นักร้องสาวตัวเล็กเสียงโต ฟิล์ม บงกช จากนักร้องสาว Diva จาก The Voice สู่เจ้าแม่เพลงละคร จนในวันนี้ที่เธอเริ่มหาตัวตนเจอ จากแนวเพลงแบบป็อปร็อค หนักแน่น สู่ความเป็น R&B และ Soul เป็นก้าวย่างที่เติบโตขึ้นของเธอ และเธอจะ “ช่วยบอกให้ชัด” มากขึ้น จากบทสัมภาษณ์นี้
เพลงใหม่ของสาวเสียงสวย ช่วยบอกให้ชัด
ฟิล์ม : ก็ถ้านับตั้งแต่เพลง ตัวปัญหา กับ ล้วงคองูเห่า ก็ถือว่าหายไปนานอยู่ คราวนี้พอเราหายไปนานๆ เราก็เลยมีการขออนุญาตพี่ฟองเบียร์ว่าอยากทำอะไรใหม่ๆ เพราะเพลงที่ผ่านๆ มาของฟิล์ม พี่ฟองเบียร์จะเป็นคนดูแลทั้งหมดทั้งเนื้อร้อง ทำนอง ก็เลยคุยกันว่าเพลงนี้เราขอทำเองได้ไหม เราอยากมีเซอร์ไพร์สและพัฒนาการให้แฟนๆ เห็นว่าเรามีส่วนร่วมมากขึ้น พี่ฟองเบียร์ก็อนุญาต ก็กลับมาคิดว่า เอ๊ะอะไรที่เราชอบล่ะ ดนตรีที่เราชอบก็คือดนตรีที่มันโยกได้ มีความ R&B ความ Soul เราก็เลยคิดว่าเราเอาความป๊อปที่อยู่ในตัวของเรามาติดกลิ่นของ Soul, R&B ให้มันฟังง่ายน่าจะดีกว่า แล้วทีนี้ใครละจะทำเพลงนี้ได้ดี ก็นึกถึงพี่ขลุ่ย บริพัตร ซึ่งเป็นคนที่ทำเพลง ภาพจำ ของป๊อป ปองกูล (คนนี้เป็นคนในทีม Old School ของพี่บุรินทร์) ด้านนักเขียนเพลงก็ได้ พี่แอ้ม อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ ซึ่งก็ทำเพลงภาพจำเหมือนกันโชคดีที่ได้ทีมงานนี้มา ขั้นตอนต่อไปก็คือเราอยากจะพูดอะไร ซึ่งฟิล์มก็มีหลายประเด็นมากมานั่งคุยในทีมแล้วก็มาถกกันว่า เราอยากพูดอะไร สรุปก็ได้เรื่องที่จะพูดมา แล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าจะโดนใจใครหลายคน โลกเราสมัยนี้สื่อสารกันง่าย คนเรามีกิ๊กกันได้ง่ายขึ้น เราสามารถใช้ชีวิตได้โดยที่เราไม่เหงาแต่เรามีคนคุย10คน หรือแบบวันนี้ฉันไปกินข้าวไปดูหนังกับคนนี้ มันทำได้และไม่ผิดด้วย ไม่จำเป็นต้องมีแฟนเลย โสดก็ได้และก็มีคนคุย10 คนด้วยก็ไม่ผิด ดังนั้นคนที่เจ็บก็คือคนที่อยากจะชัดเจนแล้ว ถ้าเขาอยากจะเริ่มไปต่อ แล้วตกลงตัวเราจะเอายังไง คือคำว่าสถานะในความรู้สึกฟิล์มมันไม่ใช่การเป็นเจ้าของอะไรนะ มันเป็นตัวบอกหน้าที่ว่าเรามีสิทธิขนาดไหน พอมันไม่มีสถานะมันทำให้หน้าที่ไม่ชัดเจนก็เลยคิดว่ามันต้องมีคนโดนไอ้ประเด็นนี้เยอะ คือในเนื้อเพลงถ้าอ่านมันจะคิดได้สองแง่ ในมุมผู้ชายก็จะตั้งคำถามว่า ช่วยบอกให้ชัดได้ไหม หรือในมุมผู้หญิงก็เหมือนถามตัวเองว่าเออ..แล้วเราบอกตัวเองชัดหรือยังว่าสุดท้ายแล้วเราต้องการให้ความสัมพันธ์มันเดินไปทางไหน
ทีมงานใหม่
ฟิล์ม : จริงๆแล้วก็รู้จัก กับพี่แอ้ม กับ พี่ขลุ่ย มาสักพักแล้ว เป็นพี่ที่เคารพนับถือกันมา บางทีมีทำเพลงไซด์โปรเจ็กต์ พี่แอ้มก็เป็นรุ่นพี่ที่ CU Band รู้จักกันมานานตั้งแต่ฟิล์มปี1 ส่วนพี่ขลุ่ยก็คุยกันมาสักพักแล้ว ว่าถ้ามีโปรเจ็กต์อยากจะลองทำกับพี่ เพราะรู้สึกว่าพี่ขลุ่ยเป็นคนรสนิยมดี แล้วเขาให้ใจกับงาน 100% มาก เพลงนี้เลยเป็นเพลงที่ฟิล์มภูมิใจมากเพราะว่านักดนตรีแต่ละคน ก็คัดตัวท็อปมาเลย ถ้าฟังไลน์ดนตรีดีๆ พวกไลน์กีตาร์หรือ Element อื่นๆ จะมีรายละเอียดมาก คือเพลงนี้มันต้องมีกำหนดเสร็จเร็วกว่าที่เราปล่อยนะ แต่ฟิลม์ขอทางค่ายว่า ให้เลื่อนไป อยากรอตัวนักดนตรีที่จะมาอัดดนตรีให้ อย่างเช่นไลน์กีตาร์ เพื่อที่จะได้งานที่ดีที่สุด ตั้งใจขนาดนั้นเลย
MV สุดแซ่บ
ฟิล์ม : ด้วยความที่เราต้องการอยากจะให้มันดูแฟชั่น เรื่องราวอาจไม่ต้องตรงมาก จริงๆ สมัยนี้เนื้อเพลงมันเข้าใจง่ายอยู่แล้ว เลยอยากให้ภาพมันสวยๆ ซึ่ง MV นี้เป็น MV แรกที่ฟิล์มได้แสดงด้วย ปกติจะมีแค่ยืนซิงค์ๆ แต่นี่แสดงนิดเดียว แต่เป็นฉากเด็ดคือยืนเฉยๆ ให้พระเอกมากอด (หัวเราะ)
จาก Pop Rock ไปเป็น Soul
ฟิล์ม : จริงๆ ฟิล์ม ชอบ Soul มานานแล้ว แต่ด้วยโจทย์แต่ละเพลงไม่เหมือนกันมากกว่า พอเพลงนี้ทางค่ายปล่อยก็เลยลองเต็มที่อยากทำไรทำ เราก็เลยลองเอากลิ่นที่เราชอบ แบบพวกจังหวะโยกๆ หน่อย เอามาใส่ในเพลงนี้ แต่ถ้าจะเอา Soul เพียวๆ เลยกลัวจะฟังยากไป เลยค่อยๆ ปรับและอยากให้เป็นเพลงที่ฟังง่ายอยู่
ก้าวย่างดนตรีของ ฟิล์ม บงกช
ฟิล์ม : ตอนนี้ยังอยากฝึกวิทยายุทธ์คะ คือหมายถึงว่าเราเพิ่งเริ่มก้าวมาครึ่งขาและก้าวมาข้างเดียวก่อน เรามีส่วนในการคิดว่าเพลงนี้อยากจะพูดอะไร มีอะไรอยากจะนำเสนอ อยากจะค่อยๆ ฝึกวิทยายุทธ์ไปเรื่อยๆ แล้ววันนึงถ้าเรามั่นใจกับผลงานเรามากพอมันก็อาจจะลงมาทำเพลงเองเต็มตัว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นหรอก ณ ปัจจุบันนี้ฟิล์มอยากจะเก่งกว่านี้และก็มีอะไรใหม่ๆ เสนอกับแฟนเพลงมากกว่า
ความคาดหวัง
ฟิล์ม : มันเหมือนเวลาเราทำงานอะไรมาชิ้นนึงแล้วอยากรู้ว่าคนเขาคิดยังไงกับงานที่เราทำจริงๆ อย่างฟิล์มอยู่ในพาร์ทของนักร้องมาตลอด เราก็จะรับ Comment ตอนที่เขาบอกว่าเพราะ หรือเสียงดี แต่เพลงนี้สำหรับ Feedback ก็คือ เฮ้ย..โดนอะ ประเด็นนี้ใช่ ฉันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นี้เลยนะ อะไรอย่างงี้มันก็รู้สึกว่าเป็นอีก Step นึงที่ฟิล์มจะค่อยๆ ก้าวไปเรื่อยๆ
เสียงในฟิล์ม : ชีวิตนักร้องของ ฟิล์ม บงกช
เรียนร้องเพลง กับครูฟิล์ม
ฟิล์ม : ฟิล์มคิดว่าการร้องเพลงเพี้ยนไม่เพี้ยนอยู่ที่หู เริ่มมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกนั้นยังไม่เข้าใจคำว่าเสียง”เพี้ยนหรือไม่เพี้ยน” จะรู้สึกแค่ว่า “เหมือนหรือไม่เหมือน” อย่างเช่นทำไมเพื่อนมันร้องไม่เหมือนพี่ ทาทาเลยวะ พี่ทาทาเขาร้องอย่างนี้ คือเราพอจะรับรู้ว่าเพี่อนเราร้องเพลงผิดคีย์ แต่เรียกไม่ถูก พอเริ่มโตขึ้นก็เริ่มเข้าใจศัพท์พวกนี้ จริงๆ เรื่องพวกนี้ มันเป็นเรื่องของหู ซึ่งวิธีฝึกก็ต้องใช้ชั่วโมงบิน พยายามตั้งใจในการฟัง แยกมันให้ออก อย่างตัวฟิลม์เอง สมมติว่าเวลาไปอัดเสียง แล้วเวลาร้องช่วงท้ายเสียงเราจะรู้สึกว่าจะจบแล้ว เราจะผ่อนแรง พอผ่อนแรงช่วงท้ายมันจะเบี้ยวไปนิดนึง ซึ่งพี่ๆ ที่เป็น นักดนตรี โปรดิวเซอร์ฟังดูจะรู้ว่ามันไม่ใช่ ซึ่งฟิล์มว่าถ้าเราฝึกวิทยายุทธ์มาสักพักแล้ว หูเราเริ่มตั้งใจโฟกัสกับโน้ตแล้วก็จะรู้ได้เองว่ามันเพี้ยน สำหรับเรื่องการรักษาเสียงก็คือพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าปาร์ตี้เยอะ อันนี้บอกตัวเองนะ (หัวเราะ) อย่านอนดึก หาเวลาพักผ่อน ตรงนี้มันเหมือนกีฬาเหมือนกันนะ ถ้าไม่ออกกำลังกายไม่วอร์ม มันคือกล้ามเนื้อมัดนึงที่มันจะไม่ได้ดั่งใจเรา ซึ่งนักร้องหลายๆ คนเป็น แบบรู้นะว่าเสียงนี้ฉันเคยทำได้และทำยังไง แต่พอไม่ได้ฝึกทุกวันหรือฝึกบ่อยๆ หรือนานๆ ไอ้กล้ามเนื้อมัดนั้นมันไม่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ ฟิล์มว่าการฝึกเรื่อยๆ มีผลเหมือนกัน เหมือนกับที่ทุกคนบอกร้องเพลงในห้องน้ำ มันได้ประโยชน์จริงๆ นะ
ร้องเพลงครั้งแรก ต่อหน้า สาธารณชน
ฟิล์ม : ร้องเพลงชาติค่ะ (หัวเราะ) รู้สึกเขินค่ะ ฟิลม์เป็นเด็กกิจกรรม เป็นเด็กตัวเล็กๆ ป.6 ที่น่าหมั่นไส้ เป็นเด็กที่ครูรัก (หัวเราะ) แล้วก็จะนำสวดมนต์ จะภูมิใจว่า เฮ้ย…มาสวดตามฉันนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นคำว่าเด็กกิจกรรมที่สมัยประถม คือทำทุกอย่างทั้ง รำ ร้องเพลงไทยเดิม นำสวดมนต์ ชักธงชาติ เราก็จะรู้สึกว่าการเป็นเด็กกิจกรรมต้องทำทุกอย่างแต่ไม่ได้โฟกัสว่าจะต้องเพลงหรือสวดมนต์หรืออ่านทำนองเสนาะไรงี้คะ ถ้าร้องจริงๆ จังๆ ก็จะเป็นร้องให้เพื่อนพ่อฟัง ให้ย่าฟังมากกว่า
บันทึกเสียงครั้งแรก
ฟิล์ม : ถ้าเป็นเพลงที่มันได้สู่สาธารณะชนเพลงแรกก็คือเพลง นางบาป ค่ะ เป็นเพลงประกอบละคร ก็คือว่าตอนนั้นอยู่ CU Band ปี 2 มีรุ่นพี่มาเขียนที่กระดานว่ารับออดิชั่น เราก็ไปลองดู ซึ่งฟิล์มก็ได้รับเลือก เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่หูฟังและมีไมค์ร้องที่ดูจริงจัง แต่หลักๆ ไม่ใช่เสียงแท้ๆ ของเราเลยนะ คือเขาบรีฟว่าให้ร้องเป็นผี ซึ่งจากนั้นเราก็ได้ร้องเป็นผีอย่างต่อเนื่อง (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นก็ตื่นเต้นว่าเฮ้ย เสียงชัดจังเลย ไมค์เขาดีจัง เราก็สนุกกับการ จุ๊ๆ ปาก กับไมค์เล่น (หังเราะ)
The Voice
ฟิล์ม : เป็นรายการที่ ฟิลม์ภูมิใจมาก อย่างฟิล์มเกิดเป็นวัยรุ่นยุค 90 ที่เกิดมาพร้อมศิลปินที่หน้าตาดีมีรูปทรัพย์และเสียงและความสามารถที่ดี เรารู้สึกว่าอย่างเราคงไม่มีทางที่ได้เป็นศิลปินหรอก คิดซะว่าเราร้องเพลง เพราะเฉยๆ ก็เป็นนักร้องห้องอัดไปละกัน ร้องไกด์ไปละกัน แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานร้องเพลง ยังทำงานประจำและร้องเพลงไปด้วย ซึ่งตอนนั้นก็มีรายการ The Voice เข้ามา ซึ่งจุดขายไม่แคร์หน้าตา อายุ ไม่สนใจอะไรเลย เราก็ไปสมัครกับเพื่อน ก็ได้เข้ารอบจน Blind Audition ก็เข้ารอบอีก ถือว่ากำไรแล้ว ซึ่งชีวิตก็ไมได้คาดหวังว่าเราจะมาตรงนี้ โอเคล่ะในใจลึกๆ อยากชนะแต่ถ้าตกรอบก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก สุดท้ายมันก็เข้าไปรอบลึกขึ้นๆ จนโชว์ที่ Success มากๆ ก็คือโชว์ พี่ชายที่แสนดี ซึ่งโชว์แรกก่อนพี่ชายที่แสนดีก็คือ กรุณาฟังให้จบ พี่โจ้ก็จะคิดโจทย์มาว่า จะเอาเพลงนี้มาทำยังไงให้น่าสนใจ พี่โจ้เลยบอกว่าต้องเอาเพลงนี้มาทำใหม่ ไอ้เราก็ทำไงดีวะ เลยต้องไปหาพี่ๆ หลายคนที่รู้สึกว่าเขาเก่งกว่าเราเรื่องอะเรนจ์ ให้เขาช่วยแล้วนั่งร้องกับเขา ซึ่งก็มีหลายคนที่มาช่วย ทำให้เพลง กรุณาฟังให้จบของฟิล์มเพลงนี้เป็นมาสเตอร์พีชเลยก็ว่าได้ ถ้าว่างๆ อยากจะขอลิขสิทธิ์กลับมาทำเป็นเรื่องเป็นราวอีกรอบ (หัวเราะ) นอกจากนั้นเรายังได้แข่งกับคนเก่งๆ อีกเยอะ ทำให้ประทับใจรายการนี้ว่าเฮ้ยมันมี คนที่ร้องแบบนี้ มันมีจอมยุทธ์ที่ซ่อนมากมาย มันก็ทำให้เราเปิดโลกกว้าง และเข้าใจว่าคำว่าร้องเพลงเพราะมันไม่ใช่แบบเดียว มันคือคนที่ร้องถึงอารมณ์ พอถึงโชว์เพลงพี่ชายที่แสนดีก็รู้สึกว่าเราคงตกรอบนี้ล่ะ เพราะทุกคนเก่งมาก เราก็รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรให้พี่ชายให้เป็นความทรงจำของเขาที่จะจำไปจนวันตายอย่างมีความสุข ซึ่งพี่โจ้ก็บรีฟว่าไม่เทคนิค ร้องให้น้อยที่สุดกีตาร์ตัวเดียว ซึ่งกลายเป็นว่าโชว์นั้นดีมาก มันเป็นความทรงจำที่ดีมากสำหรับฟิล์มและพี่ชาย กลายเป็นว่าพอเราจริงกับมัน คนฟังก็จะรับรู้ได้ เลยทำให้เราได้รับคะแนนโหวตและเข้าไปสู่อีกรอบนึง
นักร้องที่ชื่อ ฟิล์ม บงกช
ฟิล์ม : ภูมิใจคะ รู้สึกว่าโห…จริงเหรอวะเนี่ย ฟิล์มเป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วก็รู้สึกว่าเราไม่ได้สวยอะไรหรือร้องดีที่สุดในประเทศ เราแค่ชอบการร้องเพลงรู้สึกสนุกมีความสุขมาก พอมันได้มีชื่อฟิล์ม บงกช เป็นศิลปินก็เหมือนความฝัน ทุกวันนี้ชีวิตอยู่มันกำไรมาก ยิ่งพอได้เพลงระดับ ล้านวิวครั้งแรกนี่ เห่อมาก (หัวเราะ) ภูมิใจคะ รู้สึกว่าคนฟังเพลงเราเป็นล้านเลยเหรอ แล้วพอเพลงเราได้แตะหลักสิบล้านก็โอ้โห…มันคือความรู้สึกที่เจ๋งมากจริงๆ
วันนี้มีความคิดแตกต่างจากวันแรกที่เข้ามาในวงการยังไงบ้าง
ฟิล์ม : ที่ต่างก็คือว่า ฟิล์มมีความรู้มากขึ้น ได้รู้กลไกในการทำงานและข้อจำกัดการทำงานมากขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือฟิล์มมีความสุขกับการทำสิ่งนี้มาก ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าวงการ ก็จะมีความสุขกับการร้องเพลง แล้วเวลาฟิล์มได้ร้องเพลงใหม่ๆ จะชอบมาก ความสนุกตรงนี้ยังมีอยู่แล้วฟิล์มก็ได้ขยับมาใน Area ที่มันยากขึ้นเช่นตอนแรกเราอยู่ในเส้นของการร้อง ว่าจะร้องยังไงไม่ให้เหมือนต้นฉบับนะ จะดีไซน์ยังไงให้เป็นของเรา แต่ตอนนี้มันเริ่มขยับมาเรื่อง Content ว่าเราจะคุยเรื่องไรกันดี อีกหน่อยถ้าฟิล์มวิทยายุทธ์แก่กล้าแล้วก็อาจจะเขียนเนื้อเพลง มันน่าตื่นเต้นดีนะ
ฝากผลงาน
เพลง “ช่วยบอกให้ชัด” อย่างที่บอกว่าเป็นเพลงที่ถือเป็นก้าวแรกของฟิล์มที่ก้าวมามีส่วนร่วมการทำเพลงมากขึ้น เลยอยากจะฝากทุกคนด้วย ชอบหรือไม่ชอบก็จะเอาคอมเมนต์มารวบรวมและพัฒนาตัวเองหรือคิดอะไรใหม่ๆ ให้ผู้คนได้ดูได้ฟังและมีความสุขต่อไปเรื่อยๆ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วย สามารถติดตามได้ใน Youtube, Joox, Apple Music แล้วก็จะมีแฮชแท็กในทวิตเตอร์ #ช่วยบอกให้ชัด ยังไงก็เข้าไปช่วยกันเล่นหน่อยนะคะ
ขอขอบคุณ : มน me records ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ