นผมว่าไม่เฟี้ยว (หัวเราะ)
Oliver “Hye” และ Bring Me กับ บิงซู
ฮาย : เอาจริงๆ เรื่องนี้ผมรำคาญมากนะ (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ มันเป็นฟิลแบบเอ้ย! อะไรกัน อีกแล้วหนอ มันดูจุกจิก แต่เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นทุกวงไม่มีใครรอดพ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะ Input คนไม่เท่ากัน อย่างผมไปกินบิงซู แล้วผมพูดว่ามันก็น้ำแข็งใสนี่หว่า เพราะผมรู้จักแค่น้ำแข็งใสผมจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย จะเป็นไอซ์ซิ่งสตรอเบอรี่ หรืออย่างอื่นไม่ได้เลย เพราะผมเคยกินแค่น้ำแข็งใส พอจะเก็ทไหมครับ เรื่องพวกนี้เอาตรงๆ เราไม่ต้องอธิบายก็ได้นะ ปล่อยๆ ผ่านไปสักวันเขาจะเข้าใจกันเอง คราวนี้เพลงที่เป็นประเด็นว่าเราก็อบ Bring Me The Horizon บอกเลยว่าเราไม่ได้ก๊อบเราทำเพลงนี้มานานมาก ทำก่อนด้วยซ้ำ แต่ถ้าถามว่า อ้าว ทำไมมันฟังคล้ายๆ กัน อันนี้ก็ต้องบอกว่าวิธีคิดในการทำเพลงคล้ายๆ กัน เรายอมรับว่า Bring Me คือวงที่เราชอบ ฉะนั้นไม่แปลกว่าเราจะมีกลิ่นของพวกเขามา เราฟังตั้งแต่อัลบั้มแรก เราเรียนรู้วิธีคิดแบบเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีวงอีกเยอะมากที่ทั้ง Bring Me เองก็เหมือนเขา แล้ววงอื่นก็เหมือน Bring Me การสร้างงานศิลปะยุคนี้ คือการหยิบสิ่งที่คนอื่นเคยทำ เคยพูดมาแล้วมาต่อยอดให้น่าสนใจมากขึ้น ใช่ครับส่วนผสมของ Bring Me มีมั้ย มี มีวงอื่นอีกมั้ย มี แต่เราจะไม่ใช่แบบตัดเอาจากเพลงมาวาง อันนั้นเราไม่ทำ สิ่งที่พวกเราทำคือเรียนรู้วิธีคิด ทักษะ Culture แล้วนำเอามา Blend ใหม่ ด้วยลุคผม พวกผม สักคอก็โอลิเลย (หัวเราะ) มันง่ายที่จะมองเป็นแบบนั้น ซึ่งไม่ผิดครับ แต่สิ่งที่มันอาจจะเกินไปนิดนึงคือการตัดสินพวกเราจากการมองแค่แวบเดียว อันนี้ผมว่ามันดูตัดสินกันง่ายไปหน่อย
Paper Planes Fact
- จุดเริ่มต้นของวงเกิดจากการเป็นไซด์โปรเจ็กต์ของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนจริงๆ มีวงหลักๆ แต่รวมไป รวมมาแนวทางตรงกันจึงเป็น Paper Planes
- ฮาย เริ่มจากการเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงหนักๆ สายใต้ดิน ก่อนจะสร้างชื่อให้กับตัวเองจากงานของ Retrospect และ Sweet Mullet
- การก้าวเข้าสู่วงการโปรดิวเซอร์ Pop และ Hip Hop เกิดจากเพลง “อยู่ดีๆ ก็” ซึ่งความตั้งใจ ฮายต้องการจะใช้เพลงนี้ในงานของตัวเอง ที่จะตั้งชื่อว่าฮายแจ็คในสไตล์แบบ Future Bass Trap แต่ด้วยเวลาไม่ลงตัว ประกอบที่ฮายรู้จักกับ Wonderframe ซึ่งขณะนั้นก็กำลังหาแนวทางอยู่ ฮายเลยนำเพลงนี้ผสมไอเดียของเฟรมทำออกมา จนประสบความสำเร็จ ทำให้ได้งานสายนี้มา และเข้าสู่วงการเบื้องหลังเต็มตัว
- ฮาย เป็นคนไม่ชอบนั่งเครื่องบิน
- ชื่อวง Paper Planes ไม่ได้มาจากเพลงของ One Ok Rock แต่มาจากท่อนหนึ่งในเพลงของ Hands Like Houses
ขอขอบคุณ : โอ๋ genie records ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ