เราอาจจะรู้จัก “ดาราวัยรุ่น” 2 คนนี้ จากซีรีส์ ที่ทั้งคู่แสดง แต่ตัวตนอีกด้านที่พวกเขาต้องการจะเป็นก็คือ “นักดนตรี“ วงดนตรีที่มีเพลงเท่ๆ วงดนตรีวงนี้มีชื่อว่า mints พวกเขามีความลึกซึ้ง ในแนวดนตรีแบบไม่ธรรมดา จาก จอภาพยนตร์สู่โลกแห่งเสียงดนตรี อัด อวัช รัตนปิณฑะ (ร้องนำ) และ ตน ต้นหน ตันติเวชกุล (กีตาร์ คีย์บอร์ด) mints วงนี้ จะน่าสนใจขนาดไหน
mints และจุดเริ่มต้น
mints : ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว พวกผมมีโอกาสได้ร่วมคอนเสิร์ตค่าย GTH ช่วงนั้นแต่ละคนก็ต้องไปเรียนร้องเพลง เรียนเต้น อัด ได้ไปเรียนร้องเพลงกับพี่โบ๊ท วงสมเกียรติ ที่ Smallroom พอเรียนร้องเพลงทำให้จุดประกายในการทำวง จนเจอได้เจอกับ ตน แล้วก็ได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องดนตรี ปรากฏว่ามันมีทิศทางการฟังเพลง ค่อนข้างจะใกล้เคียงกันมาก แล้วด้วยความฝันที่ พี่อัด มีคืออยากจะทำเพลง ร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ แล้วพอพี่โบ๊ทมาจุดประกายก็เลยเอาเว้ย เหมือนมันขุดอะไรบางอย่าง ก็เลยตัดสินใจทำวงครับ
ที่มาของชื่อวง
mints : เราอยากได้ชื่อแบบสั้นๆ ได้ใจความก็คิดกันเยอะมากเลย จนวันนึงพวกเราคุยกัน กับพี่ยิ้มวงสมเกียรติที่เป็นโปรดิวเซอร์ พี่ยิ้มก็เลยบอกให้เราลองนิยาม ทำให้มันเป็นเบสิก ก็คือเรานิยามสีของแต่ละคน พี่อัดก็จะเป็นสีน้ำเงิน แล้ว ตน เป็นสีเหลือง ก็เลยรวมกันเป็นสีเขียว แต่ว่าเขียวอะไรดีพวกเราก็เลยมาดูในเฉดสีเขียวมีชื่ออะไรบ้าง แล้วพี่ยิ้มก็เลยจิ้มคำว่า mints ซึ่งเราก็ OK ชอบ แล้วชื่อนี้ก็คือฟังแล้วมันเย็นสบาย มันก็เข้ากับแนวเพลงที่เราทำอยู่ ต้องบอกก่อนว่าชื่อเพลงได้มาตอนที่เพลงแรกกำลังจะเสร็จแล้ว เราเห็นภาพว่าเพลงมันเป็นยังไง พอได้ชื่อ mints มามันก็เข้ากับเพลงที่เราทำ ชื่อวงของเราจะสะกดตัวเล็กหมดเลย mints แทนตัวเราทั้งสองคน ว่าพวกเราก็เป็นศิลปินเล็กๆ ในวงการ และที่มี s ก็คือเรามีสองคนครับ
ทำไมถึงเลือกค่าย What The Duck
mints : มันเริ่มมาจากการที่พอเราทำเพลงมาถึงเพลงที่สามเราเริ่มรู้สึกว่า เราเริ่มเหนื่อย ด้วย ตน กับ ผม ก็ยังเรียนอยู่ แล้วตลอดเวลาสามเพลงที่เราปล่อย เราทำเองทั้งหมด แล้วเวลามีสอบกันทีนึงแพลนทุกอย่างมันถล่มทลาย ทำให้เราเหนื่อยมากเลยอยากจะมีคนมาช่วยดูแลเรา ก็เลยคุยกันว่าโอเคเราถึงเวลาแล้วนะที่ต้องมี ค่าย พอทำเพลงเองมันมีเรื่องค่าใช้จ่าย หลายๆ เรื่องเลย หากทำผลงานออกมาแล้วมีค่ายซัพพอร์ตยิ่งจะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้น ทำให้ mints สามารถไปได้ไกลขึ้น เพราะเรายิ่งทำเป้าหมายก็ยิ่งชัดว่าเราอยากทำอะไรกันแน่ เริ่มแรกเราก็มาจากความฝันของเราเอง ซึ่งก็ลองผิดลองถูกกันถ้ามันไม่ดังไม่เป็นไร แต่พอทำไปเรื่อยๆ ปุ๊ปมันก็เฮ้ย เราเห็นชัดขึ้น ว่าเป้าหมายเราคืออะไร เราอยากจริงจังมากขึ้น เรารู้สึกว่าการที่มีคนซัพพอร์ตเราน่าจะเป็นสิ่งที่ดี โดยเริ่มแรกทาง What The Duck ได้ติดต่อมา เราก็ดีใจมาก พอได้เริ่มคุยแล้ว หลายๆ ทางให้รู้สึกเราอยากเดินไปกับเขา แบบว่า Attitude ตรงกัน ก็รู้สึก OK ดีใจที่เขาสนใจเรา
เพลงเย็นๆ แบบ mints
เหลือ
mints : ที่มาของเพลง “เหลือ” ตอนนั้นเรากำลังคิดว่าเราอยากจะเล่าอะไรในตัววง ก็คือเราสองคนกำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าในช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นมันมีอารมณ์มากมายเกิดขึ้นการที่จะเติบโตขึ้นไปมันจะเจอกับอะไรบ้าง บางครั้งเราไม่ได้เข้มแข็ง แต่เราก็อยากจะเข้มแข็ง เพลงแรกมันเลยเป็นเพลงที่เรามองโลกในPositive มันเป็นเรื่องของการที่เราเลิกกับแฟน แต่ความจริงเราคิดถึงเขา แค่ไม่มีเขาในวันนี้ไม่เป็นไร เพียงแค่มีเขาในความคิดก็พอแล้ว คือมองโลกในแง่บวกครับ จริงๆ เพลงนี้และทุกๆ เพลงของ mints จะสังเกตได้ว่าตัวละครจะมีความสับสนบางอย่างกับการเป็นวัยรุ่น คือคนทุกคนก็ต้องมีความสับสนว่าเราจะไปทางไหนดี ฟังแล้วก็อาจจะยังสรุปไม่ได้ว่าจะไปยังไงต่อ มันเหมือนช่วงเวลานึงของพวกเรา เรามีเป้าหมายเราอยากจะเป็นแบบนี้นะ แต่ในช่วงเวลานี้เราทำไมได้หรอกมันเลยเป็นความย้อนแย้งตัวเองสำหรับวัยรุ่น ซึ่งเราก็เลยอยากจะเล่าสิ่งที่พวกเราเจออยู่ในช่วงเวลานี้ครับ แล้วด้วยความที่เป็นเพลงแรกและภาพของวงมันต้องชัด เราก็เลยต้องขลุกกับมันอยู่นานมาก อย่างที่บอกว่าแก่นสุดท้ายคือ เราอยากได้ดนตรีที่ฟังสบาย แล้วก็โยกตามได้ ดนตรีในเพลงนี้เกิดมาจาก ตน เล่นกีตาร์แล้วพี่อัด Improvise ซึ่งฟังเวอร์ชั่นแรก คนละเรื่องกับที่ฟังเลย (หัวเราะ)ตอนแรกก็จะมีความร็อคด้วยความที่ ตน เป็นสายร็อคมาก่อน แบบว่าคนละเรื่องเลย จะดิบๆ เป็นกีตาร์โปร่งกับร้องมันจะมันส์กว่าที่ได้ฟังนิดนึง ส่วนพวกเสียงกลองก็จะเป็น ซาวด์ที่พี่ยิ้มมาช่วยเลือก แต่เขาจะให้เราฟังก่อน เหมือนเขาจิ้มเล่นให้เราดู ว่าอันนี้ชอบ อันนี้ไม่ชอบ มันเหมือนเราออกความเห็นร่วมกัน ว่าแบบอันนี้โอเคไหมอันนี้ไม่ชอบ ถ้าคนนึงไม่ชอบเราก็ต้องหาตรงกลางว่าแบบ เฮ้ยทำไมถึงไม่ชอบแล้วตรงกลางมันคืออะไร ด้วยการที่เราทำกันสองคน มีพี่ยิ้มเป็นสามเพราะฉะนั้นหนึ่งเสียงมันมีความหมายมากนะ คือเราก็ต้องฟังกันหมดเลย คือเหมือนกับผมกะพี่อัดมันมีสิ่งที่อยากจะทำและไอเดีย แต่เหมือนกับว่ายังไม่มีใครช่วยตบให้มันเข้าให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งพี่ยิ้มเป็นคนนั้นที่มาช่วยครับ
ไม่ง่าย
mints : เพลงนี้ก็ยังทำยากอยู่ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นอีกสีหนึ่ง อีกกลิ่นนึงของ mints มันเป็นเพลงช้าด้วยเนื้อหามัน ที่มันจม ดิ่ง กว่าเรื่องแรก เนื้อเพลงก็เขียนยากขึ้น ซึ่งเพลงที่สองลังเลมากเลยว่าจะทำไง เพราะเหมือนกับว่าหมัดแรกมาแล้ว หมัดต่อไปจะทำยังไง แต่สุดท้ายเราก็ทำให้มันต่างจากเพลงแรก เพลงแรกจะเป็นซินธ์ฯ นำ แต่เพลงที่สองจะเป็นกีตาร์นำ มันก็จะมีความแตกต่างตรงนี้ที่ชัด ที่เราตัดสินใจว่าเพลงที่สองอาจจะเปลี่ยนแนวทาง เพราะเรารู้สึกว่า เออ…ไหนๆ เราก็ลองทำอะไรดีกว่า เรายังเป็นวงใหม่ อยากจะใช้ช่วงนี้ทดลองว่าวงเราจะไปทางไหนได้บ้าง
ยังไงดี
mints : เพลงนี้ที่มามันมากจากว่าเราอยากมีเพลงเร็วขึ้น คือเราทำมาสองเพลงก็เริ่มมองแล้วว่าใน EP. ของเราอยากมีเพลงสไตล์ไหนบ้าง ตอนนี้เราขาดเพลงอะไรอยู่ เราก็เลยตัดสินใจที่จะทำเพลงเร็ว ก็เป็นเพลงที่สนุกสุดใน EP นี้ โดยเพลงนี้ก็อยากจะได้เต้นมากขึ้น แล้วภาคดนตรี อย่าง Rhythm ก็ต่อยอดมาจากเพลงแรกซึ่งเพลงนี้ก็จะมีกีตาร์โซโล่ และพี่อัดก็กำกับMVด้วย
MV
mints : ตัวแรกจะมีคนมาช่วยกำกับให้แต่ตัวที่ 2-3 เราทำกันเองเลย หานางเอกเอง (หัวเราะ) คนรู้จักกันนี่แหละ พวกไอเดียก็จะเป็นพี่อัด เพราะเขาก็ทำงานเบื้องหลัง คอยทำงานด้าน MVและ Art อยู่แล้ว ซึ่งก็ได้อย่าง อิมเมจ มาเล่นให้ด้วย น่าจะถูกใจหลายๆ คน (หัวเราะ)
ตอนนี้หลายๆ คนที่เป็นแฟน ซีรี่ส์ ของพวกเราที่เห็น ทั้งคู่มาทำเพลงแล้ว เขาว่ายังไงบ้าง
mints : ก็ยอมรับว่ามีทั้งคนที่ชอบและเฉยๆ บ้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ให้การสนับสนุนเราเต็มที่ แต่ละคนก็ชอบเพลงไม่เหมือนกันจากรสนิยมในแต่ละคน
กับพี่ๆ สมเกียรติ
อัด : ตอนผมเริ่มร้องเพลงกับพี่โบ๊ท ก็ได้มีโอกาสได้เจอพี่ๆ ในวง ซึ่ง พี่ๆ ก็พาเราทั้งคู่ไปเจอบุคคลอื่นๆ ในวงการเพลงมากมาย ซึ่งก็เหมือนการเปิดโลกเข้าสู่วงการดนตรีแบบจริงจัง เราได้คุยกับพี่ๆ หลายวงมาก เพราะฉะนั้นก็เปรียบเสมือนเราได้เข้าไปอยู่โลกดนตรีมากขึ้น เราได้รับ Feedback จากนักดนตรีหลายคนมากๆ แล้วก็ตลอดการทำงานกับพี่ยิ้ม หรือ พี่โบ๊ท ก็เหมือนการไปเข้าค่าย เราไปเทรนกับเขา เขาสอนหลายๆ อย่างให้กับเราในการทำงานตรงนี้ มันเป็นจุดสำคัญที่จะบอกว่าวง mintsเกิดเพราะเราสองคนไม่ได้ ต้องบอกว่ามันต้องมี พี่ยิ้ม พี่โบ๊ทด้วยที่ร่วมสร้างเราขึ้นมา ซึ่งพวกเขาก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้วงเรามาถึงตรงนี้
Corner : mints
ต้นหน และ กีตาร์
ตน : สำหรับผมกีตาร์แจ๊ซยากครับ ผมสอบเข้าศิลปากรเลยได้เรียนกับครูกอล์ฟ ทีโบน เขาเป็นคนที่บอก หรือ ขู่ ก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ก่อนเลยว่าเรียนแจ๊ซนี่เหมือนเรียนหมอของดนตรีเลยนะเพราะว่ามันเป็นรากฐานของดนตรีหลายๆ อย่าง เขาก็ขู่ไว้ก่อนเลยว่าจะเรียนจริงๆ เหรอ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งท้าทายครับ คือผมชอบทำสิ่งที่ท้าทายกับตัวเองมันทำให้พัฒนาตนเอง แล้วคือแจ๊ซมันตอบโจทย์ คือถ้าจะให้เข้าไปเรียน ป๊อป-ร็อค ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ท้ายทาย ก็เลยเลือกเรียนแจ๊ซครับ ตอนนี้เล่น Outside ก็พอได้ครับ พวก Altered Scale ก็พอได้อยู่ กีตาร์หลักๆ ที่ใช้ตอนนี้ก็จะเป็น Semi Hollow ครับเป็น Epiphone Sheraton ไว้สำหรับเล่นแจ๊ซ แต่ถ้าอยากเล่นร็อค ก็จะ Fender Jim Root Tele อีกหนึ่งตัวครับ ส่วนมือกีตาร์ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ไอดอลผม คือ Slash ครับ พ่อผมฟัง Guns N’ Roses ก็อย่างที่บอกผมเป็นสายร็อคมาก่อน (หัวเราะ) โซโล่ที่ชอบมากๆ เลยก็ Sweet Child O Mine แต่ถ้าปัจจุบันนี้ผมก็ชอบ Joe Pass แต่ยังเล่นไม่ได้เท่าเขานะครับ ก็พยามอยากเล่นให้ได้ ถ้าเป็นวงดนตรีที่ชอบก็ 25hours ครับ
อัด หนังและเพลง
อัด : ถ้าเพลงที่ผมชอบตั้งแต่เด็กจนโตเลยคือ เรื่อง แฟนฉันจริงๆ ทั้งอัลบั้มเป็นเทปม้วนแรกที่ผมซื้อในชีวิต เป็นเพลงประกอบอัลบั้มของค่ายครับ ตอนนั้นประมาณ 6 ขวบ เป็นหนังเรื่องแรกที่ดูในโรง ส่วนตัวผมเป็นคนชอบฟังเพลงเก่า ยุคนั้นก็จะเป็น พี่แหวน ธิติมา, จั๊ก ชวิน เพลง รักครั้งแรก เป็นเพลงภาพยนตร์ที่ผมชอบจริงๆ ส่วนเพลงฝรั่งที่อินๆ ก็จะมี Lost Star จากเรื่อง Begin Again ครับ ส่วนนักร้องที่ชอบเป็นพิเศษ ชอบ Tom Misch สายร้องแบบกรู๊ฟๆ แจ๊ซๆ แล้วก็ Daniel Caesar แบบ R&B หรือถ้าเป็นยุคเก่าก็ Michael Jackson ผมจะชอบนักร้องสายคนดำสักหน่อยครับ
ความคาดหวัง
mints : ก็ไม่ได้คาดหวังสูงขนาดนั้น แต่ก็อยากให้มีคนร้องเพลงเราได้ พอมีคนเราจักเพลงเราไม่ต้องกลุ่มใหญ่ก็ได้ แต่อยากให้เป็นกลุ่มที่ตั้งใจจะเสพ เพลงเราจริงๆ และเห็นเราเป็นศิลปินจริงๆ ทุกวันนี้ถ้าเราทำเพลงออกมาแล้วมีความสุขกับมัน เราเต็มที่กับมันแล้ว ผมว่ามันคือความสุขอันนึงที่เราได้รับ ผลพลอยได้คือการที่เพลงออกไปแล้วคนชื่นชอบมีคนเอ็นจอยและมีความรู้สึกอะไรบางอย่างกับเพลงเรา แค่นั้นเราก็มีความสุขกับผลงานของเราแล้ว
ฝาก
mints : ฝากวง mintsด้วยนะครับ พวกเราก็ตั้งใจทำและอยากจะลุยในเส้นทางดนตรีกันจริงๆ ด้วยความฝันของเรา ถ้าชอบไม่ชอบก็ติชมกันได้ แต่ก็อยากให้เปิดใจรับฟังวงน้องใหม่กันด้วย เพราะพวกเราก็ทำกันเต็มที่ครับ
ขอขอบคุณ : เฟิร์ส / วิ What The Duck ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ