วงดนตรีที่มีอายุต่อเนื่องมาได้ถึง 10 ปี นั่นแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการทำงาน มาตรฐานที่ไม่ตกลง และตัวตนที่ชัดเจนวงดนตรีที่ชื่อว่า The Yers ก็เป็นแบบนั้น และในโอกาสที่วงนี้มีอายุ 10 ปีแล้ว เรามีเรื่องราวในช่วง 10 ปี ของพวกเขามาฝาก ก่อนจะไปสนุกกันในคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขา เรามาดูเรื่องราวของพวกเขากัน
The Yers : ปี 1 : การสื่อสาร
อู๋ : วง The Yers เรานับอายุวงที่ตอนปล่อยเพลง “การสื่อสาร” ถ้าอายุวงจริงๆ ของเรามันมากกว่า 10 ปี เรานับ The Yers แบบเป็นทางการที่อัลบั้ม Compilation Smallroom 007 สมาชิกยังไม่ใช่ชุดนี้ ผมจำได้ว่าไอ้ชิ้นนี้หัวเกรียนมาก (อู๋จะเรียก “ต่อ” ว่า ชิ้น) น่าตบมาก (หัวเราะ) เราไม่รู้ว่า The Yers จะไปได้ถึงแค่ไหน เราแค่อยากทำเพลงที่ตัวเองชอบ อยากนำเสนอรสนิยมตัวเองให้คนฟังเร็วๆ ไม่ได้คิดเรื่องชื่อเสียง ซึ่งปัญหาที่เราเจอในปีแรก คือคนไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมเราต้องใส่ชุดดำตลอดเวลา ทำไมต้องเขียนเนื้อเพลงแบบนี้ ทำไมต้องทำ MV แบบนี้ และผมจะทะเลาะกับคนหลายคนมาก คือมันเหมือนเป็นเด็กมหา’ลัยที่บ้าระห่ำมาก ทุกวันนี้เราก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เพราะเด็กมหา’ลัยยุคนี้หน้าแก่กว่าเราอีก (หัวเราะ)
The Yers : ปี 2 : การทำงานและการปรับตัว
อู๋ : เพลง “การสื่อสาร” ขึ้นอันดับ 1 ที่ Fat Radio แต่มีสิ่งที่เราดีใจกว่าเพลงขึ้นชาร์ตก็คือเรารู้ว่าเราได้อยู่ Smallroom แล้วก็เป็นช่วงที่เราทำอัลบั้ม เป็นการเข้าห้องอัดครั้งแรกในชีวิต ทำงานถึงตีห้า หกโมงเช้าทุกวัน โบ๊ทยังใส่ชุดทำงานมาอัดเพลงกับเราอยู่เลย
โบ๊ท : เป็นช่วงที่ผมถูกชวนให้มาอยู่ The Yers และวงก็กำลังจะมาอยู่ที่ Smallroom ผมกับบูมจะมาพร้อมกัน
อู๋ : ภาพที่ผมจำได้คือโบ๊ทมันแต่งตัวออฟฟิศเพื่อมาทำอัลบั้ม แต่คนที่โหดที่สุดคือไอ้ต่อครับ
ต่อ : คือผมทำงานเช้าอัดเสร็จต้องไปทำงานต่อเลย นอนในห้องอัดแล้วเปลี่ยนชุดไปทำงาน
อู๋ : เวลาผมพังมาก ตื่น 3 โมง กินข้าวตอน 4-5 โมง ทำงาน กินอีกทีเที่ยงคืน นอน 7-8 โมงอะไรแบบนี้ครับ ซึ่งเป็นช่วงที่เราโฟกัสว่าอยากทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จ
บูม : ผมเองก็ต้องปรับตัวเพราะเราไม่เคยเล่นด้วยกัน คือมาถึงเข้าห้องอัดเลย เพลงเสร็จแล้วเข้าห้องอัดเลย บางเพลง อู๋ก็อัดเอง คือผมกับโบ๊ทจะเข้ามาตอนอัลบั้มใกล้จะเสร็จแล้ว
โบ๊ท : ผมเหมือนบูม คือมาถึงเข้ามาอัดเลย ซึ่งผมเองก็ไม่เคยเข้าห้องอัดมาก่อน อย่าว่าแต่อัดเลย ผมไม่ได้เป็นนักดนตรีด้วยซ้ำ แค่ชอบเล่นเฉยๆ มาถึงก็มาเป็นศิลปิน เข้าห้องอัดเลย
อู๋ : เรื่องที่ตลกที่สุดคือตอนนั้นผมยังเล่นกับวงกรุงเทพมาราธอนอยู่ด้วย แล้วกรุงเทพมาราธอนต้องไปเล่นเปิด “อัสนี วสันต์” แล้วพี่มือเบสไม่ว่าง ต้องให้ไอ้โบ๊ทไปแทน ซึ่งโบ๊ทผู้ไม่เคยเล่นคอนเสิร์ตใหญ่เลยต้องขึ้นเวที โอเคมันเคยเล่นที่ Fat Fest ก็ใหญ่แล้ว แต่คราวนี้ต้องเล่นเปิดต่อหน้าแฟนๆ “อัสนี วสันต์” คนดูเป็นหมื่น (หัวเราะ)
โบ๊ท : เหงื่อแตกเลยครับ (หัวเราะ) เรียกว่ามาถึงโดนถีบลงน้ำลึกเลย (หัวเราะ) ซึ่งจากประสบการ์ณที่รุนแรงนั้นก็ทำให้ผมสนิทกับคนใน Smallroom ได้เร็ว ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น จากคนไม่ค่อยมั่นใจ ถึงขั้นหลุดโลก (หัวเราะ)
The Yers ปี 3 : ปักฐานกับอัลบั้มแรก
อู๋ : เป็นปีที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตปีนึงเลย มันเหมือนชีวิตประจำวันเรามีแต่ดนตรีที่เราใฝ่ฝัน แล้วเราก็ได้ทำอัลบั้มที่เราทำเองมันสนุกมากๆ เราเข้าค่ายทุกวัน อยู่มากกว่าบ้าน มาซ้อม มาประชุม ซึ่งประชุมก็ไม่มีอะไรนะ โทรคุยก็ได้ แต่ก็เข้ามาที่ค่าย (หัวเราะ) ทุกคนพร้อมใจมาที่ Smallroom มันมีความสุข มีเพื่อนๆ ผมรู้สึกสะใจที่ได้ปลดปล่อยไอเดียของเราให้คนฟัง ผมจำได้ว่าในกองถ่าย MV เพลงคืนที่ปวดร้าว ผมบอกกับเพื่อนในกองว่าทำใจนะอัลบั้มนี้จะไม่มีเพลงดังสักเพลง มันจะมาได้ประมาณนี้แหละ ผมพูดอะไรแบบนี้จำได้เลย ปรากฏว่าคืนที่ปวดร้าวเป็นเพลงที่ทำให้คนรู้จักเรามากที่สุด
โบ๊ท : คือก่อนหน้านั้นผมมีความแบบองค์ลง ร็อคสตาร์ ก่อนมีอัลบั้มก็โอเค เราก็คิดไว้ประมาณนึงแหละว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่พอมาเจอชีวิตจริง เราได้เห็นวงเพื่อนๆ วงรุ่นพี่ เราต้องมาเรียนรู้เรื่องการทำงาน เฟอร์ฟอร์ม การปรับเสียงบนเวที ร็อคสตาร์ก็ไว้ก่อนละกันวะ เอาเสียงให้รอดก่อน (หัวเราะ)
ต่อ : ทุกโชว์มันตื่นเต้น คนดูจะเป็นยังไง ซาวด์เช็กจะเป็นยังไง
บูม : มันตื่นเต้นแค่มีโชว์ 2-3 งานต่อเดือน เราก็อยากออกไปเล่น มันมีไฟมาก ซึ่งจริงๆ มาดูย้อนหลังเราก็เล่นพลาดเยอะนะ
The Yers ปี 4 : แฟนคลับ
อู๋ : จริงๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพลง “คืนที่ปวดร้าว” ทำงานทำให้เรามีคนรู้จักมากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้มีโชว์เยอะแต่ก็ทำให้เรารู้จักกับคำว่าแฟนคลับ เป็นช่วงที่เรารู้สึกว่ามีคนฟังเราแล้ว เหมือนมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาเราทำเพลง เราไม่คิดว่าจะมีคนชอบมากมายขนาดนั้น มันเป็นรสนิยมส่วนตัวมากๆ ทำให้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่รสนิยมแบบเดียวกับเรานะชอบงานศิลปะแบบนี้
ต่อ : เราอยากออกไปเล่นมากขึ้น เราจนคนหน้าเดิมๆ แต่เราไม่เบื่อ เราสนุกทั้งที่เขาเป็นคนเดิม
โบ๊ท : แล้วคนในวงการดนตรีให้เกียรติเรามากขึ้นด้วย บางวงเราเคยแกะกีตาร์เพลงของเขาเล่น แล้วพวกเขาก็บอกชอบเพลงของเรามันดีใจและเป็นเกียรติมาก
บูม : เรารู้สึกว่ามีคนรู้จักเราจริงๆ แล้ว แม้มันจะไม่ได้เยอะมาก
The Yers ปี 5 : เมฆฝนแห่งการเปลี่ยนแปลง
อู๋ : ตอนนั้นผมทำเพลงคืนที่ฟ้าสว่าง กับเพลง Loop อยู่ ผมเปิดเพลงนี้ลั่น Smallroom เลย มันเป็นช่วงทัวร์จากอัลบั้มแรก คือเราเริ่มเห็นช่องทางว่าจะไปตรงไหนได้ มีประสบการณ์มากขึ้นเห็นภาพรวมๆ ได้ น่าจะเป็นปีที่ผมเริ่มทำสายสะพายกีตาร์ด้วย (หัวเราะ)
โบ๊ท : ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเริ่มมีงานด้านการแสดงเยอะขึ้นด้วย ซึ่งตอนนั้น The Yers ก็ยังไม่ถึงกับเป็นวงที่ทัวร์เยอะ ก็มีหลายคนบอกผมว่างั้นเปลี่ยนมาทางสายการแสดงเลยดีกว่า มันรุ่งกว่า รวยกว่า ทำวงไม่รวยหรอก
อู๋ : ตอนพวกเราเห็นโบ๊ทในจอภาพยนตร์เรารู้สึกแบบ เฮ้ย แม่งเจ๋งว่ะ เพื่อนเราแม่งทำได้ ที่สำคัญเราได้มีโอกาสไปแสดงด้วย ก็โบ๊ทมันก็ชวนๆ พวกเราไปเล่นแหละ บอกเป็นตัวประกอบไม่ต้องพูดเยอะ ไปจริงๆ บทพูดแม่งเพียบ (หัวเราะ) แล้วคราวนี้มันก็ไม่สอนเราด้วย พอถ่ายจริงพวกผมเล่นโคตรแข็ง (หัวเราะ) ทำให้รู้เลยว่าพวกมึงอย่างแสดงเลยดีกว่า (หัวเราะ)
ต่อ : แล้วปีนี้เป็นปีที่ผมออกจากงานประจำพอดี ก็ปรับการใช้ชีวิต ซึ่งถ้าย้อนเวลาไปได้ก็ควรจะทำงานต่อดีกว่า (หัวเราะ)
จากสุขุมวิทมาอโศกมันไม่ไกล แต่การเดินทางด้วยหัวใจมันลำบากมาก
The Yers ปี 6 : การตัดสินใจ
อู๋ : พวกเราตัดสินใจออกจาก Smallroom มาที่ genie records (นิ่งสักพัก) เป็นสิ่งที่ผมเสียใจ เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมากๆ เครียดมาก นึกถึงทีไรก็รู้สึกไม่ดีอยู่เสมอ เรามานั่งหารือกันว่าถ้าไปมีอะไรดี และไม่ดี ถ้าอยู่ต่อมีอะไรดี และไม่ดี
ต่อ : มันเป็นโมเมนต์ที่เครียดที่สุด ทำอัลบั้มมันมีความสุขกว่านี้ อันนี้มันเป็นการตัดสินใจจริงๆ
อู๋ : เราอยู่ที่ Smallroom เราค้นหาอะไรบางอย่าง แต่วิธีการทำงานของ Smallroom ไม่มีสิ่งนั้นที่เราค้นหา ด้วยความที่ผมเคยเป็นเด็กฝึกงานที่ genie รู้จักกับคนหลายคน แล้วผมก็เห็นว่าที่ genie มันมีบางอย่างที่เราค้นหาอยู่ ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนบ้าน จากสุขุมวิทมาอโศกมันไม่ไกล แต่การเดินทางด้วยหัวใจมันลำบากมาก
ต่อ : มันเหมือนกับการเลิกกับแฟนคนนึง ซึ่งเราจะรู้สึกอยู่ตลอด การเลิกกันทำให้เสียใจแต่มันก็ต้องเดินต่อไป
บูม : คือตอนอยู่ Smallroom เรามีเพื่อนเยอะ ก็ค่อนข้างลำบากใจตรงที่เราจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ ทุกวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
โบ๊ท : ผมคล้ายบูม ผมเป็นคนที่ยื้อไว้ไม่อยากมาที่ genie แต่ลึกๆ มันก็มีคำถามว่าที่นั่นมีอะไร ถ้าผมไม่ไปแล้วผมยังอยู่ที่เดิม แล้วในขณะที่ตอนอยู่ที่เดิมเวลาเจอปัญหาเราก็รู้สึกว่ารู้งี้น่าจะไป ซึ่งมันวนเวียนในหัวผมแบบนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนตัดสินใจผมไปก็ได้
อู๋ : โชคดีที่ผมทำเพลงเสร็จแล้ว 6-7 เพลง ก่อนจะย้ายค่าย ซึ่งพอมา genie ก็ทำเพลงอีกไม่เยอะ ไม่งั้นก็แย่เหมือนกัน แต่มางานแรกกับ genie ผมก็เจอของใหญ่เลยคือ g16 ผมไปถ่าย MV แล้วก็ไปนั่งกับพี่ตูน พี่ป้าง พี่เจ๋ง แล้วเกิดมาผมไม่เคยคุยกับพวกเขาสักคำ แล้วนี่เป็นนักร้องแบบ โอโห เชี่ย แล้วไปพูดเรื่องความท้อของชีวิตตัวเอง ซึ่งผมไม่ได้มีอะไรเท่าพี่เขาเลย (หัวเราะ) คือผู้กำกับเขาบอกให้พูดเรื่องความท้อในชีวิตตัวเอง ผมคิดเลยแบบกูอยู่ในวงการกี่ปีมาเองวะเนี่ย ฉิบหายแล้ว (หัวเราะ) แล้วคนในค่ายเขารู้จักกันหมดแล้ว เรามาจาก Smallroom แล้วไม่มีเพลงปล่อยเลย อยู่ๆ มาถ่าย MV เลย คนดู MV ก็แบบ ไอ้แว่นหัวทองนี่ใครวะ ก็กดดันมาก
บูม : แล้ววันแถลงข่าว g16 เขาจะมีแบบสุ่มให้คนที่มาได้ถ่ายรูปคู่กับศิลปิน ซึ่งเด็กที่ได้ถ่ายรูปกับเรา ก็ดูจะผิดหวังเล็กน้อย (หัวเราะ)
The Yers ปี 7 : ชีวิตบนพื้นพิภพ
อู๋ : จริงๆ พวกเรา รู้สึกว่าอยู่ในลีคเดิมมาตลอด จนเพลง “เพียงหนึ่งครั้ง” มันเริ่มมา เรารู้สึกได้เลยว่ามีคนรู้จักมากกว่าเดิม แต่เรายังไม่ได้ข้ามดิวิชั่นขึ้นมา ปัญหาคือคนมองว่าพอเรามา genie เราต้องมาทำเพลงช้า ซึ่งจริงๆ อันนี้เราตั้งใจเพราะเราไม่เคยมีเพลงช้า แล้วเวลาเล่นสดมันเหนื่อย (หัวเราะ) คือมันเป็นเพลงช้าในแบบที่เราสบายใจด้วย ก็รู้สึกว่ามันโอเค
โบ๊ท : อย่างที่บอกเลยครับเราเจอพื้นพิภพมากขึ้น
อู๋ : คือเราได้เจอสถานที่เล่นหลากหลายมากขึ้น ที่พีคที่สุด คือเราได้ไปทัวร์ในโรงงาน เมื่อก่อน Fan TV เขาจะแบบฉายลูกทุ่งตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็เป็นเพลงไทยแบบพวกเรา คราวนี้เขาเลยมีการทัวร์ แบบไปทัวร์โรงงานจริงๆ สาวโรงงานหมดเลย แล้วคนที่เราทัวร์ด้วยคือเปาวลี ผมแบบ เชี่ย มันใช่เหรอวะ (หัวเราะ) พี่นิคบอกว่าเราเป็นวงใหม่ เล่นอะไรแบบนี้แหล่ะเป็นการฝึกวิชา ผมมาคุยกับเพื่อนๆ ว่า พวกมึงว่า The Strokes, The Killers, Kings Of Leon มันจะเคยเจออะไรแบบนี้ไหมวะ (หัวเราะ)
โบ๊ท : คือเราต้องเอา 30 ยังแจ๋ว มาเล่นสไตล์ Kings Of Leon เลย (หัวเราะ)
อู๋ : ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ตลกดี แต่ถามว่าได้ฝึกวิชาอะไรมั้ย ….ไม่เลย (หัวเราะ) คือผมว่าเพลงมันควรอยู่ถูกที่ ถูกเวลานะ ถ้าเป็นสมัยก่อนผมว่ามันคงบั่นทอนผมมากทีเดียว (หัวเราะ) คือเราก็วางแผนแบบ เอาเพลงลูกทุ่งมา 3 เพลง ทำให้เป็นสไตล์เรา แล้วก็เอาเพลงที่เร็วที่สุดของเรามา 2 เพลง (หัวเราะ)
โบ๊ท : เล่นเสร็จได้ไส้กรอก ได้ไก่สดๆ กลับบ้านเต็มเลย (หัวเราะ)
อู๋ : ใช่ๆ (หัวเราะ) คือมันเป็นการเปิดโลกให้เรามากๆ เลยนะ เราอาจจะมีเพื่อนในโซเชียล บอกว่ามึงเดี๋ยวนี้วัยรุ่นแม่งฟังวงนี้ วงนั้นคูลๆ แต่โลกความจริง มีคนฟังเพลงแบบอื่นอีกเป็นร้อย เป็นหมื่น เป็นล้าน ที่เขายังมอง Big Ass, Bodyslam เป็นอินดี้อยู่ เปิดโลกเราสุดๆ
ผมมาคุยกับเพื่อนๆ ว่า พวกมึงว่า The Strokes, The Killers, Kings Of Leon มันจะเคยเจออะไรแบบนี้ไหมวะ!!
The Yers ปี 8 : 2 ปีกับชีวิตจริง
อู๋ : ก็เป็นช่วงที่ทำอัลบั้ม Cry ซึ่งช่วงนี้เรากำลังจะเหลือ 4 คน แล้ว ระหว่างทำอัลบั้มไอ้เต๋า มันหายไปเลย ไม่ได้โผล่มาจนมันมาบอกว่า “ขอออกจากวง” ช่วงที่อัลบั้มเสร็จพอดี ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ผมยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่ามันออกจากวงเพราะอะไร (หัวเราะ) ยังไม่มีใครรู้จริงๆ แต่ถ้าให้ผมเดาๆ ก็คงเพราะไปเจอในที่ๆ ไม่ใช่ของเรา แล้วรู้สึกไม่สนุกก็เลยส่งผลต่อการตัดสินใจลาออก ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่โอเคเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องปรับตัวแหละ
The Yers ปี 9 : ปีของอู๋
อู๋ : จริงๆ ผมทำงานเบื้องหลังตั้งแต่เสร็จอัลบั้ม You ผมทำงานแรกเลยคือพี่ปาลม์มี่ แกยังบอกเลยว่าซื้อแล้วนะ ปกอัลบั้มสวยดี ก็เริ่มทำมาเรื่อยๆ จริงๆ ตั้งแต่ 2015 จนมาช่วงที่ทำอัลบั้มของ De Flamingo ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่เหนื่อยมากๆ เพราะถ้าทำเป็นอัลบั้มผมจะค่อนข้างอินในทุกขั้นตอน แล้วก็อีกงานนึงก็เป็นเพลง g19 ก็เป็นภาระที่หนักหน่วงเหมือนกัน เราไม่เคยมานั่งคุมร้องไอดอลเรามาก่อน เราไม่รู้วิธีการทำงานของพวกเค้า เราต้องรวบรวมให้อยู่ภายใต้การทำงานของเรา ก็เปิดโลกให้ผมได้อีกครั้ง ก็รู้เลยว่าใครจูนเยอะ จูนน้อย (หัวเราะ)
โบ๊ท : ของผมก็ได้อะไรใหม่ๆ นะ อย่างอู๋ เขาทำเพลง g19 ก็เรียกผมไปช่วยด้วยก็ได้เห็นอะไรเยอะขึ้น ได้ลองเล่นกับคนอื่นๆ อย่างพวก พี่หมู Sweet Mullet จ๊ะ The Mousses ก็สนิทกันมากขึ้น
The Yers ปี 10 : ปัจจุบัน
อู๋ : งานปีนี้ก็ยังเยอะอยู่ ห้องอัดก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะมีเพลงพิเศษปล่อยเป็นเพลงกับหนังสั้น เป็นเพลงแรกของ The Yers ที่ไม่ได้รวมในอัลบั้มใดๆ ผมว่ากับเวลา 10 ปีที่ผ่านมา The Yers ยังห่วยแตกอยู่เสมอ เร้าเป็นวงห่วยแตกที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ผมก็ยังรู้สึกว่าผมหน้าเด็กกว่ามหาวิทยาลัย (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าเรายังเป็นวงที่ไม่ได้ขยับ Division ขึ้นมาสักที เรายังเป็นวงหน้าใหม่ที่ยังต้องสู้อยู่เสมอ อะไรที่คนอื่นเจอ เราก็ยังไม่ได้เจอ
ต่อ : เรายังอยู่ในลีคเดิมอยู่ยังขึ้นไปไม่ได้ เราอาจจะต้องยังอยู่ตรงนี้ก่อน
บูม : แต่เรายังค่อยเดินขึ้นทางชันแบบไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร
ฝากแฟนๆ ที่ติดตามมาถึง 10 ปี
อู๋ : ก็ขอบคุณที่ติดตามกันมานะครับ แล้วก็เพลาๆ ของฝากที่เป็นขนมหวานก็ดี ซื้อเป็นน้ำผลไม้หรือผลไม้ก็ได้ ช่วงนี้ไดเอต คือผมเคยไปสัมภาษณ์ว่าชอบขนมหวาน คราวนี้มาเต็มเลย ก็ถ้าเป็นขนมหวานก็ขอแบบ Low Fat นะครับ
ต่อ : มันก็ขนมหวานอยู่ดีล่ะวะ มึงต้องไม่กิน (หัวเราะ) ก็ยังไงขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามมา 10 ปีนะครับ แล้วก็แฟนใหม่ๆ ด้วยครับ
อู๋ : และไหนๆ ก็ 10 ปีแล้ว อยากให้ทุกคนเจอกันที่คอนเสิร์ต ครบรอบ 10 ปี ของพวกเรา The Yers ชื่องานว่า ไทยประกันชีวิต Presents HALL OF FAN Sunday Evening Concert ตอน “The Yers 10 Years”ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคมนี้ ที่ GMM Live House Central World ใครมีบัตรแล้วมาเจอกันนะครับ
ขอขอบคุณ : ดาว GMM Grammy ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ