ในรอบปีที่ผ่านมาถ้าคุณเป็นสาวกเพลงสากลโดยเฉพาะพวกที่เป็นอัลเตอร์เนทีฟหรืออินดี้หน่อย พวกคุณน่าจะได้รับชมศิลปินฝั่งอังกฤษที่เรียกได้ว่าเป็นตัวจี๊ด ในยุคนี้หลายๆ เบอร์ทีเดียว ซึ่งถ้าสังเกตสังกากันสักหน่อยเราจะเห็นชื่อผู้จัดก็คือ Very Company หลายคนอาจจะคุ้น หลายคนก็ไม่คุ้น Very คือแบรนด์ที่เดียวกันกับที่ทำช่องดนตรี วิทยุออนไลน์ รายการทาง Social ในชื่อแบรนด์ Very ซึ่งถ้าเจาะลึกลงไปอีก Very Company คือตำนานรุ่นที่ 2 ต่อจากไนท์สปอร์ต มีเดียพลัส ในเรื่องการนำศิลปิน โดยเฉพาะสาย Alternative เข้ามา วันนี้เราจะมาพูดคุยกับคุณอู สมิทธิ เพียรเลิศ ถึงทิศทางของและงานที่ผ่านมาของ ทาง Very รวมถึงความตื่นเต้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต มารู้จักพวกเขาให้ Very Very ขึ้นดีกว่า
ความเป็นมาของ เครือ Very
อู : จริงๆ แล้วเราทำช่อง Channel V, MTV มาก่อน ถึงเวลาก็หมดสัญญากับฝรั่ง เปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัยเลยมาทำแบรนด์ของตัวเอง พอเริ่มเข้ายุค YouTube เรื่องของแบรนด์ของเราเองจะมีอิสระในการทำอะไรได้มากขึ้น เช่นการนำ Content ลง YouTube ลงอะไรก็ได้ ก็เลยคิดใหม่ ทำ Very ขึ้นมาตั้งแต่ 2011 ถึงตอนนี้ก็ 6-7 ปีแล้ว
ถ้าอย่างนั้นปัจจุบัน Very ทำอะไรบ้าง
อู : ตอนนี้เราก็มีช่องเพลง 24 ชั่วโมงอยู่ที่ True Visions ช่อง 363 แล้วก็มีธุรกิจคอนเสิร์ตซึ่งจะมี 7 โชว์ด้วยกัน ปี้นี้จะมีจบที่ Blossom ปีหน้าก็วางแผนอยู่ แล้วก็มีรายการออนไลน์ชื่อ The Very Show เป็นคอมเมดี้ ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จ แล้วมี Very Radio เป็นวิทยุออนไลน์ด้วย รวมๆ แล้วก็เป็น 4 ธุรกิจหลักๆ
การจัดคอนเสิร์ตเป็นเรื่องใหม่สำหรับ Very ไหม
อู : คือเดี๋ยวนี้ผมว่าด้วยความสำเร็จของ Steaming Service ด้วย ศิลปินที่เด็กชอบมันก็แตกแยกออกไป โดยที่เราเป็นสื่ออยู่แล้ว ก็นำสิ่งที่คิดว่าคนดูชอบมา สังเกตว่า Very ก็ไมได้เน้นที่จะเป็นวง Classic อย่างเดียว Liam เราก็มี, Foster the People, Nothing But Thieves แล้วก็ Blossom แม้กระทั่ง Phum Viphurit กับ Boy Pablo ก็อยากจะจัดอะไรที่มันใช่ โดยที่ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องจัดศิลปินหน้าเก่าอย่างเดียว เราจะมีศิลปินหน้าใหม่เข้ามาด้วย ไม่ได้เน้นแบบว่าทุกคนต้องรู้จัก บางวงเริ่มมีคนรู้จักเราก็เอาเข้ามาแล้วอย่าง Nothing But Thieves พออัลบั้มเขาขึ้นอันดับ 2 ที่อังกฤษเราก็พามาเลย มาประเทศเดียวในเอเชียด้วย ก็เหมือนตอนที่พ่อผม (อิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ) เอา Radiohead เข้ามาก็เอามาจากอังกฤษเลย ปี 1990 ตอนนั้นจะเป็น บ.มีเดียพลัส เราก็เน้นอะไรแบบเนี้ย ที่คิดว่าใหม่และใช่ โดยที่ไม่ต้องรอขึ้น Billboard Chart หรืออะไร เราคิดว่าใช่ ใหม่ เจ๋ง Perform ดี ก็จัดเลย เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ของเราหรอก เราทำมาสองรุ่นแล้ว คือผมโตมากับธุรกิจคอนเสิร์ตอยู่แล้ว
งานแรกเลยของการจัดคอนเสิร์ตในชื่อ Very
อู : ถ้าตามวันที่ก็น่าจะเป็น Liam Gallagher ต้นปีที่ผ่านมานี่ล่ะครับ แล้วก็จริงๆ ที่ประกาศไปก่อนก็จะเป็น Foster the People แล้วก็มาต่อด้วยศิลปินใหม่มาแรงซึ่งมีอัลบั้มไปก็คือ Lany ซึ่งประสบความสำเร็จมาก แล้วมาเป็น Nothing But Thieves ซึ่งเป็นวงที่ Performance ดีมาก
ถามเรื่อง Liam การจัดการกับ Liam มีปัญหาติดขัดหรือเปล่า
อู : Liam สุดยอดอยู่แล้วประทับใจครับ (หัวเราะ) หลังๆ เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ตั้งแต่มีลูก พอมาถึงไทยก็ไม่ออกไปข้างนอกเลยเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนจะต้องออกไปไหนต่อไหน อะไรแบบนี้ คืออายุและความเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปเยอะมากๆ เขาจะอยู่แต่ในห้อง เอาจริงๆ แม้แต่วงใหม่ๆ อย่างนักร้องของ Nothings But Thieves ก็จะไม่ออกไปไหนข้างนอก เขาก็จะเก็บเสียง เน้นการ Perform อาจด้วยวิธีการและเทคนิคทางทฤษฎีที่จำเป็นต้องรักษาเสียงที่มีผลต่อการแสดง ก็จะทำให้แตกต่างกับศิลปินรุ่นเก่าๆ ที่จะออกไปเที่ยวข้างนอก ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่น่าประทับใจของศิลปินทั้งคู่
ดูเหมือน Very จะเน้นไปทาง Alternative ซะเยอะ
อู : ใช่ครับ ก็จะเป็นแนวที่เราชอบ ที่ทำมาทั้งหมดไม่ได้คิดว่าจะทำแล้วจะได้ตังค์ ไม่ได้คิดแบบนั้นเลย คิดแต่ว่าเป็นวงที่เราชอบ สนองตัวเอง (หัวเราะ) ทุกวันนี้ยังไม่เจอตัวแบบว่า เฮ้ย! เอามาดิ ได้ตังค์นะ (หัวเราะ) ก็คือปีนี้ทั้งหมดก็จะเป็นศิลปินแบบเราชอบล้วนๆ ก็จะพามา จริงๆ อย่างสไตล์อื่นก็มี ที่เราชอบอยู่เยอะ ศิลปินแด๊นซ์ ร็อคๆ เลยก็พวก Funeral For A Friend ผมก็ชอบ ถ้ามีโอกาสจัดก็อยากจะจัด Bullet for My Valentine ก็ชอบ ไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะเป็น Alternative อย่างเดียว
มีวิธีการการ Deal ศิลปินอย่างไร เช่น Nothing But Thieves ที่บินตรงมาเลย มีความยากง่ายยังไงบ้าง
อู : เราก็แสดงความเชื่อในศิลปิน แล้วก็พูดคุยกัน เขาก็มา เพราะเราก็เชื่อว่าแนวนี้มันมาและเป็นแนวที่คนไทยผูกพันอยู่แล้ว ก็เหมือน Radiohead รุ่นใหม่ Muse รุ่นใหม่นี่คือซาวด์ที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้วเราก็เลยให้ความเชื่อแล้วเขาก็บินมาจากออสเตรเลียเลย มาที่ไทยประเทศเดียว
Feedback การจัดคอนเสิร์ต
อู : ก็แล้วแต่ตอนเสิร์ตนะครับ เรื่องความสำเร็จมากน้อย ส่วนตัวเราคิดว่าสำเร็จทุกอันแล้ว ในแง่ของความชอบเราเอามาจัดสำเร็จก็ถือว่าสำเร็จแล้ว มาก-น้อย เราไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เราคิดว่าเรื่องของธุรกิจผ่าน ความชอบผ่านก็โอเคแล้ว
Very กับการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้ Phum Viphurit
อู : มันมีกระแสดนตรีที่เรียกว่า Chill Wave เป็นเพลงอินดี้แบบชิลๆ แล้วก็มีสไตล์ Retro บวกเข้ามาก็เป็นกระแสที่เราเล็งตั้งแต่ปีที่แล้ว มันเป็นซาวด์ที่คนรุ่นใหม่-ยุคเก่าก็สามารถฟังได้ คือคนรุ่นใหม่มันจะมียุคนึงที่เพลงเมโลดี้เพราะๆ มันหายไปเลย ยุคที่แบบ 2010 ขึ้นมา คือก่อนสมัย 90’s เพลงเมโลดี้มันเพราะๆ มันเยอะจนต้องเลิกทำแล้วมันก็หายไป มาถึงยุคที่เป็นเทรนด์ Experimental พยามหาความแตกต่างจนถึง Hip Hop แล้วมาถึง Dance Dominate Chart เพลงแบบเมโลดี้เพราะๆ มันหายไป พอกลับมาในยุคนี้พวกเพลงเมโลดี้เพราะๆ อย่าง Boy Pablo กับ Phum Viphurit ก็คือเพลงที่เด็กรุ่นใหม่กลับไปฟังเพลงรุ่นเก่าแล้วได้ Inspiration ทำเพลงออกมาเป็นเวอร์ชั่นของเขา เราก็เลยมองว่านี่เป็นสิ่งที่เราชอบด้วย เลยจับสองคนรวมกันเลยกลายเป็นคอนเสิร์ต Very Live ซึ่ง 2 ศิลปินนี้ ถ้าคนที่ชอบสไตล์นี้ไปดูนี่แบบใช่เลยนะ คือเรามองว่า “ภูมิ” นี่ก็คือศิลปิน Inter ครับ ตอนนี้เป็นศิลปิน Inter เลย ในสายตาผม เพียงแต่เขาเป็นสัญชาติไทยคือทุกอย่างซาวด์ความนิยม แฟนๆ ที่ชอบ Boy Plabo ก็ชอบภูมินะครับ ซึ่งการจับสองคนมารวมกันก็คือใช่เลย เพราะสองคนนี้ก็ดังพอๆ กันทั่วโลก
ความคาดหวัง
อู : ก็ประสบความสำเร็จนะครับผมว่าทั้งยอดขายที่ไปในช่วงแรกขายเร็วมาก คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จมากเลยครับ
ส่วนตัวของคุณอู ในฐานะคนชอบฟังเพลงมอง “ภูมิ” เป็นอย่างไรบ้าง
อู : ก็เป็นคนมีพรสวรรค์แล้วก็มีความเป็น Inter ในตัวตั้งแต่เพลงแรกที่ทำมา ผมเริ่มมาจากเพลง Lover Boy มาก่อน แต่ก็มีช่วงนึงที่เขาทำเพลงเศร้าเยอะไป แล้วก็กลับมากรู๊ฟใหม่ คือมันก็คือตัวตนเขาทั้งหมดนั่นแหละ เพียงแต่อยู่ที่จังหวะว่าตอนนั้นทำแบบไหน พอมาเป็น Long Gone, Lover Boy เซ็ตนี้ก็เป็นแนวที่เขาถนัดด้วย พอจับทางถูกจังหวะใช่ แล้วพอดีกระแส Chill Wave มันมาด้วยก็เลยพุ่งกระฉูด มีคนบุ๊คโชว์ไปทั่วโลก
อย่างนี้มีโปรเจ็กต์กับศิลปินไทยแท้ๆ เลยบ้างไหมครับ
อู : โปรเจ็กต์ไทยเนื่องจากว่าขั้นตอนเยอะมากเลยนะ คือการ Approach ธุรกิจโชว์ไทยต้องคิดเยอะ เพราะผมก็กำลังคิดโมเดลอยู่ ในรูปแบบที่ต่างออกไปเพราะตอนนี้มันเยอะจริงๆ ไม่นับที่โชว์ตาบผับ คอนเสิร์ตใหญ่ก็เยอะมาก ศิลปินก็จะเป็นศิลปินไทยที่ดึงดูดคนได้ก็จะมีอยู่จำนวนนึง มันจะวน ทำยังไงถึงจะ Break จากตรงนี้ให้ได้ ผมก็ต้องลองคิดก่อน
ฝาก Very ถึงทางบ้าน
อู : ฝากช่องเพลงของเราทาง True ก็ฝากดูกันเยอะๆ ครับ และทางคอนเสิร์ตของเรากับ Very Company ก็รอดูผลงาน ส่วนวิทยุเพลงสากลก็ Very Radio แล้วก็รายการ The Very Show ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณ : เมย์ PR ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ