วงร็อคชื่อดังเจ้าของรางวัลแกรมมี่จากประเทศอังกฤษ มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ (Mumford &Sons) เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562) ด้วยสายการบินอีวีเอแอร์ (EVA Air) เที่ยวบินที่ BR 0201 จากเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน หลังจบการแสดงที่ไทเป ประเทศไต้หวัน เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 4 หนุ่ม มาร์คัส มัมฟอร์ด (Marcus Mumford), เบน โลเว็ตต์ (Ben Lovett),วินสตัน มาร์แชล (Winston Marshall) และเท็ด ดเวนย์ (Ted Dwane) สมาชิก มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ก็บินลัดฟ้ามาหาแฟนๆ ชาวไทยทันที ซึ่งหลังจากแลนด์ดิ้งปุ๊บ หนุ่มๆ ก็ขอแวะมาทักทายแฟนเพลงและสื่อมวลชนที่มารอต้อนรับ พร้อมให้สัมภาษณ์พูดคุยถึงความรู้สึกและความพร้อมอย่างเป็นกันเอง ณ ห้องจีแอนด์โอ (G&O Room) ชั้น 9 โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ (Rosewood Bangkok) ก่อนที่ทุกคนจะได้ชมการแสดงสดครั้งแรกในประเทศไทยของพวกเขาในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ที่ จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮาส์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์
เคยมีใครมาเที่ยวประเทศไทยมาก่อนหรือเปล่า
เบน โลเว็ตต์ : พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมาก นี่คือครั้งแรกที่พวกเรามาเมืองไทย หลังจากที่ไปทัวร์ที่ไทเปมา มันยอดเยี่ยมมาก
ทัวร์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
มาร์คัส มัมฟอร์ด : มันยอดเยี่ยมมาก เราไปมาหลายประเทศแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อย แต่ทัวร์นี้ก็ชาร์จพลังให้พวกเรา เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ไปในที่ต่างๆ ตามประเทศที่เราได้ไปทัวร์
แล้วมีอะไรที่เป็นไฮไลท์ของทัวร์ที่ผ่านมาบ้าง
วินสตัน มาร์แชล : ไฮไลท์ก็คือโชว์ในทุกคืนของพวกเราครับ เราเล่นเพลงเดิมให้กับกลุ่มใหม่ฟัง มันก็เหมือนเพลงใหม่ของเราด้วย มันก็เหมือนเราได้ยินเพลงรูปแบบใหม่ ผ่านหูของคนฟังด้วย ในทัวร์ที่ผ่านมามีที่เดิมที่เราเล่นซ้ำคือโตเกียว และครั้งนี้ก็เลยเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ด้วย ทุกคืนเราไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคนดูบ้าง และทุกๆ คืน พวกเขาก็ทำให้เรารู้สึกทึ่ง
แฟนๆ ชาวไทยจะได้เจออะไรบ้างในโชว์ของพวกคุณวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายนนี้
เท็ด ดเวนย์ : เราจะเล่นเพลงจากอัลบั้มทั้ง 4 อัลบั้มของเรา แน่นอนว่าเพราะนี่คือ Delta Tour เราจะเล่นเพลงจาก Delta แต่เราก็จะนำเอาเพลงจากอัลบั้มอื่นๆ มาเล่นด้วย คล้ายโชว์ในอเมริกาที่เรียบง่าย มีแค่พวกเรากับคนดูเท่านั้นครับ และเราก็หวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ ชาวไทยมากขึ้นครับ พวกเราชอบทำเพลง ชอบปล่อยอัลบั้มใหม่ เวลาได้เล่นสด เรารู้สึกโชว์ มีชีวิตขึ้นมา และเราได้แบ่งปันประสบการณ์นี้กับแฟนเพลงของเราให้พวกเขาได้มาร้องเพลงและเต้นไปด้วยกัน
มาร์คัส มัมฟอร์ด : ผมอยากเพิ่มเติมว่าโชว์นี้มันมีความสดใหม่ ตอนที่เราเล่นที่โซล เกาหลีใต้ อยู่ๆ เราก็เล่น 2 เพลงที่ไม่ได้อยู่ในเซ็ตลิสต์ขึ้นมา ซึ่งมันสนุกมาก เพราะมันเป็นการเล่นสด เราเลยเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่าเราสามารถตัดสินใจ ณ ขณะนั้นได้ เราเจอคนคนหนึ่งก่อนขึ้นโชว์ในไทเปแค่ 5 นาที เขาขอให้เราเล่นเพลง Only Love แล้วพวกเราก็เลยเล่นเพลงนั้นที่ไทเปครับ และนั่นเป็นสิ่งที่เราชื่นชอบในโชว์ของพวกเรา
แฟนๆ ชาวไทยควรเตรียมตัวอย่างไร
เบน โลเว็ตต์ : ไปทำการบ้านมาครับ! ฟังเพลงทั้ง 4 อัลบั้มของพวกเรา ตอนนี้เรามีเพลงค่อนข้างเยอะ อาจจะลองฟังเพลงใหม่ๆ ดูบ้างครับ ปีนี้เป็นการครบรอบ 10 ปี อัลบั้มแรกของพวกเรา Sigh No More นั่นหมายความว่าเราอยู่ในวงการมา 10 ปีแล้วเราก็ผ่านอะไรมามาก เราเดินทางไปหลายที่ สิ่งที่เราอยากจะแนะนำคือให้แฟนๆ ไปฟังเพลงที่ผ่านๆ มา ทิ้งปัญหาทุกอย่าง แล้วเข้าฮอลล์มาสนุกด้วยกัน เราอยากให้ 90 นาทีนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นหนึ่งเดียว และหวังว่าคุณจะชอบช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน และพวกเราเองก็พยายามจะเคลียร์จิตใจของตัวเองกันก่อนขึ้นเวที เพื่อให้โชว์เป็นโชว์ที่สดใหม่ ถ้าพวกคุณทำได้เหมือนกัน เราก็จะมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันแน่นอน
ขอ 4 คำ สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้
เบน โลเว็ตต์ : สนุก (Fun)
เท็ด ดเวนย์ : เบิกบานใจ (Exhilarating)
วินสตัน มาร์แชล : ชุ่มเหงื่อ (Sweaty)
มาร์คัส มัมฟอร์ด : สดใหม่ (Improvise)
มีสถานที่ในประเทศไทยที่คุณอยากไปหรืออาหารไทยที่พวกคุณอยากลองทานหรือเปล่า
เบน โลเว็ตต์ : ผมอยากไปวัดโพธิ์ครับ อยากไปเห็นพระนอน เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยครับ
เท็ด ดเวนย์ : ส่วนหนึ่งของการมาทัวร์คือ สำรวจอาหารของแต่ละประเทศครับ พวกเราเป็นแฟนตัวยงของอาหาร อาหารไทยในอังกฤษอาจจะแตกต่างกับอาหารไทยที่นี่ เราได้คำแนะนำเรื่องอาหารรวมถึงร้านที่ควรไปของที่นี่มาเยอะ พวกเราเลยตื่นเต้นมาก
วินสตัน มาร์แชล : ผมได้ยินมาว่ามี 2 สิ่งเกี่ยวกับประเทศไทยที่โดดเด่น อย่างแรกคือพระราชวงศ์ อย่างที่สองคือซิก้า ผมไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่าแต่ผมตื่นเต้นที่จะได้มาประเทศ แห่งซิก้าหรือมันไม่จริงครับ บอกผมหน่อย
สุดท้าย อยากบอกอะไรแฟนๆ ชาวไทย
มาร์คัส มัมฟอร์ด : พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมาก การที่วงดนตรีวงหนึ่งได้ไปเล่นในต่างประเทศเป็นครั้งแรกนับเป็นเกียรติมาก พวกเรารู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับตอนขึ้นโชว์เป็นครั้งแรกเลยครับ หวังว่านี่จะเป็นครั้งแรกในอีกหลายๆ โชว์ที่เราจะได้มาเล่นกันที่นี่ และเราก็หวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครับ
วินสตัน มาร์แชล : ผมรอที่จะเจอแฟนๆ ไม่ไหวแล้วครับ
เบน โลเว็ตต์ : ขอบคุณครับ (ภาษาไทย)
งานนี้ใครที่ยังไม่มีบัตร สามารถซื้อได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และ www.thaiticketmajor.com หรือเคาท์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์หน้างาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2262-3838 อีกหนึ่งโปรดักชั่นคุณภาพจาก ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี – เทโร (Live Nation BEC-Tero)
มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ เป็นวงร็อคสัญชาติอังกฤษ ที่รวมตัวกันในปี 2007 ประกอบไปด้วยสมาชิกวงคือมาร์คัส มัมฟอร์ด (Marcus Mumford), เบน โลเว็ตต์ (Ben Lovett), วินสตัน มาร์แชล (Winston Marshall) และเท็ด ดเวนย์ (Ted Dwane) การก่อตั้งวงขึ้นมาเป็นความบังเอิญที่ลงตัวเพราะพวกเขาต่างรักและสนใจในการทำเพลงและการแสดงดนตรีในทุกโอกาสทำให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
บนเส้นทางสายดนตรีที่ผ่านมา มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มออกมาทั้งสิ้น 4 ชุดได้แก่ ไซห์ โน มอร์ (Sigh No More) ในปี 2009, บาเบล (Babel) ในปี 2012, ไวล์เดอร์ มายด์ (Wilder Mind) ในปี 2015 และ เดลต้า (Delta) ในปี 2018 เพลงเดบิวต์ของพวกเขา ไซห์ โน มอร์ (Sigh No More) ทะยานติดอันดับ2 บนชาร์ทอัลบั้มอังกฤษ (UK Album Chart) และชาร์ทบิลบอร์ด 200 (Billboard 200) ในประเทศสหรัฐอเมริกา และทำให้ในปี 2011 พวกเขาได้รับรางวัลอัลบั้มของศิลปินชาวอังกฤษยอดเยี่ยม (Best British Album) บนเวทีที่ยิ่งใหญ่อย่าง บริท อวอร์ด (Brit Award) อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ (Grammy Award)มากกว่า 6 ครั้ง
บาเบล (Babel) เป็นอัลบั้มชุดที่ 2 ที่เปิดตัว ลอยลำขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอัลบั้มอังกฤษ (UK Album Chart) ตั้งแต่ปล่อยออกมา อัลบั้มนี้ทำให้มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงแกรมมี่(Grammy Award) ถึง 8 รางวัล และในที่สุดก็คว้ารางวัลใหญ่อย่างอัลบั้มแห่งปี (Album of the Year) อัลบั้มบาเบลกลายเป็นอัลบั้มร็อคที่ขายได้เร็วที่สุดในปี 2012 ทำให้วงได้รับเชิญขึ้นแสดงที่งานเทศกาลดนตรีแกลสตันบูรี (Glastonbury Festival) ในปี 2013 และในปีเดียวกันนี้พวกเขาได้รับรางวัลอัลบั้มของศิลปินชาวอังกฤษยอดเยี่ยม จากเวทีบริท อวอร์ดอีกครั้ง
ในฐานะวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดวงหนึ่งมัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์เป็นที่รู้จักจากการฟื้นฟูแนวเพลงโฟล์คอังกฤษแห่งศตวรรษที่ 21 การผสมผสานแนวดนตรีบลูกราส โฟล์ค คันทรี และร็อคทำให้เพลงของพวกเขาถูกใจและติดหูผู้ชมผู้ฟังทั้งในและต่างประเทศในปี 2018 มัมฟอร์ด แอนด์ ซันส์ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ที่ชื่อว่า เดลต้า (Delta) ซึ่งได้รับความเห็นพ้องต้องกันจากนักวิจารณ์เพลงว่านี่คืออัลบั้มที่ดีที่สุดของวงตั้งแต่เริ่มทำงานเพลงมานำโดยโปรดิวเซอร์พอล เอ็พเวิร์ธ (Paul Epworth) อัลบั้มนี้เป็นการอัดเพลงที่สนุกสนานและแปลกใหม่ที่สุดของวง อีกทั้งเพื่อเป็นการโปรโมทอัลบั้มพวกเขาได้ประกาศทัวร์ที่ยาวนานและท้าทายมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมาซึ่งทัวร์นี้จะเปิดการแสดงในเมืองใหญ่ๆ ทั่วทั้งทวีปเอเชียด้วย