วงดนตรีร็อคสายหล่อแห่ง genie วงนี้เป็นวงที่พวกเขามีเส้นทางเดินที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นวงดนตรีที่เลือกจะรักษาความเป็น The Mousses ด้วยการแยกตามความฝัน อย่างที่เราทราบกันว่าวงดนตรีที่แยกมาจาก The Mousses ก็คือ Dose แต่ทั้ง 2 วงไม่เคยที่จะแขวะกันหรือด่ากันออกสื่อให้เห็นทั้งๆ ที่ดูจากภาพลักษณ์แล้วก็น่าจะแรงทั้งคู่แล้วอะไรคือสาเหตุนั้น สาเหตุของการแยกทางเดิน เราจะมาคุยกับพวกเขาและเรื่องราวของผลงงานที่กำลังจะมาถึง
“กองไว้” และ “เท” กับการเปิดตัวมือเบสใหม่
The Mousses : ตอนนี้เรามีมือเบสชื่อกั๊ป (เป็นอดีตสมาชิกวงจิดา จากค่าย Smallroom) ถ้าแฟนๆ เพลงสังเกตก็จะได้เห็นเขาอยู่ MV ทั้งเพลงกองไว้ Play2Project และก็เป็นหนุ่มที่จิบเครื่องดื่มในเพลงเท จริงๆ ก็มาเล่นโชว์กับพวกเราได้พักใหญ่ๆ แล้วจริงๆ ก่อนหน้ากั๊ปก็มีอีกคนนะครับ แต่เราแยกทางกันก่อน เขาชิงพลีชีพไปก่อน (หัวเราะ) ตอนนี้ที่เล่นกับเราก็จะเป็นกั๊ป
Change Story Pt.1
แอร์ : เอาจริงๆ ถ้าจะให้พูดถึงอัลบั้มนี้มันต้องย้อนกลับไปนานมาก คือตั้งแต่เราออกอัลบั้มแรก แล้วก็ออกเพลง “ความจริง” เพลงนั้นเนี่ยจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอัลบั้มนี้ทั้งหมด ทั้งภาพ และตัวเพลง ที่เราคิดว่าจะมีซินธ์ฯ เพิ่มขึ้น
จ๊ะ : หลังจากปล่อยเพลงความจริง เราก็ได้พบกับความจริง (หัวเราะ) ต้องยอมรับว่ากระแสตอบรับอาจจะไม่ดีนัก แล้วเพลงในสต็อกที่มี เราไม่สามารถเอาออกมาทำงานได้ มันทำให้งานเราเริ่มติดขัด แล้วปัญหาของวงก็เริ่มก่อตัวช่วงนั้น ด้วยความที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกันมาก่อน กับระบบวิธีการทำงานที่เปลี่ยนเป็นรูปแบบ Single ด้วย พวกเราเองก็ติดชิลด้วย ทำให้เราหายไปนานมากเลย ปีกว่าๆ ที่เราไม่มีเพลงเลย ไม่มีงาน จนเรา 5 คนต้องมาคุยกันว่าจะเอายังไง จะเอาดนตรีเป็นอาชีพ หรือเป็นงานอดิเรก คือมองตอนนี้พอยิ้มได้ แต่ตอนนั้นนี่แบบ โห หนักมากพอเรา 5 คนตกลงว่ามันคืออาชีพเราก็เลยลุยกันต่อ จนได้เพลง “เจ็บที่ต้องรู้” ขึ้นมา เรียกว่าเพลงนี้เหมือนมีคนมาฮีล เราในเกมเลย (หัวเราะ) ทำให้เราเริ่มมีงานอีกครั้ง
Change Story Pt.2
จ๊ะ : พอ เจ็บที่ต้องรู้ทำงาน เรากำลังพ้นจากหลุมแล้ว กำลังมา เพื่อนเรามาสะกิดว่านายๆ เราไปก่อนนะ (หัวเราะ)
แอร์ : วันนั้นนี่อยู่บ้านพี่โน่ กำลังจะทำเพลงใหม่มั้ง พี่โน่บอกว่า เฮ้ย! เดี๋ยวประชุมวงกันหน่อย ก็ไม่ได้คิดอะไร วันนั้นโอม Cocktail มาด้วย มาเป็นโปรดิวเซอร์ คราวนี้ก็มานั่งล้อมวงกัน ไอ้บาสก็สะกิด เอ้า! ริน มึงพูด ไอ้รินก็พูดว่า เออ พวกกูจะออกจากวง (หัวเราะ)
จ๊ะ : โอม (คอกเทล) หงายหลังเลย มาครั้งแรกวงแยกกันเลย (หัวเราะ) โอม คิดมากเลยนะ โทรมาถามเป็นเพราะกูหรือเปล่าวะ (หัวเราะ)
แอร์ : แต่ตอนนั้นนี่สตั๊นท์เลยนะก็เลยคุยกันว่า เออ จะเล่นกันจนจบทัวร์สัก 2 เดือนนะ
จ๊ะ : คือตอนนั้นทำเพลงน้ำตาที่หาย เป็นเพลงสุดท้ายที่รินกับบาส ยังมาช่วยเล่นและเป็นเพลงสุดท้ายที่โอมมา (หัวเราะ) คือทิศทางมันเป๋เลย เหมือนฟุตบอลมีปีก 2 ข้าง พอข้างนึงหาย มันก็ไปได้แล้ว ทุกอย่างต้องทุกคุยใหม่ ภาพ การโปรโมทต่างๆ ต้องปรับใหม่ทั้งหมด
แอร์ : คือ ถ้าว่ากันตรงๆ ด้วยหน้าที่ริน จะเป็นคนอะเรนจ์เพลงเยอะ เป็นคนใส่สีสัน คราวนี้พอตรงนี้หายไปเพลงที่เราออกมา ต่อจากนั้นอย่าง “ไม่เป็นไร” กับ “หลอกให้รัก” ซึ่ง 2 เพลงนี้ก็อีกปีนึงนะ มันก็เป๋ ไปเลยพักใหญ่ พอตอนนั้นผมก็เลยชวนแม็ค (นักร้องวง Super Glasses Ska Ensemble) มาช่วยทำ เพราะเขาทำได้หลายอย่าง ทำงานเร็ว แล้วก็เป็นเพื่อนกับเราตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพลงแรกมาก็จัด “อย่าเพิ่งใจร้าย” ให้เลย ซึ่งก็เป็นทิศทางใหม่ของวงด้วย แล้วกระแสก็มาใช้ได้เลย
จ๊ะ : อัลบั้มนี้มันจะมีเพลงค่อนข้างหลากหลาย แล้วก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้ถูกเตรียมการมาแบบเต็มที่ มันมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างทางด้วย ซึ่งก็อยากให้มองว่าเป็นเหมือนบันทึกการเดินทางของวงเรา เพราะฉะนั้นคอนเซ็ปต์มันจะไม่ได้ชัดเจนว่าเราจะพูดอะไรเรื่องเดียว แต่จะเป็นเรื่องการเดินทางทั้งหมดของเรา
“จุดยืนของพวกเราก็คือแต่งเพลงเอง ทำเอง ซึ่งผมก็ว่าดีนะที่จุดยืนเรายังมั่นคงอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
The Mousses : Happiness Life
จ๊ะ : ถ้าถามว่าวงเราที่ผ่านมาประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้ามองด้านความสุขก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ ความสุขทั้ง 3 อย่างของผมคือ เงิน เวลา สุขภาพ ทั้ง 3 อย่างผมโอเค ผมแค่พัฒนาตัววงขึ้นไปเรื่อยๆ สำหรับส่วนตัวผมแฮปปี้แล้ว ไม่มีหนี้สิน (หัวเราะ)
แอร์ : ส่วนผมนี่หนี้สินมากกว่าพี่จ๊ะหน่อย (หัวเราะ) แต่ผมก็ได้ทำอะไรที่อยากทำเยอะนะ แล้วในอัลบั้มใหม่ก็จะมีอะไรใหม่ๆ เพิ่มด้วย ก็ต้องรอดูกันครับ
ต๋า : ของผมนี่หนี้ท่วมเลย (หัวเราะ) กับความสำเร็จของวงผมพอใจครับ แต่ก็ไม่ใช่สูงสุดที่เคยคิดไว้ เราไปอีกได้ ก็จะตั้งในทำงานให้พัฒนาต่อไป
The Mousses X Dose
แอร์ : เราเล่นเพลง “เจ็บที่ต้องรู้” กับวง Dose ครั้งแรกที่ ที่ร้าน 20Something คือคืนนั้น นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เล่นด้วยกันตั้งแต่แยกกันไปเลยนะ ซึ่งสนุกมาก แล้วแฟนที่มาก็เป็นแฟนๆ ตั้งแต่ยุคแรก ก็ดีใจที่ร้องกันได้
“เจ็บที่ต้องรู้” ความสำเร็จที่เปลี่ยน ชีวิตของ The Mousses เพื่อนร่วมวงสู่เพื่อนร่วมวงการ
จ๊ะ : ความรู้สึกตอนนั้น มันเคว้งมากนะครับ
ต๋า : คือผมจะเป็นคนที่เห็นภาพของทุกคนเวลามองไปจากกลอง การที่เราเห็นบนเวทีคนหายไป 2 คนจากที่เคยคุยกันก่อนขึ้น หรืออะไรก็ตามภาพมันหายหมด
จ๊ะ : การบูมกันก่อนขึ้น การพูดคุยมันเปลี่ยนไป ช่วงแรกก็เป๋เลยครับ แต่ก็ไม่นานนะ สักพักเราก็โอเค
แอร์ : เพราะพวกเราก็ผูกพันกันมาเป็น 10 ปี มันก็เป็นกำลังใจให้กันครับ เรามีทางของเรา พวกเค้าก็มีทางของเค้า เพราะเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยนะครับ แต่แค่แยกไปทำในสิ่งที่แต่ละคนต้องการ
The Mousses และเพลงที่พลาด
จ๊ะ : มันมีช่วงนึงที่วงเราทำเพลงไม่ค่อยผ่าน แล้วพี่โน่แกจะเอาเพลงที่แกมีนั่นแหละมาลองให้พวกเราทำ ซึ่งก็มีหลายเพลงเหมือนกันที่ตอนนี้เป็นเพลงดังไปแล้ว ไม่แน่ตอนนั้นอาจจะมีเพลงแบบ “ความเชื่อ” ของบอดี้สแลมก็ได้ (หัวเราะ)
แอร์ : ติสต์ๆ (หัวเราะ)
ต๋า : คือก็ไม่เสียดายหรอกครับเพราะเอาจริงๆ พวกเราก็คุยกันแล้วว่าจุดยืนของพวกเราก็คือแต่งเพลงเอง ทำเอง ซึ่งผมก็ว่าดีนะที่จุดยืนเรายังมั่นคงอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จ๊ะ : เลยอยู่แบบที่เห็นเนี่ยแหล่ะ (หัวเราะ)
ความรู้สึกนึกคิดเรื่องวงการดนตรีตอนนั้นกับปัจจุบันเปลี่ยนไปขนาดไหน
จ๊ะ : โคตรต่าง คือผมยอมรับเลยนะ ตอนนั้นเราแบบไฟเต็มร้อย แล้วก็คิดแค่ความสนุกอย่างเดียว ซึ่งมันมีข้อดี ข้อเสีย ตอนสนุกอย่างเดียวคือเราทำอะไรก็สนุก คิดอะไรออกมาก็สนุก แต่ข้อเสียคือมันออกมาเหมือนไร้ความรับผิดชอบ บางงานให้ 5 นาที เราเล่น 10 นาที บางครั้งผมไปสังสรรค์กับเพื่อน มาเล่นสายก็มี ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เรื่องดี เราทำงานด้วยไฟที่แรงดี แต่เรื่องความรับผิดชอบเราก็ต้องมีด้วย ซึ่งตรงนี้เราได้ปรับปรุงขึ้นมาแล้ว
แอร์ : เรารวมตัวกันเล่นครั้งแรก ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะยาวมาถึงทุกวันนี้ด้วยซ้ำ เราแค่เล่นดนตรีแบบวงพวกเดอะๆ ทั้งหลาย (หัวเราะ) บ้าแค่พวกนั้น ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาได้ขนาดนี้
งานโชว์สุดยอดของ The Mousses
แอร์ : ผมจำได้ดี งานกาชาด ลำปาง (หัวเราะ) คืองานกาชาดก็จะมีแบบออกร้านอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ คนก็เยอะ อุ้มลูกอุ้มหลานมาซื้อลูกชิ้น ซื้ออะไรกิน แล้วเราก็ต้องไปเล่น คราวนี้เนี่ยตรงเวทีมันก็มีสังกะสีล้อมไว้ แล้วที่มันก็กว้างนะก็จุได้เกือบพันอยู่จากที่เห็น พอเราไปถึง เราก็เห็นวงดนตรีที่เล่นเปิดเราเขาเล่น ซึ่งเขาก็เป็นวงแบบมีนักร้องหญิงร้องสลับกัน 2 คนอะไรแบบนี้ เราก็จอดรถด้านหลังก็เห็น แบบเขาขอเสียงปรบมือ บิวท์คนดูอะไรก็ว่าไป ก็เลยให้ผู้จัดการวงไปสังเกตการณ์ พอไปดูเสร็จปั๊ปก็มาบอกผมว่าพี่แอร์มาดูเองดีกว่า เราก็มีอะไรวะทำไมไม่บอก ก็เลยลงไปดูปรากฏว่ามีแต่หมากับซาวด์เอ็นฯ (หัวเราะ) แล้ววงก่อนหน้ามันบิวท์ใครวะ (หัวเราะ) คือวงเปิดเขาก็ทำงานเต็มที่แหละ พอมาถึงเราก็เอาไงดีวะ พอถึงเวลาเราเล่นก็ตามนั้นเลยครับ (หัวเราะ) คือมีคนดูแหละ แต่มีประมาณ 50 คนได้ (หัวเราะ)
จ๊ะ : แล้วที่มันกว้างมากๆ เราก็เลยต้องแก้เกมโดยการเรียกคนดูขึ้นมาบนเวทีเลย หมงหมามาหมด (หัวเราะ) ก็เล่นไปเซลฟี่ไป อบอุ่นๆ (หัวเราะ) ก็ต้องแก้เกมแบบนี้ล่ะครับ ไม่งั้นเหงา (หัวเราะ)
ความคาดหวังของ The Mousses
แอร์ : คืออัลบั้มก็ออกมาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะได้เริ่มทิศทางใหม่เต็มๆ อาจจะได้เห็นกันแล้วกับ “ฉันไม่ดีหรือเธอ” แล้วก็ฝากไซด์โปรเจ็กต์ของผมในเพลง “เขาวงกต” ด้วยนะครับ
The Mousses Fact
- เพลงเท และกองไว้ จริงๆ แล้ว MV ของพวกเขาเกือบโดนแบน ด้วยภาพใน MV
- เบ๊ค คือชื่อที่จ๊ะ เรียกแอร์ ตั้งแต่ประถม มาจากเบ็คแฮม เพราะแอร์ชอบแมนยูฯ
- แม็ค เป็นมือกลองคนแรกของ The Mousses ต๋า เข้ามาแทนตอนที่ยังไม่จบ ม.6 ดี
- ก่อนที่ The Mousses จะมาอยู่กับ genie ครั้งหนึ่งเคยเกือบไปอยู่ Music Bugs มาแล้ว
- เพลงที่ทำให้พี่โน่ ดนัย ประทับใจในวง The Mousses คือเพลง Sweet Heart
- The Mousses หลังจากอัลบั้มแรก โดนหาว่าขายหน้าตา ทางวงเลยไปทำตัวเซอร์โดยการปลูกหนวด โดยเฉพาะ จ๊ะ ที่เข้าถึงความเซอร์สุดๆ ไม่อาบน้ำ 1 อาทิตย์ ซึ่งตอนหลัง จ๊ะบอกว่าอย่าทำตามนะครับ