Rapper ที่มีทั้งภาษาการเล่าเรื่อง ที่คมคาย สวยงาม และดุดันอยู่ในที กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ชายร่างใหญ่ คุณพ่อใจดี ที่เราคุ้นหน้า คุ้นตาเป็นอย่างดี ในปี 2018 สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การกระโดดออกจาก เซฟโซน การก้าวขาออกจาก ก้านคอคลับ การเดินทางครั้งใหม่กับ สถานที่ใหม่ ที่เต็มไปด้วยความท้าทายอย่าง What The Duck สิ่งใหม่ๆ ที่เขากำลังจะทำ เรื่องราว แนวคิดที่น่าสนใจจากชายผู้นี้อีกมากมาย อะไรคือแรงบันดาลใจเบื้องหลังสิ่งเหล่านั้น ติดตามได้กับ บทสัมภาษณ์นี้กับ กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ New Rapper แห่งค่าย What The Duck
ที่มาที่ไปของเพลง Alarm
กอล์ฟ : เพลงนี้เริ่มจากโจทย์ที่จะทำเพลงให้พี่ ปู พงษ์สิทธ์ ร้องครับ เพราะพี่ปูให้เกียรติบอกเราว่าจะมาร้องในอัลบั้ม ก็เลยเริ่มต้นจากโจทย์ว่าอยากทำเพลงให้พี่ปูมาร้อง จะต้องเริ่มจากเรื่องอะไร ก็เลยได้มอบหมายให้คุณ ธิติวัฒน์ รองทอง (แม็กซ์) จากวง The Darkest Romance ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของเพลงนี้ ก็ปรากฏว่าช่วงที่คุณแม็กซ์ทำเพลงมันเป็นช่วงที่เรางานเยอะมากๆ ก็เลยคิดว่าทำเรื่องนี้กันดีกว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่ยังต้องทำงานเพื่อครอบครัว ทำงานเพื่อคนข้างหลัง ก็เลยได้นำTheme ของนาฬิกาปลุกขึ้นมา เพราะจริงๆ แล้วคงไม่มีใครอยากจะตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกเท่าไร ทุกคนก็คงอยากจะหลับไปยาวๆ หลับอิ่มๆ แต่มันก็เลือกไม่ได้เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความเสียสละอย่างหนึ่งว่าเราจะต้องตื่นให้ตรงเวลาเพื่อสู้กับมัน
คำที่สะดุดใจที่ทำให้แต่งต่อ
กอล์ฟ : ผมชอบคำว่า “ไก่ขัน หรือนาฬิกาความหมายไม่ต่างกัน” มันให้ความรู้สึกเด็กกับผู้ใหญ่หมายถึงว่าเราอยู่บ้านนอกเราตื่นตามเสียงไก่ขัน หรือแม้กระทั่งสัญลักษณ์การโตเป็นผู้ใหญ่ ที่จะเปลี่ยนจากเสียงไก่ขันไปเป็นนาฬิกาปลุก ผมว่าทุกช่วงวัยมันต้องสู้ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านนอกอย่างผม หรือคนในเมืองก็ต้องสู้เหมือนกัน
ดนตรีที่วางไว้เป็นอย่างไร
กอล์ฟ : ผมเลือกโปรดิวเซอร์ไว้ 2 ท่าน กับ คุณ แม็กซ์ ธิติวัฒน์ และคุณ NINO ซึ่งทั้งสองท่านมีความถนัดต่างกัน คุณแม็กซ์จะถนัดเรื่องดนตรีสด ดนตรีเพื่อชีวิต ดนตรีร็อค แต่คุณ NINO เขาคือโปรดิวเซอร์ที่จะถนัดในเรื่องของดนตรี Hip Hop ทำให้ดนตรีสองฝั่งมารวมกันจากการนั่งทำด้วยกัน ให้มันมีกลิ่นของ Hip Hop ไม่ว่าจะเป็นพวก Groove หรือ Bass ต่างๆ แต่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ ให้มีกลิ่นเป็นแบบดนตรีเพื่อชีวิต
ติตต่อพี่ปูยากไหม
กอล์ฟ : เรื่องพี่ปูไม่ได้ติดต่อครับ แต่เป็นความบังเอิญที่เราไปทำงานชิ้นนึงให้พี่ปูในอัลบั้มใหม่ของแก แล้วเพลงได้รับการ Reject ออกคือไมได้ทำ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนมาเจอแกที่ร้าน Boytoys นครปฐม แกกำลังนั่งดื่มอยู่แล้วก็เรียกเข้าไปแล้วก็บอกว่าไม่ต้องเสียใจหรอกว่าเพลงไม่ผ่าน เดี๋ยวพี่รับปากว่าจะไปร้องให้ในอัลบั้ม หลังจากนั้นก็ขอเบอร์โทรแกไว้ วันที่จะอัดก็โทรให้แกเข้ามา
แบ่งไลน์ร้องกับพี่ปูยากไหม
กอล์ฟ : ไม่ครับ ทุกอย่างคุณแม็กซ์ผู้ประพันธ์เพลงในส่วนของพี่ปู แกเข้าใจความเป็นพี่ปูดี คือพยามหาคีย์ หาคาแร็กเตอร์ไว้ดีแล้ว และก็เขียนความหมายที่คิดว่าพี่ปูจะร้องได้คล่องกว่าอยู่แล้ว พอพี่ปูมาก็ร้องอยู่ชั่วโมงเดียว แล้วก็กลับเลย ซึ่งโชคดีที่เพลงนี้เราเองค่อนข้างอินด้วย เรื่องการส่งอารมณ์ในเพลงเลยง่าย เป็นเพลงที่ทำค่อนข้างเร็ว วันเดียวจบ
MV
กอล์ฟ : MV เป็นพี่ อั๋น ประพัฒณ์ คูศิริวานิชกร ครับ หรือ พี่อั๋น Duck Bar เก่า พี่อั๋นที่จะเรียกว่าเป็นเทพของ MVในยุคก่อน ปกติพี่อั๋นเขาไม่ได้รับกำกับเพลง เขาก็ไปทำโฆษณามากกว่า แต่ว่าเรามีโอกาสได้ไปทำเพลงโฆษณากับพี่อั๋น แล้วก็เปิดเพลงให้แกฟังแล้วก็อยากให้พี่อั๋นกำกับ ด้วยความที่แกก็มีลูกสาวเหมือนกับเรา พอแกได้ฟังก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันค่อนข้างจะกินใจคุณพ่อหลายๆ ท่าน ก็เลยอยากทำ MV แกก็เล่ามาตามในหัวว่า เห็นภาพของคุณพ่อคนนึงที่เรารู้สึกเห็นภาพตรงกัน เพราะเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราจะไม่ค่อยเอาเรื่องทุกข์ร้อนนอกบ้านเข้าบ้าน ไม่ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหนเราก็จะยิ้มแย้มแจ่มใส ก็เลยอยากจะแสดงภาพตรงนี้ ผมว่าในเรื่องจริงมันมีคนที่หนักกว่าใน MV ก็เลยรู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องของความ Real มากกว่า ไม่ได้ Dark อะไร จริงๆ เพลงนี้แค่พี่อั๋นเล่าเรื่องเราก็น้ำตาคลอแล้วนะ ผมว่าถ้าคนเราต้องแลกอะไรเพื่อจะไปถึงจุดนั้น ผมว่าหลายคนมีสิทธิ์แลกนะ ถ้าจนตรอกจริงๆ ก็ร้องไห้กับ MV ไปหลายรอบ
อัลบั้มเดี่ยวของ กอล์ฟ ฟักกลิ้ง
กอล์ฟ : ผมเปิดเผยแขกรับเชิญให้เลย นอกจากพี่ปู พงษ์สิทธิ์ แล้ว จะมีหน้า หงา คารางาน สุนทรี เวชานนท์ แล้วกำลังขอร้อง พี่ป้อม อัสนีอยู่ กะจะชิง The Guitar Mag Awards เลยล่ะ (หัวเราะ) คืออัลบั้มนี้ผมอยากจะทำงานกับศิลปินที่เป็น ครู เป็นเหมือนรากฐานของสิ่งที่เราศึกษามา
การเข้ามาอยู่ What The Duck ก้าวย่างใหม่ที่น่าประหลาดใจ
กอล์ฟ : ผมต้องเท้าความก่อนว่า ได้มีการตัดสินใจลาออกจากก้านคอคลับมาสักปีนึง ด้วยเหตุผลว่าอายุอานามเราก็เยอะแล้ว แล้วก็พึ่งพิง เฮียโจ้ (โจอี้บอย) มาตลอด ก็เหมือนกับว่าเกาะแกทำงาน (หัวเราะ) โดยที่ไม่มีผลงานเป็นของตัวเอง ทำอะไรทุกอย่างตามใจตัวเองหมดเลย เพราะอยู่กับ เฮียโจ้แล้วสบาย เพราะแกเลี้ยงดูเราดีหมดเลย ก็เลยรู้สึกว่าวันนึงอยากจะกระโดดออกมาเสียบทำอะไรที่มันเป็นของเรา เพราะเราอยากมีผลงานของเรา เราอยากลองทำดูว่าลองแล้วมันเป็นยังไง แล้วเลยขออนุญาตเฮียว่าอยากจะลองมาทำเพลง ซึ่งทางเฮีย พี่เต้ง สไปด้ามังกี้เองก็เข้าใจ ในจุดนี้ของเราก็อนุญาตเมตตาเราให้ลองได้ทำอะไรใหม่ๆ ทีนี้ก็เลยเกิดปัญหาว่าเราควรจะต้องมีทีม เพราะเราได้ลองทำมาก่อนแล้วว่า ทำให้รู้ว่าระบบทำงานหลังบ้านเราทำไม่เป็น เช่น เราจะเข้าไปหา The Guitar Mag ยังไง ส่งเพลงยังไง เราไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย บังเอิญว่า ช่วงก่อนได้มีการร่วมงานกับ The Toys แล้วก็ได้เข้าไปคุยกับ The Toys ที่ What The Duck เผอิญว่าพี่บอล Scrubb อยู่ด้วย ก็เลยได้เล่าให้พี่บอลฟัง ปรากฏว่าพี่บอลฟังแล้วน่าสนใจ เลยได้ตามพี่มอย (สามขวัญ ตันสมพงษ์) เข้ามานั่งฟังเพลงที่เรามีเพลงนี้ ซึ่งทั้งคู่ก็ได้สนใจ ในความรู้สึกของเราจริงแล้วก็มีการเข้าไปคุยหลายๆ ค่ายหลายที่ แต่ทั้งสองท่านเขาจะไม่ถามอะไรเรื่องอื่นนอกจากเพลง แล้วเรารู้สึกว่าที่นี่พอดีตัว มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แล้วก็เข้าใจคนที่เขาอยากทำเพลง แล้วก็มีทีมของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะลุย งานหนักมากนะที่ค่าย แต่ทีมเก่งมากๆ คือสุดยอดจริงๆ
ฐานทัพ Hip Hop ของกอล์ฟ ฟักกลิ้ง
กอล์ฟ : ผมว่าการที่ไม่มี Hip Hop เลยอะดีครับ เพราะเขาจะได้สนใจเรา (หัวเราะ) คิดมาแล้วครับ เกิดถ้ามี Hip Hop อื่นอีกหลายๆ เบอร์เค้าจะสนใจเราไหม นั่นนะสิครับ จะบ้าเหรอ (หัวเราะ) จริงๆ แล้ว Root ของที่นี่พอมี The Toys อยู่ หรือมีคุณ ปกป้อง จิตดี (Plastic Plastic) ผมรู้สึกว่าที่นี่ก็เป็น Source ที่ดีในการที่จะผลิตเพลง R&B หรือ Hip Hop ยุคใหม่ๆ เหมือนกัน เพราะ The Toys เองเขาก็มีความ อินใน Black Music อยู่แล้ว แล้วคุณปกป้องเองก็เป็น โปรดิวเซอร์ R&B Soul ที่เก่งมาก ก็เลยคิดว่าจะลองทำดู ส่วนจะชักชวนใครตามมาหรือเปล่า ผมว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนน่าจะดีกว่า (หัวเราะ) ส่วนอนาคตจะมีน้องๆ มาใหม่ๆ หรือเปล่าก็ค่อยว่ากันครับ ซึ่งเพลงผมยังไม่เสร็จนะ แต่มีชื่ออัลบั้มแล้ว ชื่อว่า In To The New Era ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท ชิง The Guitar Mag Awards แน่นอน (หัวเราะ)
ย้อนกลับไปที่การ Feat.กับ The Toys ในเพลง นอนได้แล้ว
กอล์ฟ : ก็เป็นการเปิดประตูอะไรใหม่ๆ เหมือนกัน เพราะ ทอย เป็นคนที่นอกจากทำเพลงแล้วก็คุยกันไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แต่ว่าทอยเป็นโปรดิวเซอร์ที่เก่ง ฉกาจมาก ก็ได้เจออะไรใหม่ๆ ที่ทอยให้มา เจอไฟเจอ กำลังใจหลายอย่างที่ให้เรา ซึ่งเป็นการเจอทอยก็เหมือนปรับความคิดใหม่ ได้ปรับวิธีการทำงานใหม่ๆ เช่น วิธีที่ทอยทำทอยคิดจาก Flow ก่อน Flow ก็คือจังหวะในการแร๊พ แล้วเพลง นอนได้แล้ว ผมให้ทอยเป็นคนควบคุมจังหวะในการแร็พของผม เขาจะบอกว่ามีเสียง ก๊อกๆ เอาแบบนี้นะพี่ แล้วเราก็เขียนตาม เว้นก๊อกๆ ให้ทอย เราก็เออ…สนุกดี เพราะเราไม่เคยทำ ก๊อกๆ แบบว่าไม่ลงจังหวะด้วยนะ แล้วทิ้งยาว อะไรก็ไม่รู้ อยากจะหยุดตรงไหนก็หยุด แบบว่า นั่นนะ!ๆ แบบนี้ละพี่ แล้วก็ลองทำ (หัวเราะ) มันทำให้เราสนุกกับการทำงานนะ หลังจากที่เราหมดไฟกับการทำเพลงมาสักพัก คือเราทำแต่เพลงโฆษณา ทำตามโจทย์ลูกค้า แต่นี่มันเหมือนน้องมันชวนเราไปวิ่งในสนามเด็กเล่น ซึ่งมันสนุกมาก
ความรู้สึกจากการได้เห็นศิลปิน ยุคใหม่กับ The Rapper
กอล์ฟ : อันนี้จะให้เราในเรื่องของพลังงาน มันก็เหมือนได้เห็นสิ่งที่เราเคยคิด เราเคยเป็น แต่เราเลิกคิดแบบนั้นมานานแล้ว แต่พอเห็นแล้วก็แบบว่า มันมีไฟ มีความเชื่อบางอย่างที่เราได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมา แล้วเราก็รู้สึกชื่นชมในสิ่งที่เขาต่อสู้ในสิ่งที่เขาทำ
การเล่าเรื่อง Hip Hop สมัยนี้ดีขึ้นไหม
กอล์ฟ : ดีขึ้นมั้ย ส่วนตัวผมว่ามันดีตามยุคสมัยของเขา เราต้องยอมรับว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป เทรนด์แฟชั่น Flow ต่างๆ หรือแม้กระทั่งชาร์ตบิลบอร์ด ก็เป็น Hip Hop ที่ไปอีกแบบนึงแล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็จะมีความดีงามในแบบยุคของเขา แต่เมื่อไรก็ตามถ้าเราเอาในยุคของเรามาตัดสินว่า เฮ้ย! ทำไมไม่เป็นแบบยุคของเรา มันจะผิดทันที เพราะเราก็คือเรา เขาก็คือเขาเพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเขาทำในส่วนของยุคเขาได้ดีที่สุดไหม ผมตอบได้เลยว่าดีที่สุด ณ ขณะนี้ จริงๆ เนื้อเรื่องที่พวกเขาเล่ามันก็ไม่ต่างจากสมัยผมนะ ชีวิต ความรัก แต่ว่าสิ่งที่สมัยนี้กล้ามากขึ้นก็คือ การพูดเรื่องสังคม และการเมือง กล้าวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ที่ผมว่าต่างจากยุคของผม
แต่การเล่าเรื่องของ กอล์ฟเองก็มาทางนั้นอยู่
กอล์ฟ : ผมเคยจะทำเพลงเล่าเรื่องเกี่ยวการเมืองนะ แต่มาถึงจุดนึงผมว่าผมเข้าใจไม่มากพอที่จะทำ พอเราไม่ลึกซึ้งพอที่จะทำ ผมรู้เลยว่ามันจะออกมา ดาดๆ ผมจะไม่สามารถลงไปลึก คือตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรอยู่ฝั่งไหน เพราะแต่ละฝ่ายก็ดูประสงค์ร้ายต่อประเทศไทย (หัวเราะ) ก็เลยไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี ผมเคยคิดนะว่าเราเข้าใจ เราอ่านจิตร ภูมิศักดิ์มา อ่านนู่น อ่านนี่ เราแม่งเข้าใจทุกอย่าง แต่ฉิบหาย เปล่าเลย มันตื้นมาก มันเขียนได้แค่แบบให้รู้สึกว่า เท่จังเลย เขียนเรื่องการเมือง เลยอยากเขียนในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจมากกว่า เช่นเรื่องชีวิตผมเอง ความเป็นพ่อคน อะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมเบาลง แต่ผมจะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจไม่ฉาบฉวย เพราะผมจะทำได้ดีมากกว่า
เล่าเรื่องในเพลงมาพอสมควร มีเรื่องที่ไหนอยากเล่าเป็นพิเศษอีกไหม
กอล์ฟ : ผมยังเขียนเพลงรักไม่เป็นนะ ใช่ คือหมายถึงเขียนไม่เก่ง เขียนแล้วรู้สึกไม่รัก ผมรู้สึกว่าคนเขียนเพลงรักเก่งๆ อย่างพี่ต้าร์ Paradox เวลาเราฟังเพลงสามมิติ แบบว่าโอ้โหชั้นเชิงเนี่ยสุดยอดเลย คือเขียนยังไงให้เรารู้สึกว่ารัก ผมว่าพี่ต้าร์เขาตกตะกอนในเรื่องนี้มากๆ
การ feat. ที่ทำให้ขนลุกมากที่สุด
กอล์ฟ : ครั้งแรกก็น่าจะเป็น Bodyslam ที่ราชมังคลาฯ ในเพลง Sticker ก็น่าจะเป็นครั้งที่ใหญ่ที่เรารู้สึกว่าใช่ที่สุด ผมรู้สึกว่ากลัว เพราะถ้าวันนั้นไม่มีพี่อุ๋ยก็คงไม่ไหว เพราะพอมีพี่อุ๋ยก็จะรู้สึกว่ามีคนข้างๆ อยู่กับเราด้วย เราก็เดินตามพี่อุ๋ยไปละกัน คือคนดูระดับ 5-6 หมื่น ผมว่ามันกดดันมากๆ ซึ่งพอผ่านมาได้ มันโอเคมากเลย ส่วนครั้งที่สองก็น่าจะเป็นกับวง Season Five กับเพลง พูดไม่คิด เพราะนี่จะเป็นการ feat.ที่ขนลุกกับยอดวิว เพราะยอดวิวสูงมาก เป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจจาก 4Share มา Youtube อย่างเห็นได้ชัด แล้วพอมา Youtube ก็คือเป็นร้อยล้านวิว แล้วเห็นชื่อเราอยู่ตรงนั้นมันก็รู้สึกขนลุกอย่างมากครับ แล้วคือหลังจากนั้นมันก็ทำให้ชื่อของเรามีคนอยากให้ไป feat มากขึ้นครับ ครั้งที่สามก็คิดว่าน่าจะเป็นกับ The Must กับการเอาเพลง องศาที่ต่างกัน มาทำเป็นองศาที่แตกต่าง ผมค่อนข้างชอบท่อนที่เขียนกับพี่ Must ถ้าเราเอามาฟังอีกทีจะรู้สึกว่านี่คือมาสเตอร์พีชของเรา มันจะรู้สึกว่าเราไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ วิธีเขียนเปรียบเปรยที่สนุกขึ้น ขึ้นต้นแล้วลงท้ายด้วยจบของมิติแต่ละตัวละครที่เราสร้างตั้งแต่ต้นใน 16 บาร์ อันนี้ยาก ผมก็รู้สึกว่าน่าจะทำได้แค่ครั้งเดียว
แนะนำหนังสือเป็นแนวทางให้น้องๆ สักหน่อย
กอล์ฟ : เล่มแรก ผมได้อะไรมาเยอะมากจากการอ่านหนังสือของ พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ครับ ตั้งแต่ซีรี่ส์ 1-7 เลย อ่านง่ายเข้าใจ และทำให้อยากจะอ่านเรื่องอื่นๆเองครับ เล่มที่สอง ผมชอบ โดราเอม่อน กับ ความ สบาย ง่าย จริงๆ แล้วมันมีเรื่องอะไรอยู่ในนั้นเยอะมากเลย กับหลายๆ อย่างที่คนเขียนทำนายว่าจะมี แล้วมันก็มีจริงๆ ในยุคนี้ คือโลกของอนาคตมันอยู่ในนี้ คือเราได้อะไรง่ายๆ จากโลกของโดเรม่อนแล้วเราสบายใจที่จะมานั่งอ่านเสมอๆ
5 คำที่เวลาแร็พสดเวลาตันๆ แล้วจะต้องใช้คำนี้
กอล์ฟ : F H E R O “ฟักกลิ้งฮีโร่ กูน่ะใครนะ”, S T A M P P I M P ถ้าเกิดว่านักสถิติเขาบอกว่าพูดคำอะไรบ่อยที่สุด ก็จะเป็น 5 คำนี้ และมันจะต้องมี S T A M P เพราะว่าผมแร็พสดกับแสตมป์เท่านั้น (หัวเราะ)
ความคาดหวังกับอัลบั้มที่จะเกิดขึ้นกับWhat The Duck
กอล์ฟ : พยามจะทำให้เสร็จก่อน ตอนนี้คาดหวังกับเวลา พยามจะทำให้เสร็จปลายปีหรือต้นปีหน้า ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังความสำเร็จว่าจะต้องเปรี้ยงปร้างอะไร อยากเห็นมันเสร็จก่อนที่จะสายไปครับ
ฝากผลงาน
กอล์ฟ : ฝาก Rapper หน้าใหม่คนนี้ด้วยครับกับอัลบั้มเดี่ยวชิ้นแรกในรอบ15 ปีที่เข้ามาวงการ Hip Hop จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ก็จะอยู่ในขั้นตอนปอกเปลือกอยู่ว่าควรจะปลอกอะไรออกก่อน แต่ก็จะพยามให้ดีที่สุดครับ
ขอขอบคุณ : เฟิร์ส what the duck ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ