I Will Survive (Artist : Gloria Gaynor)
เพราะเป็นเพลงที่วงรุ่นหลังเอามาทำใหม่กันเยอะ เพลงนี้จึงมีหลายเวอร์ชั่นแต่เวอร์ชั่นที่คุ้นหูนักฟังยุคปัจจุบันที่สุดก็คือ เวอร์ชั่นร็อคที่ทำใหม่โดยวง cake
Gloria Gaynor คือออริจินัลเวอร์ชั่นครับ เธอเป็นนักร้องสาวผิวดำจากนิวเจอร์ซี่ย์ เพลงนี้เป็นเพลงสร้างชื่อของเธอ โดยไต่ถึงอันดับ1บิลบอร์ดอเมริกาและอังกฤษในปี 1978 ถ้าตัดเรื่องเนื้อหาที่โดนใจชาวสีม่วงออกไป ความน่าสนใจของเพลงนี้จะอยู่ที่ภาคดนตรีอันครบเครื่อง ครบรส ทีมเวิร์คยอด สนุกและไพเราะในเวลาเดียวกันทางคอร์ดและริธึ่มเบส กลองลงตัว ฟังแล้วคึกจนต้องแอบส่ายก้นไป2ดอก
I Love The Night Life (Artist : Alicia Bridge)
เห็นชื่อเพลงแล้วอาจจะเกิดคำถาม “เพลงอะไรเหรอ?” (ก็แหงล่ะ เกิดไม่ทันนี่เนอะ) แต่เชื่อสิว่าทันทีที่อินโทรเริ่ม คุณจะถึงบางอ้อในบัดดล เพราะนี่คือหนึ่งในเพลงที่เราได้ยินในรายการทีวี ภาพยนตร์ โฆษณา และสื่ออื่นๆอยู่เป็นประจำ หนำซ้ำยังเป็นต้นแบบเพลงป็อปขายของไทยซะด้วย เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่มาในช่วงดิสโก้กำลังพีค โดยไต่ถึงอันดับ2 ของดิสโก้ชาร์ตอเมริกา และโดดไปอันดับ5ของบิลบอร์ดโลกในปี 1978 ซึ่งจุดนี้ถือว่าไม่แปลก เพราะเพลงนี้เป็นดิสโก้ที่ผสมกับป็อปมิวสิคได้อย่างลงตัว ถ้าเสียงร้องเป็นพระเอก พระรองของละครเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นไลน์เบสที่วอล์คได้เพลิดเพลินเจริญจิต
Saturday Night Fever (Artist : The Bee Gees)
ถ้าไม่มีงานของ The Bee Gees ติด1ใน10ก็คงกระไรอยู่ อย่างว่าแหละ ถ้าไม่มี3ป๋าก็ไม่รู้วันนี้เราจะรู้จักแนวดนตรีชื่อนี้ก็ได้ เพลงนี้เป็นซาวด์แทร็คของหนังชื่อเดียวกับเพลงครับ ใช้เป็นเพลงโปรโมตเลย ด้วยความที่ป๋าทั้ง3เป็นคนขาว ตอนนั้นเพลงและหนังเรื่องและวงจึงสวนกระแสอย่างจัง เพราะปกติคนสายนี้เป็นคนดำ พอป๋าทั้ง3เดินขาวมาแต่ไกลเลยแลดูเด่นเป็นสง่าและน่าสนใจจนในที่สุดก็ดัง หนังเรื่องนี้ทำให้ The Bee Geesโด่งดังเช่นเดียวกับ John Travolta พระเอกที่ดังเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้คือ ทำให้โลกรู้จักกับคำว่าดิสโก้ เพลงนี้เป็นหนึ่งจาก 6 ซาวด์แทร็คที่เล่นโดย The Bee Gees ได้แก่ Stayin”Alive,How Deep Is Your Love, Night Fever,More Than A Woman, Jive Talkin, You Should Be Dancing ความทันสมัยของซาวด์และวิธีการเล่นคือความเก๋ของเพลงนี้ แต่ต้องมองในมุมเมื่อ30ปีก่อนนะ
Dancing Queen (Artist : ABBA)
วงนี้แหกคอกกับวงอื่นๆ นิดนึงครับเพราะมาจากสวีเดน และตัวเพลงก็มีร้องประสานเสียงแบบดนตรีคลาสสิคผสมอยู่ด้วย ABBA โด่งดังในช่วงกลางยุค 70’sมีเพลงดังหลายเพลง แต่ที่ไต่ชาร์ตได้สูงสุดก็เพลงนี้ล่ะครับ ขึ้นที่ 1ของอังกฤษอยู่6สัปดาห์แล้วก็ข้ามน้ำไปเป็นที่ 1ในอเมริกาต่ออีก1สัปดาห์ เพลงนี้เด่นที่ไลน์ร้องหลักและร้องประสาน เสียงร้องเพราะมากแล้วก็ไลน์เบสแบบที่เพลงแด๊นซ์ยุคนี้ชอบเล่นกันนั้นวงนี้เล่นตั้งแต่30ปีก่อนแล้ว
Y.M.C.A (Artist : Village People)
เกย์แบนด์ เอ้ย! บอยแบนด์วงนี้คือมหากาพย์แห่งดิสโก้ของจริงครับ ไม่เชื่อไปหาคลิปหรือภาพหรือเพลงของวงดนตรีหมู่บ้านชาวสวนวงนี้มาดูซะ แล้วจะร้องว่าน่ากลัวกว่าสีลมซอย2ร้อยเท่า!!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า80%ของคนที่รู้จักเพลงนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเพลง ส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าเป็นเพลงชาติของชาวสีม่วงและถูกใช้บ่อยๆในช่วงภาพกีฬามันส์ๆท้ายข้าวกีฬาช่อง7สมัยก่อน หากตัดเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีออก เพลงนี้คือเพลงที่มีองค์ประกอบความเจ๋งอยู่ครบถ้วน…ดนตรีเยี่ยม เนื้อร้องยอด เมโลดี้สุดๆท่อนฮุคโครตโดน ท่าเต้นโดนยิ่งกว่า สรุปคือสุดยอดครับ(แค่อินโทรก็กินขาดแล้ว)
That’s The Way(I like it) (Artist : KC and The Sunshine Band)
“แด้ด เซอเวย์ อ่าฮา อ่าฮา ไอไล้อีด”…คงไม่มีใครไม่รู้จักท่อนนี้นะ(ลูกอีป้าขายไก่ย่างแถวนี้ยังร้องได้เลย)ท่อนนี้ล่ะครับ สุดยอดท่อนฮุคในตำนานที่ฟังปุ๊ป ติดปั๊ป แถมจำได้ยันลูกบวชพระ KC.And the sunshine band ก่อตั้งในปี1970ที่ไมอามี่ อเมริกา เริ่มมีชื่อเสียงในปี1973ดนตรีของวงนี้เป็นลูกผสมฟั้งก์ อาร์แอนด์บี และดิสโก้ โดดเด่นได้เพราะความสนุกสนานและที่เขียนไปย่อหน้าแรก เพลงนี้ขึ้นอันดับ1ของทั้งชาร์ตรวมและชาร์ตอาร์แอนด์บีของอเมริกาในปี1975แม้อายุเพลงนี้จะเยอะแล้วแต่ทุกวันนี้เรายังได้ยินอยู่ตลอด แสดงว่าของเขาเด็ดจริงๆ
Copacabana (Artist : Barry Manilow)
เห็นชื่อเพลงก็คงเดาได้ว่าเพลงนี้เป็นดิสโก้ผสมละติน ถ้าเอาเพลงนี้ไปวัดกับอีก9เพลงเรื่องความล้ำ ความเล่นยาก ความคิดสร้างสรรค์ เพลงนี้ชนะใสครับโดยเฉพาะเรื่องซาวด์ที่ผ่านมา30ปีแล้วแต่ก็ยังไม่เชย กลับกันถ้าวัดเรื่องความแมส เพลงนี้แพ้ตั้งแต่ท่อนอินโทรเลยล่ะ ดึงดูดสู้เพลงอื่นๆไม่ได้เล่น Barry Manilow เกิดเมื่อปี1943เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ นักดนตรี และอื่นๆ Barry Manilow เป็นอีกหนึ่งศิลปิน ที่กวาดรางวัลจากเวทีต่างๆมาเพียบหนึ่งในนั้นคือ Best Pop Male Vocal Performance จาก Grammyเมื่อปี1979ซึ่งได้รางวัลเพราะเพลงนี้แหละ
River of Babylon (Artist : Boney M.)
Babylon หรือบาบีโลน คือปราสาทลอยฟ้าสูง100ฟุต ในนิยายโบราณ หลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกว่าปราสาทนี้ตั้งอยู่ที่แบกแดด ประเทศอิรัก นั่คือสิ่งที่ชื่อเพลงบอกไว้ เพลงนี้แต่งโดย Brent Dowe มาสเตอร์ริ่งโดยTrevor McNaughton เดิมทีเป็นของThe Melodians เคยใช้เป็นซาวด์แทร็คหนังเรื่องThe Harder They Come ตอนปี1972แต่ตอนนั้นเพลงยังไม่ดังมาก จน Boner M. เอามาทำใหม่ในปี1976 ถึงได้ดังเป็นพลุลั่น โดยเฉพาะแถบยุโรปที่ขึ้นอันดับ1เดือบทุกประเทศ เพลงนี้เป็นเพลงดิสโก้รุ่นเริ่มต้นของการใช้กลองไฟฟ้าแทนกลองจริง (ก็ตามกระแสที่ Anita Wardทำไว้ในเพลง Ring My Bellนั่นแหละ) จุดเด่นของเพลงนี้คือเสียงประสานของ1ชายหญิง3ที่ร้องกันดีมากๆลองไปฟังดู
Kung Fu Fighting (Artist : Carl Douglas)
หลายคนคงคุ้นเพลงนี้ดี เพราะนี่ก็อีกเลพงที่ใช้ประกอบนู่น นี่ นั่น เต็มไปหมด(ล่าสุดเป็นซาวด์แทร็คของหนังกังฟูแพนด้าด้วย) เพลงนี้โดดเด่นที่ภาคของการร้อง ทั้งเมโลดี้ เสียง เนื้อร้อง และการเข้าใจหาจังหวะเสียบเสียงฟีล อู้!อ้า!โอ๊ะ!ได้สนุกดีไปสังเกตกันดูนะครับ ภาคดนตรีก็ใช่ย่อย จังหวะกลองและเสียงซินธ์ช่วยให้เพลงสนุกขึ้นเป็นกองเลย Carl Douglas เป็นนักร้องชาวจาไมกันที่ข้ามมาหากินในอเมริกา เริ่มดังตอนปี1974จากเพลงกังฟูนี่แหละเพลงนี้ติดบิลบอร์ดชาร์ตของอังกฤษด้วย
Last Train To London (Artist : Electric Light Orchestra)
งานของซิมโฟนิกร็อคจากอังกฤษวงนี้ เป็นเพลงเพื่ออนาคตครับ คือ ลึก มีเครื่องสายมี Dub Sound และมีส่วนผสมของดิสโก้(ชั้นดี)รวมอยู่ด้วย เพลงนี้เป็นเพลงดิสโก้ที่ล้ำมากๆครับโดยเฉพาะไอเดียการสร้างซาวด์ของทุกชิ้นดนตรี และการใช้เชลโล่ ไวโอลิน และเครื่องเป่าในการสร้างสีสัน ไลน์เบสเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมือเบสไม่ควรพลาดครับ สิ่งที่น่าแปลกคือวงนี้ไม่เคยมีเพลงขึ้นถึงอันดับ 1 ของชาร์ตใดๆทั้งๆที่มีเพลงในชาร์ตท็อป100ท็อป40รวมกันตั้ง 27 เพลงแถมบัตรยังโซลเอาท์ทุกคอนเสิร์ตที่จัดในสนามกีฬาที่จุคนตั้ง80,000คน!!