เมื่อหลายปีก่อนมีกลุ่มวงดนตรีเกิร์ลกรุ๊ปที่ชื่อว่า G20 ได้สร้างความสดใส คึกคักให้กับหนุ่มๆ สาวๆ ในยุคที่เกิร์ลกรุ๊ปเบ่งบาน และเป็นวงแรกที่ได้รางวัลจาก The Guitar Mag Awards ด้วย ด้วยความแปลกใหม่ สไตล์การทำงานแบบเกาหลี ที่ค่อนข้างเข้มข้น แต่เมื่อลมพัดกระแสจางไป G20 ได้ค่อยๆ หายจากวงการ แต่คนที่ยังเห็นผลงานอยู่อย่างต่อเนื่องในวงการบันเทิงคือ “ทิชา พชรวรรณ” (พชรวรรณ วาดรักชิต) ผู้นำของวง วันนี้เธอมาพร้อมเพลงใหม่ ลุคใหม่ พร้อมกับการเปิดใจในหลายๆ เรื่อง แฟนคลับของเธอต้องติดตาม
การเดินทางครั้งใหม่กับเพลง “เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม”
ทิชา : จริงๆ แล้วเพลงนี้อยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวเวลาเลิกกับใครไปสักคน ด้วยความที่เราโตมาระดับนึง มันจะไม่เหมือนกับเด็กสาววัยแรกรุ่นที่แบบว่าเวลาเราเลิกกับใครจะมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย แต่จะเป็นฟิลเหมือนแบบคิดถึง เหงาๆ สมมติแบบว่าเวลาเราเคยไปกินข้าวร้านๆ นึงด้วยกัน พอไปกินอีกครั้งรสชาติก็ยังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกลึกๆของเรามันไม่เหมือนเดิมเพราะเราไม่ได้มากับเขาแล้ว ก็จะเป็นความเศร้าที่ไม่ได้ฟูมฟายมากมาย เนื้อหาจะเป็นเรื่องราวแบบนี้ ส่วนเรื่องภาพ ทางพี่พีท พีระ เจ้าของโปรเจ็กต์นี้ได้เล็งเห็นว่าเราลองเปลี่ยนมาเป็นแนวนี้ว่าน่าจะเหมาะกว่าหลังจากที่เต้นๆ มาเยอะแล้ว (หัวเราะ) ก็ดีเหมือนกัน จริงๆ สมัยก่อนเคยลองฝึกกีตาร์แต่ฝึกไม่นานนะ ตอนที่นิ้วเริ่มจะเจ็บก็เลิก (หัวเราะ) แต่พอเพลงนี้มันก็เป็นโจทย์มาแล้วว่าอยากให้เล่นกีตาร์ ก็เลยต้องเล่นกีตาร์จริงจังอีกครั้ง ได้อดทนกับการนิ้วด้าน นิ้วแตก ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นอยู่ แต่ถ้าถามว่าเราอยากทำไหม ก็ชอบนะคะ คือถ้าเราผ่านช่วงนิ้วด้านไปแล้วเนี่ยก็จะก็คงต้องเล่นต่อ ถ้าเลิกไปมันก็เสียนิ้วไปเปล่าๆ เลยคิดว่าจบซิงเกิ้ลนี้ไปก็อยากจะฝึกกีตาร์ให้มันเป็นจริงๆ จังๆ ค่ะ แต่รวมๆ แล้ว ก็ยากและกดดันกว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปนะ ปกติจะมาเป็นกลุ่มมีเพื่อนๆ แต่คราวนี้มาคนเดียวเหมือนเป็นศิลปินใหม่เลย
ทิชา พชรวรรณ VS ทิชา G20
ทิชา : จริงๆ ทิชาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเคยออกมาหลายซิงเกิ้ลแล้ว (หัวเราะ) ก็ได้เรียนรู้ว่าอย่าไปคาดหวังอะไรมากแค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ ซึ่งงานนี้มันจะออกเป็นโฟล์คป็อปฟังสบาย ก็อาจจะทำให้เข้าถึงวงกว้างขึ้นมากกว่าตอนเป็น G20 ก็ได้ คือยุคนี้มันไม่ใช่ว่าจะหลอกใครก็ได้แล้ว มันไม่ใช่ยุคสร้างภาพอย่างเดียวแล้ว อย่างที่เราเห็นกันว่าศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปเขาก็ต้องซักซ้อมมาอย่างหนักหน่วง กว่าจะได้ออกผลงาน หรือว่านักดนตรีเองก็ต้องสั่งสมประกบการณ์ต่างๆ นานา ดังนั้นศิลปินหรือนักร้องก็ต้องพัฒนาเองตรงนี้ ถึงเราจะแก่แล้วแต่ก็ยังต้องหาหนทางกันต่อไป (หัวเราะ) กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ตื่นเต้นมากขึ้นกับซิงเกิ้ลนี้ที่ออกคนเดียว เพราะว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเช่นการเล่นกีตาร์หรือแบบว่าร้องเป็นโฟล์คเดี่ยวๆ เพราะตอนเด็กๆ ก็เต้นมาตลอด
G20 –การแยกทาง-อนาคต
ทิชา : เอาตรงๆ เลยก็คือว่าตอนนั้นมันทำแล้วมันไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ เราทำแล้วไม่ได้มี Income กลับมาขนาดนั้น เรารู้สึกว่าเราอยู่ไม่ได้ด้วยอาชีพนี้ พอถึงเวลาที่เรียนจบมันก็ต้องหาอาชีพที่เป็นเรื่องเป็นราวใช้ชีวิตได้ มันก็เลยไมได้ทำตามความฝันกันต่อ ตอนนั้นพวกเราก็คุยกันตลอดนะ แต่ขณะเดียวกันเราก็เข้าใจวงการด้วย คืออย่างทิชาที่อยู่ได้ก็เพราะว่าเราทำพวกพิธีกร ดีเจ มีเล่นละคร แต่บางคนที่มาสายเต้นอย่างเดียว จะให้เขาทำอย่างอื่นมันก็ไม่ถนัด เพราะฉะนั้นพอฟีดแบ็กมันไม่ดีมากอย่างที่ตั้งใจ ก็เลยต้องไปหาอย่างอื่นทำ พูดจริงๆ เลยนะพวกเราก็ลุ้นกันมาตลอดว่ามันจะจบจริงๆ เหรอ เพราะทิชาเองก็เกิดมาจาก G20 คือระหว่างนั้นเราก็คิดอยู่ว่าเราจะมีโอกาสกลับมารวมตัวกันไหมหรือว่ามีโอกาสได้ทำอีกไหม แต่ด้วยระยะเวลาที่มันทิ้งห่างกันมานาน แล้วยิ่งเห็นว่าแต่ละคนก็มีเส้นทางของตนเอง ก็เลยคิดว่าเราก็ทำพวกพิธีกร ดีเจต่อไปดีกว่า
เจ้าแม่ Mono
ทิชา : ก็รู้สึกว่ารักที่นี่อยู่แล้ว เพราะที่นี่กลายเป็นครอบครัวของหนูไปแล้ว เข้าไปในตึกก็รู้จักทุกคน แล้วก็มีงานให้ตลอดกับพิธีกร ดีเจ ส่วนเรื่องเพลง มันก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยกาลเวลา ทิชาก็ยังไงก็ได้นะ แต่ถ้าให้เลือกว่าแฮปปี้กับงานไหนมากกว่ากัน ระหว่าง พิธีกร ดีเจ เพลง อืมมม เลือกยากนะ เพราะอย่างงานพิธีกรเวลาได้ออกไปสัมภาษณ์คนเจ๋งๆ อย่างล่าสุด ภูมิ วิภูริศ มันก็เป็นอะไรที่ดีมากเลย แต่เวลาเราสวมบทบทบาทเป็นนักร้องแล้วคนดู ชอบกลับมามันก็จะฟินไปสามวันอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) จริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มอยากทำงานเบื้องหลังนะ เพราะเราก็มีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ อยากแชร์ให้กับน้องๆ หรือทีมงาน แต่อาจจะต้องรอเวลา โอกาสที่เหมาะสม แต่สิ่งที่เราไม่เคยคิดเลยก็คือการย้ายจาก Mono ทิชารู้สึกว่า ณ ตอนนี้เราที่ทำอยู่ มันทำได้ดี ทำแล้วเรามั่นใจมีความสุข แล้วเนื้องานมันก็น่าสนใจ ก็เลยไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องย้ายไปไหน
ติดตาม MV เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม ได้ที่