วงดนตรีวงนี้ในที่สุดพวกเขาก็น่าจะได้ ทีมงานที่ลงตัวแล้ว การเดินทางของ Potato มันมีเรื่องราวมากมาย มากมายจริงๆ ทั้ง สุข เศร้า ฮา ดราม่า ข่าวจริง ข่าวลวง ข่าวลือ การสนับสนุน การต่อต้าน วงดนตรีที่ก่อกำเนิดจากสูญญากาศ ทุกวันนี้ Potato คือชื่อของวงแถวหน้าของวงการดนตรีไปแล้ว เราได้พูดคุยกับพวกเขาในหลายเรื่อง ในบทสัมภาษณ์นี้ กับเพลงใหม่ อัลบั้มชุดใหม่ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอนาคตข้างหน้าของวงดนตรีวงนี้ Potato และชาว #โกดังมันฝรั่ง
Potato และการทำงานในเพลง เท่าไหร่ไม่จำ
Potato : ทุกอย่างเริ่มที่ช่วงประมาณปี 1-2 ปีที่แล้ว พวกเราแพลนทำเพลงอัลบั้ม ”ชุดที่เจ็ด” ไว้แล้วประมาณนึง คือในส่วนเพลงมันจะมีเพลงอยู่จำนวนนึงอยู่แล้ว แต่จะมีช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่า ช่วงนี้เหมือนมีไอเดียพรั่งพรู แล้วก็มัวแต่ ”รีด” ทำเพลงใหม่ ไม่ใช่รีบนะครับ คือ ”รีด” พวกเรารู้สึกว่าเราอยากสร้างอะไรใหม่ๆ อีก ก็เลยทำเพลงออกมาอีก ล็อต นึง ซึ่งเพลง เท่าไหร่ไม่จำ ก็เป็น 1 ในล็อตของเพลงช่วงที่เรารีดไอเดียกัน เป็นช่วงที่เราทำเพลง เธอทำให้ได้รู้ ทุกด้านทุกมุม นี่แหล่ะ ที่มาที่ไปของเพลง เท่าไรไม่จำ ก็จะเป็นไปในเรื่องราวที่เราได้ประสบพบเจอกันโดยทั่วไป ที่ปกติทุกคนจะพูดว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ อะไรแบบนี้ เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นการบ่มเพาะความรู้สึกให้เรามองมุมมองความรักในเชิงแบบว่าให้ทำใจ แต่สำหรับเรา เรามองว่าคำว่าความรักมันไม่ได้ผิดอะไร ก็อย่าพยามไปโทษว่าเป็นเพราะความรักนัก หรือความรักทำให้เราเจ็บปวดนัก จริงๆ สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดคือตัวเราเองนี่แหละที่ดูแลความรักได้ไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราดูแลตัวเองกันดีแล้ว เทคแคร์ตัวเองดี เวลาเราเจอใครที่เราได้รัก ผมเชื่อว่าวันนั้นเรื่องที่มันไม่ดีทั้งหลายมันก็ไม่น่าจดจำอีกต่อไป คีย์เวิร์ดมันก็มาจากคล้ายๆ กับเรื่องสองเรื่อง คือเราไม่โทษความรัก กับเรายังเชื่อเสมอว่าคนที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ เรามีอยู่จริง
เนื้อหา ของเพลง
Potato : ก็ต้องขอยกความดีความชอบให้กับพี่โจ เหมือนเพชร อำมะระ คือตอนทำเพลงเราก็ได้เล่าเรื่องราวให้พี่เขาฟังว่า ถ้าเราเจอใครสักคนนึงที่เรารักหรือรู้สึกโอเค เราไม่อยากโกหกอะไรเขาเลย เราอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟังว่าเราเจออะไรมาบ้าง ผ่านประสบการณ์ชีวิตอะไรบ้าง หรือว่าใครที่ทำให้เราเสียใจบ้าง แต่ในใจเรารู้แค่ว่าไอ้เรื่องร้ายๆที่ผ่านมามันไม่น่าจดจำสำหรับคนที่อยู่ตรงหน้าเราในปัจจุบันก็คือทุกประโยคที่เล่ามาพี่โจสามารถนำมาเรียงเป็นเนื้อเพลงได้เลย
ดนตรี
หั่ง : เพลงนี้เริ่มจากพี่โจก่อนเหมือนกัน พี่โจเขาทำเพลงมา ก็เป็นร้องกับกีตาร์โปร่ง พอดีช่วงหลังๆ ก็จะมีน้องมาช่วยโปรดิวซ์ด้วย ชื่อน้องเบนซ์ เพราะว่าจากที่เราทัวร์คอนเสิร์ตกันบ่อยๆก็จะได้เขาช่วยทำงาน
ปั๊ป : คืองานพี่หั่งโหลดแน่นมากครับ ไหนจะเป็นทั้งคุณพ่อ ไหนจะเล่นกีตาร์ และจะต้องมารับหน้าที่เป็นศิลปินกับพวกผมอีก ต้องทำโปรดิวเซอร์ด้วย ก็เลยต้องมีพี่เบนซ์มาช่วยเป็นลูกมือ (หัวเราะ)
หั่ง : (หัวเราะ) จริงๆ ก็ไม่ใช่ลูกมือหรอก คือเราเรียกว่ามาจอยกัน ถือว่าเป็นโปรดิวเซอร์อีกคนเข้ามาช่วย เพลงนี้ก็ได้เขามาช่วยเยอะ เพราะตัวเบนซ์ก็เป็นคนฟังเพลงของ Potato มาตั้งแต่วัยรุ่นสมัยที่เขาเริ่มเล่นดนตรีใหม่ๆ จริงๆ เขามีท่วงทำนองในหัวที่เขารู้สึกแล้วว่า Potato ในแบบฉบับที่เขารู้สึกเป็นยังไง เบนซ์ก็เลยเสนอไอเดียมา ซึ่งจริงๆ ตอนที่เราฟังครั้งแรก Arrange ของเพลงที่เขาทำเป็นเดโม่มา เราก็รู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นอายในแบบที่เราคุ้นเคยกัน ก็เลยเข้าห้องซ้อมแล้วเอา เดโม่ตัวนี้มาแจมกัน คือเพลงนี้ค่อนข้างทำกันแบบไหลมาก เพราะ Pattern คอร์ดพวกนี้เราเล่นคอนเสิร์ตกันแทบทุกวันอยู่แล้ว (หัวเราะ) มันเป็นฟอร์มคอร์ดที่มีเมโลดี้ฟังง่ายท่วงทำนองง่ายและทุกคนเข้าใจง่าย เข้าห้องซ้อมเสร็จปุ๊ปก็ส่งให้ออฟฟิศที่ genie ฟัง ซึ่งทุกคนก็บอก… เพลงนี้เพราะนะ แต่ก็ยังไม่ถึงวาระของมัน
ปั๊ป : เอาจริงๆ เพลงนี้ก็คิดว่าจะไม่ได้โปรโมทแล้วนะ ผมก็คิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ขอให้เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้มละกัน เดี๋ยวคนซื้ออัลบั้มไปก็คงจะได้ยินเองอะไรแบบนี้ แต่อาจจะด้วยจังหวะและความโชคดี ก็มีหัวหน้าผมเอง พี่สันต์ (ขจรศักดิ์ ศิริรัตนพิทยากุล) เขาก็อยากเอาเพลงนี้มาทำเป็นเรื่องเป็นราวเป็นจริงเป็นจังได้ไหม ซึ่งเราก็ยินดีอยู่แล้วเพราะเราก็คิดว่าเพลงนี้คงไมได้อยู่ในอัลบั้มแล้วก็โชคดีครับก็ได้ถูกรื้อออกมาทำใหม่ (หัวเราะ)
ท่อนโซโล่ ปลิดวิญญาณ
ปั๊ป : ผมยกให้พี่หั่งเลย (หัวเราะ)
หั่ง : เอาแบบว่าตรงๆ เลยก็คือ พอเรา Arrange เพลงนี้ไปจุดนึงแล้ว คอร์ดมันวนไง (หัวเราะ) แล้วก็มีคนชอบถามทำไมพี่ไม่ทำเพลงแบบเพราะๆ หน่อย คือจะบอกว่าทำบ่อยๆ มันก็เลี่ยนเหมือนกันนะ (หัวเราะ) มันก็เลยเป็นเหตุผลว่าพอถึงท่อนโซโล่หรือท่อนแยกก็เลยขอทำการยกคีย์เป็นการแก้เลี่ยนนิดนึง (หัวเราะ)
ความลับของPotato
หั่ง : จริงๆ เพลง Potato ที่เคยฟังกันมาสมัยก่อนตั้งแต่ ปากดี, รักแท้ดูแลไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้ว ที่ได้ฟังเป็นเสียง พี่ปั๊บร้องเทคเดโม่ ซะส่วนใหญ่เลยนะ เพราะว่า พอมาร้องอัดจริงๆ แล้วฟิลลิ่งไม่ได้ หลายๆ เพลงพี่ได้ฟังจาก Potato ส่วนใหญ่พี่ปั๊ปร้องเทคเดโม่ที่เป็นเทคแรกๆ แทบจะทุกเพลงครับ รวมถึงเพลงนี้ด้วย
ปั๊ป : แต่ก็จะเหนื่อยคนทำโปรดักชั่นนิดคือบางครั้งเราก็ไม่ได้เซฟเพื่อไว้เป็นมาสเตอร์หรือนำไปมิกซ์
หั่ง : มี เพลงทิ้งไว้กลางทาง ที่จะเหนื่อยหน่อย เพราะทิ้งไว้กลางทางเสียง Noise เยอะมาก แล้วเพลงนี้ส่ง Mastering กับ Chris Lord คือผมจำได้เลยว่าผมมาเคลียร์เรื่องเส้นร้อง เพราะว่าตัวใหม่ที่อัดเอามาเทียบกันกับอันเก่าเรื่องฟิลลิ่งมันสู้ไม่ได้จริงๆ ก็เลยต้องมานั่งเคลียร์เรื่อง Data Edit เรื่องของเสียง Noise กันเยอะมาก ก็เลยทุกครั้งที่ปั๊ปจะร้องเดโม่ทุกคนก็จะเตรียมไมค์ดีๆ จริงๆ ไว้แล้วก็เก็บเสียงเผื่อกรณีฉุกเฉิน
ลุควงกระชากวัย
Potato : จริงๆ ทางวงก็ไม่ได้ยึดติดมาก ก็คือแบบไปได้เรื่อยๆ แต่เมื่อก่อนพอมันเป็นอัลบั้ม 1 ปีเราจะออกอัลบั้มนึง เดี๋ยวนี้จะเป็น 1 ซิงเกิ้ลนึงออกอัลบั้มนึง คือมันนานมากไม่เหมือนเมื่อก่อน 1 อัลบั้ม 1 ปี แล้วอีก1 ปีครึ่งก็มาออกอัลบั้มใหม่ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนลุคส์เนี่ยเป็นอะไรที่ เรารู้สึกว่าเมื่อห่างกับซิงเกิ้ลที่แล้วครึ่งปีมันก็จะเป็นทรงผมเดิมหรือเสื้อผ้าเดิมมันก็ไมได้ ดังนั้นทำอะไรสนุกๆ ดีกว่า มีแรงทำอะไรก็ทำไปสนุกสนานดีครับ
ทำไม MV ทำเป็น Stories และปล่อยใน Line TV ก่อน Youtube
ปั๊ป : จริงๆ เนื้อหาของเพลงมันตีความหมายได้หลายแบบ จะไปเลือกแบบใดแบบหนึ่งก็ลำบากใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องเลือก มันก็เลยเปลี่ยนวิธีการว่า ลองเอาเพลงนี้ไปให้คนเขียนบทละครแล้วฟัง แล้วเขาจะตีความออกมาเป็นอย่างไร ก็ได้พี่มะนาว ที่เขียนบทหนังและซีรีส์หลายเรื่อง ซึ่งพี่มะนาวก็เขียนมาแทบไม่ได้ขยับอะไรเลย คือแกก็เลือกในเชิงว่าแบบมาตามโจทย์ ที่เพลงขอนิดเดียวว่า เป็นเพลงที่ให้ความหวังกับความรักอยู่ ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังขอให้ฟังแล้วหรือดูแล้วมีความหวัง ส่วนที่ปล่อยใน Line TV ก่อนจริงๆ แล้วทาง Line ก็มาจอยกับเรา ซึ่งเราก็รู้สึกว่า เออ..น่าสนใจดีที่เขามาร่วมสนุกด้วย ฉะนั้นเรามีโอกาสได้ทำอะไรกับวิธีอื่นๆหน้าต่างบานอื่นๆ ผมว่ามันก็สนุกนะครับ มันทำให้ส่วนตัวผมเองรู้สึกว่าทุกวันนี้เพลงพอเราปล่อยทีนึงก็ฟังได้หมดเลยทุกอย่างหมดเลย แต่ที่นี้เรามองว่าอย่างน้อยก็ยังมีระยะเวลาให้เขารู้สึกว่าคิดถึงบ้าง ซึ่งตอนนี้คงได้ชมกันหมดทุกช่องทางแล้ว
ชนกับ Bodyslam !!!!
หั่ง : ก็พอดีเพลงนี้โดยหลักของเสียงแล้วเป็นคีย์เดียวกัน แล้วก็มีการ Change การ Modulateของคอร์ดอะไรตอนโซโล่แบบนี้คล้ายๆ กันแล้วก็ออกมาช่วงใกล้ๆ กัน ฟิลเพลงก็ใกล้ๆ กัน จริงๆ โทรคุยกันกับยอดอยู่นะ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกครับล้อเล่น มันเป็นเรื่องบังเอิญ เรื่องของเรื่องพวกเรา ก็โตมาในยุคใกล้ๆ กัน ฟังเพลงคล้ายๆ กัน เลยอาจจะบังเอิญมีวิธีคิดที่คล้ายๆ กับทาง Bodyslam แต่ 2 เพลงนี้ไม่ได้เตี๊ยมกันนะ (หัวเราะ)
เพลงในอัลบั้ม
หั่ง : คือความตั้งใจของเราที่ไม่ได้ออกอัลบั้มมาเจ็ดปีแล้ว แต่เราก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เราก็เก็บเพลงไปตามช่วงเวลาเพราะฉะนั้นเพลงที่มีอยู่จะเยอะมาก เยอะจนเขาจะยอมจ่ายค่ามาสเตอร์ของเราหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่มันเป็นเรื่องที่ดีตรงที่ถ้าทุกคนทีได้ฟังจะรู้ว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มี Attitudeยังไงไอเดียยังไง ผมว่าระยะเวลา 7 ปีมันกินเวลานานพอสมควรกับการเอาสิ่งที่อยู่ในความคิดของเรานั้นออกมา
ปั๊ป : คือมันเป็นอัลบั้มที่เจ็ดจริงๆ ไม่ใช่การรวมอัลบั้มแบบ เอาเพลงนี้ปล่อยซิงเกิ้ลออกมาแล้วก็มารวมกันเป็น 1 อัลบั้มแล้วเราก็มาคัดออกนะ แต่มันกลับกลายเป็นว่ารวมเรื่องราวการเดินทางทั้ง 7 ปีมีทั้งเพลงที่ไม่ได้ยิน และเพลงที่คิดว่าจะไม่ได้ออกมาใช้งาน เราก็เลยขอร้องว่า ให้มารวมกันในอัลบั้มนี้เถอะ ซึ่งก็จะมีเพลงที่เข้มข้นและเบาบางต้องรอติดตามกันครับ
ขอขอบคุณ : โอ๋ genie records ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ