Educate
ปีนี้เป็นปีค.ศ.2018 เป็นยุคที่ดนตรีเปิดกว้างมาก การผสมผสานแนวทางต่างๆ ก็มีมากมาย การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดาย เราสามารถเห็นบันทึกประวัติศาสตร์ทางดนตรีได้บนช่องทางอย่าง Youtube ทุกคนสามารถตักตวงความรู้เพื่อไปต่อยอดพัฒนา แนวทาง เพื่อเป็นตัวของตัวเองได้ จากนักดนตรีเก่งๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแนวอะไรก็ตาม เพียงแต่ต้องขยันและรู้จักคิดนิดหน่อย และความโชคดีอีกอย่าง เรามีศิลปินไทยที่สามารถเป็นแหล่งความรู้และใช้ต่อยอดในการสร้างงาน ได้อย่างมากมาย ถ้าคุณเปิดใจล่ะก็นะ
Eternal
แล้วการเล่นกีตาร์แบบไหนที่จะดึงดูดใจคนได้ล่ะ ไม่ว่าจะยุคใดสมัย สมัยใดการเล่นกีตาร์ที่รวดเร็ว รุนแรงถึงใจ สไตล์ร็อคก็ยังคงเป็นที่สนใจของหลายๆ คนอยู่ดี ยุคนี้มีมือกีตาร์มากมายที่มีผลงานเจ๋งๆ โดยเฉพาะคนไทยเราไม่ต้องไปหา ไม่ต้องไปมองไกล เรามีมือกีตาร์คนไทยที่สามารถเป็นแบบอย่างในการฝึกฝนให้เราได้เพียบ และหนึ่งในนั้นต้อง มีชื่อของ เอก Blackhead อยู่ด้วยแน่นอน นี่คือหนึ่งในมือกีตาร์ของบ้านเราที่ อยากจะให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา การเล่นกีตาร์ในสไตล์ของพี่เอก ถือว่าเป็นการปู เบสิกที่ยอดเยี่ยมสู่แนวทางที่ซับซ้อนในอนาคต
Heart Rock
แล้วทำไมล่ะ ถึงจะต้องศึกษาแนวทางการเล่นของเขา การเล่นในสไตล์ เอก Blackhead ไม่ใช่สไตล์การเล่นที่ซับซ้อน การใช้ Scale ที่ไม่ยากจนเกินไป ลูกเล่นเทคนิคที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งต่อยอดมาจากสำเนียงกีตาร์แบบ Hard Rock, Heavy Metal และ Blues แต่ในขณะเดียวกันในความเรียบง่ายนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความแข็งแรง ความเร็วที่ชัดเจน และที่สำคัญที่สุด สำเนียงกีตาร์การสั่นสาย ที่ ต้องบอกว่าถ้าเขาไม่ใช่อันดับหนึ่งของประเทศนี้ ก็ไม่ต่ำกว่าอันดับสองแน่นอน เขาเป็นคนที่ดันสายตรง Pitch ชัดเจน หนักแน่น การเขย่าสาย ความถี่ในการสั่นสายมั่นคง และเที่ยงตรง รวมถึงการเล่นริฟฟ์ต่างๆกับสัดส่วนที่แน่นอน สิ่งเหล่านี้คือ แก่นของคำว่าร็อค นั่นคือ “ความแข็งแรง” ในการเล่นนั่นเอง
Instrument Of เอก Blackhead
อุปกรณ์ที่เขาใช้ในการเล่น เป็นอะไรที่ไม่ซับซ้อนเช่นกัน เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นมาตรฐานของมือกีตาร์ร็อค เสียงแตกเพื่อ บูสต์ โมดูเลชั่น และ Wah Wah กับเสียงแตกหน้าตู้ ในด้านกีตาร์ เขาเองก็ใช้มาแล้วเกือบทั้งหมด ยี่ห้อที่เรียกว่าของมันต้องมี Ibanez, Fender, Gibson เขาก็ผ่านมาหมดแล้วอยู่ที่ว่าจะเลือกใช้ในงานไหน
Gear : อย่างที่บอกไปว่าเขาใช้อุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อนแต่ก็มีเอฟเฟ็กต์บางตัวที่เขาใช้เป็นเหมือนซาวด์ของเขาเองนั่นก็คือ Shark Egg Blackhead Signature นั่นคือเสียงแตกหลักๆ และแน่นอนสิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือวิธีการเล่น ของตัวพี่เอก เอง คือทุกอย่างที่เราจะบอกในบทความนี้
Play
คราวนี้มาที่วิธีการเล่นกีตาร์แบบ Strong Rock Style ที่ว่ากัน พี่เอก Blackhead จะมีพื้นฐานการเล่นจาก Blues Rock ดังนั้น Scale หลักๆ ที่เขาใช้แน่นอน มันคือ Pentatonic Scale Box ง่ายๆ แต่เราจะมาดูกันว่าวิธีจัดเรียง ของง่ายให้ได้สวยงาม แข็งแรง และฟังดูดีมีสไตล์ จะเป็นยังไงเรามาลองดูไปกับท่อนโซโล่ใน 3 เพลงนี้ได้เลยครับ
(Ex.1 หมดใจ)
เราลองมาดูพื้นฐานจากเพลงช้าๆ กันก่อน เพลงของ Blackhead ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะเป็นเพลงช้าที่มี “กีตาร์บาดใจ” ซึ่งความเฉียบขาดก็คือการดันสายของเขานั่นเอง เพลงนี้เป็นแบบฝึกหัดการดันสายที่น่าสนใจสุดๆ เริ่มจากการ Modulate คีย์จาก G Major มาอยู่ที่ A Major ดังนั้นเราจะต้องเล่นอยู่ใน Box ของ F# Pentatonic minor และจังหวะจะติด Swing นิดๆ เพลงนี้จะเริ่มจากเมโลดี้ และมาต่อที่การดันสายแบบ Double Stop จากนั้นเล่นเมโลดี้ไปอีกสักพัก จะมีการดันสายที่เรียกว่า Bend And Release ก็คือการดันสาย ขึ้น ลงด้วยโน้ตตัวเดียว ตรงนี้จะยากตรงที่การดันสายที่จะต้องแม่นกับโน้ต จากนั้นจะเป็นเมโลดี้ผสมกับ Grace Note Slide ไปถึงการดันสายเป็น 1 เสียงครึ่ง จะเป็นลักษณะนี้ ไปเรื่อย ดันสาย Double Stop ดันสายและคืนค่าโน้ตเดิม ดันสาย 1 เสียงครึ่ง และจบท้ายด้วยการเปลี่ยนมาเล่น A Pentatonic minor เพื่อสร้างสำเนียง Blues กลับมาเข้าคีย์เดิม
เราจะได้อะไร : ลองเล่นเพลงนี้พร้อมกับหาเพลงมาฟัง เพราะความแม่นยำในการดันสาย และสันสาย ความสั้นยาว ของโน้ตต่างๆ ตรงนี้เราต้องฟังด้วยตัวเอง แต่ที่แน่ๆ เราจะเห็นเทคนิคการดันสายหลายๆ แบบ ในเพลงนี้ และการเปลี่ยนไปเล่น minor Pentatonic ในโทนเสียงแบบ Major เพื่อสร้างสำเนียง Blues ก็เป็นอีกเทคนิคที่น่าสนใจเช่นกัน เอาไปประยุกต์ใช้กันได้
(Ex.2 เหนือฟ้ายังมีฟ้า)
ขยับมาเป็น Rock มากขึ้น กับเพลงที่มีการโซโล่ที่ดุดันอย่างเหนือฟ้ายังมีฟ้า แน่นอนจากพื้นฐานของ Blues Rock การโซโล่ก็ยังยึดจาก Pentatonic เช่นเดิม เพียงแต่สำเนียงจะเริ่มดุดันขึ้น เริ่มจากการดันสายครึ่งเสียง จากนั้นจะเป็นการดันสายขึ้นไป 2 เสียง จากนั้นจะเล่น Melody และเล่นการ Run Lick แบบ เขบ็ต 2 ชั้น จากนั้นเล่นเป็นเมโลดี้ คราวนี้มาถึง Lick ที่น่าสนใจมาก ก็คือการเล่นอุดสาย พร้อมทั้ง Run Lick ไปด้วย ตรงนี้จะเป็นการดันสายแบบ Double Stop แบบ ¼ เสียงและจะเล่นข้ามสายไปอุด โน้ตสายบนซึ่งเมื่อเล่นกับเสียงแตกมากๆ จะได้ซาวด์ที่ดุดันทีเดียว จากนั้นจะเป็นการ ดันสาย และจบด้วยการ Run Lick ใน Pentatonic เพื่อจบท่อน
เราจะได้อะไร : การใช้การอุดสายมา Run Lick เร็วๆ บนเสียงแตกหนักๆ เราจะได้เสียงโน้ตที่สั้นลง จะได้ซาวด์ที่แบบ “กระสุนปืน” มันจะออกมาเป็นเม็ดๆ ความยากก็ตือ น้ำหนักในการอุดสาย และการวาง Position ของมือข้างที่ดีด ซึ่งถ้าฝึกตรงนี้ได้จะทำให้การดีด ของเราแข็งแรงขึ้นมากทีเดียว
(Ex.3 เรื่องจริง จริงๆ)
มาถึงเพลงสุดท้าย เพลงนี้จะเริ่มจากการเล่นเมโลดี้มาก่อน เป็นลักษณะคล้าย Riff กีตาร์ให้สังเกตการใช้ตัวหยุดเพื่อสร้าง Rhythm จากนั้น จะเล่นเป็นเมโลดี้เหมือนพวก Double Stop พร้อมกับดันสาย ท่อนที่น่าสนใจก็คือการ Run Lick ช่วงกลาง ที่จะเริ่มจากการเพิ่มโน้ตตัว 9Th เข้ามาใน Pentatonic minor จากนั้นจะมีการเล่นโน้ต G# ซึ่งจะได้ซาวด์แบบ Mixolydian จากนั้นก็จะมีการผ่านโน้ต Blues แล้วมีการใช้ Lick จาก Arpeggio D Major และ A Major บนคอร์ดหลังที่เป็น Tonal ของ E ซึ่งจะได้ซาวด์แบบ Dorian ลักษณะการเล่นแบบนี้มือกีตาร์อย่าง Dimebag Darrell ผู้ล่วงลับจาก Pantera ก็ชอบใช้ เป็นการขยายซาวด์ของ minor Pentatonic Box ให้กว้างขึ้น จากนั้นท่อนจบจะเป็น Double Stop ซึ่งจังหวะการเน้นจะเป็นการเน้นแบบ ขัดๆ ยกๆ ลองหามาฟังดู
เราจะได้อะไร : เราจะเห็นได้ว่าพื้นฐานที่พี่เอก Blackhead ใช้ นั่นก็ Box แบบ Pentatonic ง่ายๆ แต่เมื่อเราผสมโน้ตบางตัวลงไป ทำให้เสียงดูซับซ้อนและดูน่าสนใจมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดลองสังเกตการ Vibrato ของ พี่เอก Blackhead ดู ความถี่ในการสั่นสาย ที่สม่ำเสมอ จะทำให้สำเนียงการเล่นกีตาร์ของคุณดูเป็นมือโปรมากขึ้น