ศิลปินย่อมมาคู่กับศิลปะ มือกีตาร์ และนักดนตรีหลายคนนอกจากจะเป็นคนบรรเลงด้านเสียงแล้วยังเป็นคนละเลงด้านภาพและสีอีกด้วย เมธี น้อยจินดา มือกีตาร์ระดับติสต์ขั้นป๋า เรารู้จักเขาดีอยู่แล้วกับการเล่นกีตาร์ด้วยซาวด์ดีไซน์ต่างๆ ในด้านงานศิลปะและออกแบบ พี่เมธีก็เจ๋งไม่แพ้เรื่องซาวด์ดีไซน์เช่นกัน เมื่อพี่เมธี ควงคนรู้ใจอย่าง ยุรี เกนสาคู ซึ่งเป็นคนทำงานด้านศิลปะอยู่แล้วมาร่วมออกแบบ Art Guitar พวกเขาจะมีแนวคิดยังไง จะออกมาแบบไหนมาดูไปพร้อมๆ กันครับ
ที่มาที่ไปของการออกแบบกีตาร์
เมธี : เกิดจากคุณบีที่เป็นนักเขียน นามปากกา “หนุ่มโรงงานน้ำตา” มาชวนเราทำโปรเจ็กต์ Art Guitar แล้วเราก็มีความสนใจอยู่แล้ว คือผมก็คิดมาพักนึงแล้วว่าอยากจะทำ แต่ยังไม่มีจังหวะพอคุณบีมาชวนปุ๊บมันก็ได้จังหวะที่อยากทำพอดี จริงๆ ตอนแรกเขามาคุยกับผมก่อนแล้วผมก็งงๆ ว่า ตัวเองจะทำได้เหรอ แล้วเขาก็มาคุยกับยุรีด้วย
ยุรี : คือคุณบีเขามาแนะนำตัวว่าเขามีความรู้เรื่องการผลิตการสร้างอุปกรณ์เครื่องดนตรีขึ้นมา ตอนแรกก็ให้มาคุยกับพี่เมธีก่อน แต่พอมันเรื่อง Art Guitar เขาก็เลยมาชวน ยุรี ด้วยซึ่งเราก็ทำงานศิลปะทางวาดภาพอยู่แล้ว ก็เลยเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะปกติเราทำงานศิลปะในเชิงที่ไม่ได้เป็นฟังก์ชั่นใช้งาน พอเราได้ทำงานกับคนที่มีความรู้ที่สามารถสร้างอุปกรณ์ดนตรีที่มันมีคุณสมบัติหรือความสามารถที่ออกมาเป็นเครื่องดนตรีสำหรับนักดนตรีได้ ก็เลยอยากถามอะไรเขาหลายๆ อย่าง เพราะตอนเด็กๆ เราเองก็มีความชอบในเรื่องดนตรีอยู่แล้ว
แรงบันดาลใจกับรูปทรงกีตาร์
เมธี : จริงๆ ผมวาดรูปมาพักใหญ่แล้วสิ่งที่ชอบวาดก็คือชอบวาดสุนัขอะไรแบบนี้โดยเฉพาะเจ้า “เมาคลี” ที่เลี้ยงไว้ แต่ตอนที่ทำตัวนี้เรารู้สึกว่าวาดรูปหมาพันธ์ไซบีเรียนแบบเมาคลีบ่อยไป เลยพยามวาดตัวอื่นอยู่หลายพันธุ์ เป็นบ็อกเซอร์ เป็นอะไร คือเราอยากลองทำตัวอื่นบ้างอะไรแบบนี้ พอสเก็ตไปสเก็ตมาเราก็ดันกลับมาชอบแบบเดิม ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นรูปเจ้าเมาคลี เราคิดว่าเป็น Art Guitar เริ่มแรกมาจากเอาตัวกีตาร์ที่เราชอบเอาฟอร์มของกีตาร์แล้วพยายามจะใส่อะไรลงไป แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเรามีโอกาสที่จะได้ดีไซน์กีตาร์ทั้งที ทำไมไม่ทำให้หลุดไปจากกีตาร์ปกติไปเลย เราคิดว่าน่าจะเล่นฟอร์มที่มันสนุกๆ เลยคิดไปถึงรูปดาวที่เป็นแฟนตาซี สุดท้ายแล้วเนี่ยวาดไปวาดมาก็เลยกลายเป็นร่างสุนัขจิ้งจอกเข้าไปในรูปดาว เรารู้สึกอินกับมัน อาจเป็นเพราะมันเป็นหมาเราด้วย เราเลยอินกว่าเดิม
ยุรี : ตอนแรกก็อยากดีไซน์ให้มันสวย เราก็ลองทั้งรูปเสือ รูปปลา ก่อนหน้าจะเป็นหมา คือยุรีคาดเดาว่าพี่เม เขาชอบวาดหมา แล้วมันเป็นโมเดิร์นด็อกด้วย เราก็พยายามจะเลี่ยงแต่ว่าสุดท้ายมันก็มาลงตัวที่หมาที่เราเลี้ยง แล้วมาคิดว่าต่อให้มันหมาตัวเดียวกันเราก็อยากทำให้ออกมาเป็นหมาที่เหมือนเป็นคนละตัว เพราะสไตล์งานที่ไม่เหมือนกัน แล้วเราก็จะใส่รายละเอียดชื่อรุ่นมัน หรือว่ารายละเอียดการใช้สี หรือลักษณะต่างๆ ที่แตกต่างกัน
Voluntad
ยุรี : ของยุรี มีชื่อว่า Voluntad ซึ่งมันเป็นภาษาสเปน ที่มาของชื่อมันเป็นเพราะว่าตอนนั้นไปเที่ยวที่สเปนไปเจอร้านขายของของคนอินเดียนแดง แล้วจะเจอเครื่องรางของอินเดียนแดงที่มีเรื่องสิ่งต่างๆ อย่างเช่นขอให้ประสบความสำเร็จ สุขภาพดี ความตั้งใจไปสู่จุดประสงค์เป้าหมาย ปรากฏว่าไอ้ตัวความหมายอันนี้มันหน้าตาเป็นหมาป่า เราก็เลยเอาชื่อ Voluntad ในภาษาสเปนมาตั้งชื่อกีตาร์เหมือนกับว่าเราห้อยกีตาร์ แล้วได้ความหมายดีๆ ของเครื่องราง ซึ่งเหมือนการห้อยกีตาร์ก็เหมือนการห้อยเครื่องรางไปด้วย สิ่งที่นักดนตรีหรืคนทำงานศิลปะจะได้ไปสู่จุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่คิดไว้ แต่การออกแบบ แล้วเราออกแบบรูปหมาของเรามาก่อนแล้วชื่อมาทีหลัง
เมธี : ดูไสยศาสตร์นิดๆ เหมือนห้อยตระกุดทองๆ (หัวเราะ)
ยุรี : คือตัวสีทองมันเชื่อมโยงกับงานที่เราทำ จะเป็นลักษณะสื่อผสม ยุรีอยากเก็บคาแร็กเตอร์ตรงนี้ไว้ ก็เลยใช้ในตัวนี้
Bark 1
เมธี : มันเริ่มจากตอนแรกที่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหมา คือประมาณว่างงๆ ว่าไซบีเรียนฮัสกี้มันเป็นหมาจิ้งจอกหรือหมาป่า ตอนนั้นก็เลยวาดหมาจิ้งจอกไว้ พอวาดไปวาดมาก็ผสมกันไปมาระหว่างหมาป่าหมาจิ้งจอกซึ่งมันก็เป็นพันธุ์ใกล้เคียงกัน ก็คือที่เล่าให้ฟัง เรื่องฟอร์มดาวปุ๊บ ก็คิดถึงว่าเราเล่นดนตรีแนวร็อค เลยคิดถึงหมาป่า เลยคิดชื่อรุ่นเป็น Bark 1 คือผมไม่ได้คิดว่าจะให้มีรุ่น 2 นะ แต่อยากให้เปรียบเทียบเล่นๆ ว่าถ้าเล่นพวกคีย์บอร์ดจะมีพวกรุ่น Mark1, Mark2 หรือพวกเทิร์นเทเบิ้ลอะไรแบบนี้มันก็จะล้อเลียนเสียง ผมก็คิดไปถึงว่าเราเล่นเพลงร็อค ก็เหมือนหมาป่าคำราม เลยเป็น Bark ไป บวกกับผมชอบเล่นกีตาร์เบาๆ ชอบ Gibson ก็ไปเลือกตัวที่เป็น SG หรืออย่าง Steinberger ก็เป็นกีตาร์ตัวเล็กๆ พอมีโอกาสออกแบบตัวนี้ซึ่งมันเป็น Art Guitar ถ้าเป็นกีตาร์ปกติ มันก็จะเหลือที่ให้เราดีไซน์ไม่มาก แต่โดยฟังก์ชั่นผมชอบเล่นกีตาร์เบาๆ อยู่ดี ก็เลยคิดว่าฟอร์มแบบไหนที่จะมีพื้นที่เยอะๆ หน่อย ก็เลยคิดถึงดาว แล้วยังจะคิดต่อไปอีกว่าทำยังไงให้เบาลง ก็เลยตัดหูทำเป็นหูหิ้ว ตัดลูกตามันออก แล้วก็โดยเซนส์ของเด็กสถาปัตย์ทำไรก็ให้มันมีฟังก์ชั่น หูก็หิ้วได้แล้ว แล้วอย่างตาก็จะแบบเราก็คิดถึงว่ากีตาร์ตัวนี้มันเป็น Humbucker มันตัด Coil ได้ด้วยเราก็คิดถึงว่ามันมีเสียงหลายเสียง เสียงใส เสียงดุ เราก็เลยคิดถึงว่ามันเป็นหมาป่าเจ้าอารมณ์ เลยคิดว่าอยากให้มีอารมณ์แบบเปลี่ยนอารมณ์เลยคิดถึงไฟที่ตามัน จริงๆ จะมีรีโมทที่เราสามารถเลือกไฟได้ จะค่อยๆ กระพริบช้า-เร็ว ตอนแรกว่าจะให้แบบเวลาไปเล่นเพลงช้า ก็ให้กีตาร์เทคฯ ผมกดให้ เพลงช้าก็ทำตาซึ้งๆ หน่อย (หัวเราะ)
ความยากง่ายในการผลิต
เมธี : ความยากของการทำกีตาร์รุ่นนึคือมันเริ่มมาจากภาพวาดของผมที่เป็นเด็กมนุษย์หมาป่าไปเล่นกีตาร์ที่เป็นจานสี หัวกีตาร์ก็จะเป็นพู่กัน ตัวจานสีจะเป็นแบบว่ามีแสงเลเซอร์พุ่งตามหลุมสีอะไรแบบนี้ ก็เลยพยามจะเอาไอเดียตรงนั้นมาใช้ ก็เลยต้องหาทางทำเป็นหางติดเอง
ยุรี : เนื่องจากการผลิตกีตาร์มันไม่สามารถเหมือน One Stop Service มีแบบแล้วเสร็จปุ๊บ 1 ตัว มันก็เลยกลายเป็นว่ามีส่วนผสมของผู้ชำนาญการประกอบ เรื่องการทำสี แล้วเราต้องสั่งทำไม้จากแหล่งนึง อุปกรณ์อีกที่นึงความยากคือเราต้องประสานทุกด้านเข้ามาจนสำเร็จจนเป็นกีตาร์หนึ่งตัว อย่างเรื่องการทำสี ด้วยความที่เราอยากให้เป็นกีตาร์อาร์ตหน่อยเราก็เลยไปทำสีในโรงงานที่ประดิษฐ์งานศิลปะทำสี ไฟเบอร์กลาส ก็เลยได้ความเป็นโรงงานศิลปะกับการประกอบกีตาร์จริงๆ
เมธี : พอเราได้แบบมาที่เป็นหมาทั้งคู่เราก็อยากให้คาแร็กเตอร์มันแตกต่างกัน เลยวางแผนคร่าวๆ คือกีตาร์ผมจะไปทางดุๆ หน่อย แล้วของยุรีจะเป็นทางใสๆ เราก็เลยมาวิเคราะห์เหมือนกีตาร์ที่ดุๆ มันน่าจะต้องใช้ไม้อะไร ก็เลยคิดว่าของผมน่าจะเป็นคอดำ
ยุรี : ของยุรีเป็นคอขาว Maple ยุรีจะออกแบบรูปลักษณ์ก่อนแล้วปรึกษาว่าเราสามารถใช้คอสีขาว ปิ๊กอัพสีทองได้มั้ย มันมีขายอยู่ในท้องตลาดหรือเปล่า มันมีผลกับเสียงยังไงเหมาะสมหรือเปล่า ทางพี่เมธีจะให้คำปรึกษา ซึ่งเขาก็สรุปว่าไม่ว่าเราจะเลือกอะไรมันจะเป็นองค์ประกอบที่แสดงลักษณะเฉพาะของกีตาร์ตัวนั้น ซึ่งกีตาร์คอขาวมันก็อาจจะเข้ากับสีที่เราเลือกด้วย
เมธี : คือมันเหมือนกับว่าใช้การออกแบบคนละมุม อย่างยุรีเขาเป็นศิลปิน คออยากได้สีอะไร ทรงอะไร เวลาคิดจะค่อนข้างอิสระไปเลย แต่ผมจะเป็นแนวแบบว่าเป็นนักดนตรีอยากได้เสียงตามที่เล่นด้วย มันก็มีข้อดีคนละแบบ
ยุรี : ตอนแรกยุรีอยากได้สายแบบเป็นสีๆ ก็อาจจะยังหาไม่ได้ พี่เมบอกว่าเคยเห็นแต่ที่เห็นชัดเจนจะเป็นสายเบส แล้วตอนแรกอยากทำอินเลย์สวยๆ พอเหมือนพอไม่ได้เล่นกีตาร์มันก็เลยไม่มีไอเดียการเลือกวางอินเลย์เท่าไหร่ เราก็เลยเน้นที่ตัวบอดี้มันมากกว่า
เมธี : สองตัวนี้บอดี้นี้เป็น Alder ทั้งคู่เพราะมันเป็นไม้ที่นิยมอยู่แล้วกับเสียงจะเพราะๆ แต่เรื่องที่ผมบอกว่าอยากลดน้ำหนักกีตาร์อย่างกีตาร์บางตัวที่เราเห็นตัวใหญ่ๆ แต่บางทีจะคว้านเข้าไปที่เรียกว่า Chamber มันก็จะทำให้กีตาร์เบาลงแต่เสียงมันก็จะป๊องๆ อีกแบบนึง แต่เราก็อยากให้เสียงมันหนาๆ ดุๆ มากกว่าก็เลยเจาะไปเลย รู้สึกว่าไม้จะสั่งมาจากต่างประเทศด้วยนะ
ยุรี : เรื่องการสั่งคุณบีก็จะช่วยเสาะแสวงหาสิ่งที่เราหาไม่ได้ เขาก็มีความรู้ในการช่วยกันหา
เมธี : อย่างผมชอบใช้ SG ที่ปิ๊กอัพเป็น Seymour Duncan อะไรแบบนี้แต่เขาก็เสนอว่ากีตาร์ตัวนี้มันมีอารมณ์เป็น D.I.Y. Handmade อะไรแบบนี้ก็เลยให้ผมลอง Lollar แล้วผมก็ชอบที่เสียงจี่มันนิ่งเรียบดีด้วย
คาดหวังกับกีตาร์ตัวนี้
เมธี : จริงๆ ตอนที่คุณบีมาชวนผมก็แทบจะตอบตกลงไปเลย เพราะเหมือนไม่มีอะไรขาดทุนอยู่แล้วเพราะผมเล่นกีตาร์เป็นอาชีพอยู่แล้ว ไหนๆ ก็ได้มีโอกาสออกแบบสิ่งที่ใช้เป็นอาชีพ แค่ได้ทำก็ Happy แล้ว ส่วนในแง่ที่คุยกับคุณบีก็คืออยากให้มันเป็นงานศิลปะที่แบบมีแค่ 3 ตัว ก็คือทำแค่ 3 Edition สำหรับนักสะสม เรายังดีไซน์กีตาร์เป็นงานศิลปะอยู่ เรามองเหมือนเป็น Object Art มันเป็นงาน Art ที่เล่นจริงๆ ได้ เราใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือนตั้งแต่ดีไซน์ตั้งแต่คุยกับโรงงานทำสีอะไรแบบนี้ ค่อนข้างใช้เวลาเยอะ แทบจะเหมือน QC ไปนั่งไปดูบอกช่างทำสีว่าอันนี้เข้มไป ซึ่งถ้าทำ 50-100 ตัวอาจจะไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีคิด จริงๆ โปรเจ็กต์นี้ มีคนมาสนใจถ่ายรูปแค่นี้เราก็ Happy แล้วครับ เราอยากทำงานในแง่ศิลปะกับตัวกีตาร์เท่านั้นเอง
ขอขอบคุณ : พี่เมธีและพี่ยุรี ที่เปิดบ้าน ให้พวกเราเข้ามาพูดคุยกันครับ