เทพเจ้ามือเบสร้อยวง ฉายานี้ไม่ได้เพราะโชคช่วย นักดนตรีแบบนี้ มีอยู่ สองอย่า เก่งมากไปเลย จนใครๆ ต้องเรียกหา กับ มั่นใจตัวเองมากๆ มีไอเดียและไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ นานๆ แล้วถ้าคนๆ นั้น เป็นทั้ง 2 แบบล่ะ เราจะว่ายังไงดี หนึ่งในนักดนตรีระดับตัวพ่อของบ้านเรา มือเบสวง Pause อย่าง นรเทพ มาแสง เป็นมือเบสที่ คุณสามารถคาดหวังงานดีๆ มีคุณภาพจากเขาได้ แต่ข้อแม้คุณต้องยอมรับได้ในสไตล์ของเขา และพี่ นอ ก็เป็นแบบนี้มายาวนาน การทำผลงานใหม่ อย่าง จันทราบันเทิงศิลป์ Big Band 13 ชีวิต ในยุค EDM Hip Hop ครองเมือง มันเป็นอะไรที่แหวกกระแสแบบสุดๆ แน่นอน เขาคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาถึงทำ และอีกหลากหลาย ทัศนคติดนตรี ที่เราการันตีว่ามีประโยชน์สุดๆ กับทุกเรื่องที่คุณรู้ ยังไม่รู้ และควรจะต้องรู้กับมือเบส คนนี้ นรเทพ มาแสง
โปรเจ็กต์ของนรเทพ
นรเทพ : ใช้ชื่อว่า นรเทพ มาแสง กับคณะจันทราบันเทิงศิลป์ คือผมทำเพลงเก็บไว้เรื่อยๆ ด้วยความที่เป็นคนทำเพลงอยู่แล้วตั้งแต่สมัย Crescendo คือผมยังเชื่อว่าการทำเพลง ถ้าเราทำเพลงให้ดีเพลงเดียว มันจะกดดัน ต้องทำให้เยอะๆ จนมันติดสักเพลงนึง พอทำปุ๊บเนี่ยก็อัดเดโม่เก็บไว้คุณบอสก็มาอัดกลองทิ้งไว้ด้วย ทีนี้เมื่อ Crescendo ไม่ได้ไปต่อ มันก็เหลือเพลงค้างๆ ไว้เยอะ เสียดาย เพราะมันเป็นเพลงที่เราชอบและเป็นจังหวะที่เราอยากเล่น คราวนี้พอมาถึงช่วงนึงที่รู้สึกว่าการทำงานเพลงง่ายขึ้นเพราะสมัยนี้อุปกรณ์มันช่วยเยอะขึ้น เราก็รื้อเพลงพวกนี้ออกมาและไปเจอกับเพื่อนเก่าๆ สมัยทำวงประกวดโค้กมิวสิคอะวอร์ดด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอาจารย์บ้าง ตอนนั้นก็ใช้ชื่อคณะจันทราบันเทิงศิลป์เหมือนกันนี่แหละ ก็เลยชวนเพื่อนเก่าๆ มาบอก เฮ้ย!! เรามีเพลงเรามีไลน์กลองที่อัดไว้แล้ว ละก็เนื้อร้องทำนองที่เขียนไว้แล้ว เบสก็ไม่ยากมันจิ้มกับคอมอัดที่บ้านได้ ส่วนกีตาร์ก็มีน้องๆ ช่วยกันอยู่แล้ว แต่จะซีเรียสเรื่องเครื่องเป่ามากกว่า เพราะผมไม่มีความรู้ พอดีมีเพื่อนโผล่มาคนนึง เพื่อนคนนี้มันจบเอกแซ็กโซโฟนแล้วชำนาญในเรื่องนี้ แล้วเขามีห้องอัดร้องง่ายๆ อยู่ในบ้าน เขาบอกสามารถไปใช้ได้เลย คือถ้าอัดเครื่องเป่าอัดได้ เราก็เลยไปลองดูสักซิงเกิ้ล ไปๆ มาๆ ชักเริ่มสนุก และเพลงที่ออกมามันเป็นแบบที่เราชอบ ซึ่งคิดว่าบ้านเราไม่น่าจะมี ก็เลยทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจะเลยเถิดเป็นอัลบั้ม มันก็น่าสนใจนะ เพราะซีดีมันเริ่มไม่มีแล้ว อยากขอเป็นล็อตสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีซีดีละกัน
ความรู้สึกเหมือนกับเลี้ยงรุ่นหรือเปล่า
นรเทพ : ไม่เชิงครับ เพราะจริงๆ คนที่มาทำต่อ มีแค่สามคน มีคนเป่าแซ็ก อีกคนเป่าทรัมเป็ตเป็นรุ่นน้อง เป็นอาจารย์อยู่อัสสัมชัญ ส่วนที่เหลือจะเป็นนักดนตรียุคใหม่ นักร้องก็เป็นคนใหม่ คนเก่าๆ เขาก็เลิกไปหมดแล้ว ผมแค่ไปส่งข่าวว่าแค่ยืมชื่อวงมาใช้นะ แล้วอย่างมือกลองหลังจากประกวดโค้ก ก็ไปเป็นมือกลองบ๊อกเซอร์อยู่ ซึ่งต่อมาเป็น Zeal ซึ่งตอนนี้เขาก็ไปอยู่ภาคใต้เป็นครูขึ้นมาไม่ไหวแล้ว บางคนก็เป็นอาจารย์มหา’ลัย อย่างนักร้อง หลังจากจบเขาก็ไปจอยกับโยคี เพลย์บอย และเป็นคนแต่งเพลง “คืนนี้ขอหอม” เป็นคนทำเพลงอะไรเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้ก็เป็น อาจารย์อยู่ที่ราชภัฎแปดริ้ว มือคีย์บอร์ดก็เลิกไปแล้ว เป็นครูสอนเปียโน ก็ตามยากแล้ว จะมีแค่ทีมเครื่องเป่าสามคนที่มาทำต่อกับเรา เพราะอีกอย่างพวกเครื่องเป่าความใฝ่ฝันก็คือเขาอยากเล่น Tower Of Power, Blood Sweat And Tears ซึ่งวงพวกนี้บ้านเราแทบไม่มีแล้ว เพราะว่ามันต้องใช้ท่อน้ำเลี้ยงเยอะ คนเยอะ ในแต่ละการโชว์ ถ้าหารกันมันจะเหลือน้อย มันไม่มีใครทำ จริงๆ ก็เหลือแค่พวก Groove Raiders, Soul After Six มั้งครับ เราก็เฮ้ย! ถ้าเราไม่ทำ มันก็ไม่มีใครทำแล้วนะ พอดีคนพวกนี้อยู่ในจุดที่มันไม่ได้ทำมาหากินกับเรื่องนี้แล้ว เพราะเขาทำมาหากินกับเรื่องอื่น แค่มาเสาร์-อาทิตย์มาสนุกกับเพื่อนฝูงไปด้วยกันอะไรแบบนี้ครับ ซึ่งวงตอนนี้มี 13 คน เยอะจัด ไม่มีคนจ้าง (หัวเราะ)
แนะนำเพลงสัก 2-3 เพลงหน่อยครับ ของจันทราบันเทิงศิลป์
นรเทพ : ก็มีอันที่เสร็จใหม่ๆ เพิ่งปล่อย ชื่อว่า “คำถาม” ที่คุณเก้งแต่งไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ใน Crescendo ใหม่ๆ สมัยอยู่สนามหลวง ซึ่งจริงๆ ผมแต่งเพลงไว้เยอะมาก รวมถึงเพลง “พลาดโอกาส” ก่อนหน้านี้ ก็อยู่ในเดโม่รอบแรก แล้วก็เพลงที่พี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ แต่งให้แต่ยังไม่ได้ออกมา แต่เราเลือกเพลง “รักเธอไปก่อน” มาทำตอนนั้นกับทางสนามหลวง เก้งเขาก็ร้องทิ้งไว้ตั้งแต่เขายังหนุ่มๆ (หัวเราะ) คือมันเหมือนการปัดฝุ่นเอาเพลงเก่ามาทำให้เสร็จ ผมก็เลยต้องขออนุญาตเขาก่อนว่าจะเอาออกมาใช้นะ เขาก็ไมได้อะไรมาก บางอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบแล้วเพราะความคิดเปลี่ยนไปแล้ว แต่เราก็คิดว่าเพลงเหล่านี้มันดีแล้วก็เลยเอามาสานต่อ
จันทราบันเทิงศิลป์ เพราะถ้าปล่อยไว้ มันก็อาจจะเคว้งคว้าง
นรเทพ : คุยกับคุณโก้ แซ็กแมนไว้เขาก็รับปากกว่าเขาจะบวกไปด้วย กับงานแจ๊ซที่ดีลกับเซ็นทรัลอะไรก็ไม่รู้นะ คือเขารับปากไว้แล้ว (หัวเราะ) แต่ผมก็เข้าใจว่าวงมันเยอะ แต่เขาก็บอกเฮ้ย! เขาก็ชอบ ซึ่งเค้าก็ขอไปกับเราด้วย กับอีกอย่างที่ไปได้ก็คืองานประเภทที่เกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งผมทำอยู่แล้ว รุ่นพี่รุ่นน้องที่เรียนประสานมิตรด้วยกัน เอกดนตรี ก็จะอยู่ในมหา’ลัยดนตรีทั่วประเทศเลย ม.มหาสารคามบ้าง ม.นเรศวรบ้าง เขาก็จะเชิญเราไปพูดอยู่แล้ว หัวข้อหลักๆ ก็คือจบดนตรีไปแล้วทำงานอะไร? อาจารย์เขาไม่ได้สอนเรื่องนี้ เหมือนแนะแนวอะไรแบบนี้ เชื่อไหมว่านักศึกษาตอบไม่ได้ ว่าจบแล้วไปทำอะไร? เล่นกลางคืนก็ อ่าวก็เล่นอยู่ แล้วมาเรียนทำไม คืออาชีพทางสายดนตรีมันมีอะไรบ้าง แล้วทำยังไงถึงเข้าไปอยู่ตรงนั้น อันนี้เป็นเรื่องที่ผมไปพูดตามมหา’ลัย พอไปถึงเนี่ยเราก็เลยบอกว่ามีวงนะ ให้วงโชว์ไหม? ทีนี้ถ้าวงมีหลายเครื่องนี่ ”Workshop ได้นะ คือถ้าสองวัน มีคนเป่าทรอมโบนนะ เก่งนะ Workshop กับน้องที่เป่าทรอมโบนไหม ก็จะบวกไปกับการ Workshop ไปด้วยและการโชว์ดนตรีนิดหน่อย แต่ถามว่าร่ำรวยไหม ไม่เลย (ยิ้ม)
ความคาดหวัง
นรเทพ : จริงๆ ผมคาดหวังมากนะครับ ผมรู้สึกว่า ณ ปัจจุบัน ดนตรีบ้านเรามันเป็นกลุ่ม Segment เล็กๆ เยอะขึ้น ก็จะเป็นอย่าง กล้วยไทย, ดีเซมเบอร์ เขาก็มีสังคมของเขา อย่างคนที่ชอบฟัง EDM แฟนคลับเบเกอรี่ คนฟังลูกทุ่งกลุ่มใหญ่หน่อย คือมันไม่ได้ใหญ่แบบคาราบาวที่มีคนฟังทั้งประเทศที่จะกลุ่มใหญ่หน่อยก็บอดี้สแลม ซึ่งข้อดีของมันคือทำให้ผู้ผลิตมีทางเลือกที่จะผลิตงานตัวเองและช่องทาง Support ได้ คนฟังก็มีทางเลือกดนตรีได้หลากหลายมากขึ้นเพียงแต่ว่าเราอยู่ในยุคเริ่มต้นของกระบวนการนี้ ฉะนั้นการที่เรามีคนฟังกลุ่มนึงและค่อยๆ ขยายฐานไปมันทำให้แข็งแรงได้ สังเกตจากวง Pause ที่ไม่ได้เป็นวงใหญ่ ไม่ได้เป็นวงดัง แต่ไปเล่นที่ไหนก็ยังมีกลุ่มคนชอบเพลงเบเกอรี่เก่าๆ ก็ยังสามารถ Support เราได้อยู่ ซึ่งสิ่งที่เราคาดหวังคือถ้าเราทำแบบนี้ละนึกถึงว่าเป็นวงฟังกี้ โซล บิ๊กแบนด์ ภาษาไทย ใครชอบก็จะตามๆ เข้ามา มีเพื่อนคนนึงพูดไว้ให้พี่คิดถึงร้านขายรองเท้า ถ้าพี่ขายรองเท้าสำหรับคนเล่นโบว์ลิ่งมันก็จะถูกย่อยลงมาแล้วคนกลุ่มนี้ก็จะหันมามองที่เราชัดขึ้น พี่ขายรองเท้าคนเล่นโบว์ลิ่งที่ถนัดซ้ายเท่านั้น คราวนี้มันก็จะเริ่มน้อย แต่ว่าคนที่เป็นกลุ่มนั้นเขาก็จะอยู่กับเราได้แน่นอน
นรเทพ และเรื่องราวดนตรีแบบเทพๆ
พี่นอ และ โซเชียล
นรเทพ : ผมพยายาม Live ครับ แต่ก็ผิดหวังมาตลอดเพราะคนไม่ค่อยดู (หัวเราะ) เป็นคนที่เล่นนะ แต่เล่นไม่เก่งไม่รู้มันจะเล่นยังไง อีกอย่างที่ผมเจอนะมันรู้สึกเหมือนเปิดประตูบานใหม่เลย คือเรื่องเขียนหนังสือเชื่อมั้ย เวลาผมเขียนบทความอะไร คนตามอ่านเยอะมาก แล้วคนดันบอกว่าชอบอ่าน ผมเขียนเรื่องโจ้บ้าง เรื่องตลกโปกฮา เรื่องไอ้เฟนท์บ้าง คนขับรถตู้บ้าง ปรากฏว่าคนชอบอ่าน แล้วผมก็ดันเป็นคนชอบเขียนด้วย ก็เลยเขียนเรื่องนี้เยอะมากขึ้น เลยจะทำหนังสือด้วยนะครับ หนังสือเรื่องการเดินทางของเบสร้อยวง เสร็จแล้ว ตอนนี้ทางค่ายก็กำลังดำเนินการอยู่ จะทำยังไง เป็นเรื่องเกี่ยวกับผมและวงพอสเหมือนหนัง แบบว่านักศึกษารวมตัวกันเหมือน Suck Seed เลย แต่ตอนท้ายจบด้วยนักร้องนำเสียชีวิต ที่เป็นเรื่องดราม่าจนกลายมาเป็นเรื่องจริงประมาณนี้ครับ
คนเกลียดเบส?????
นรเทพ : ผมไม่คิดจะเล่นเลย ไม่อยากเล่นเบสด้วย อยากเล่นกีตาร์อยากเป็นพี่เล็กคาราบาว อยากใช้กีตาร์ตัวสีเขียวของเขา แล้วก็ตัวที่เป็นดอกไม้คล้ายๆ Ibanez คือชอบ Yngwie, Nuno, Mr.Big ไม่เคยอยากเป็นมือเบส คือซ้อมกีตาร์จริงจังมากแล้วก็สอบกีตาร์เข้าประสานมิตร จนกระทั่งพอมาเจอพี่เต็น ธีรภัค เลิกเล่นเลย!! เพราะเขาเก่ง (หัวเราะ) และผมรู้สึกว่าตัวเองไปต่อไม่ได้เพราะด้วยตัวเองที่เล่นกีตาร์มางูๆ ปลาๆ พอเข้าระบบมหา’ลัยที่ต้องอ่านโน้ต พอเห็นแล้วก็คือไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง เลยหันไปเล่น Double Bass ละก็ไปเรียนอยู่ Thai Youth Orchestra เล่น Viola ก่อนแล้วก็ไปอยู่ในวงออเครสตร้าก็เลยเห็นว่าไปต่อได้ มันสามารถไปต่อเมืองนอกเรียนคลาสสิคเรียนอะไรได้ ก็เลยเล่น Viola พอถึงปี 3 รุ่นพี่เรียนเบส เขาเรียนจบ ผมก็ให้เขาสอนและไปเล่นแทน ปีท้ายๆ ผมหัดเล่นแจ๊ซก็เลยเอา Double Bass ไปเล่นตามโรงแรม ผมเล่นมาหมดแล้วนะ เล่นกับฟิลิปปินส์ เล่นกับฝรั่ง เล่นแจ๊ซ เล่นสวิง คือตอนนั้นมันมีน้อยมากครับ จนกระทั่งมาทำวง Pause พอมาทำ Pause มันเล่น Double Bass ไม่ได้ ก็เลยต้องไปเล่นเบสเล็ก ซึ่งพอคนเริ่มรู้จักเรา ก็เลยเล่นเบสเล็กก็ได้ (หัวเราะ) ซึ่งผมเริ่มเล่นเบสจริงๆ จังๆ ก็ตอนมหาลัยเลย แบบว่าเล่นทั้งวัน ก็ยังเชื่อว่าเราไม่ได้มีพรสวรรค์ต้องเล่นบ่อยๆ ก็จะชินไปเรื่อยๆ
การอ่านโน้ตกับนรเทพ
นรเทพ : เคยอ่าน แต่ไม่ชอบครับ อย่างกีตาร์ อ่านกุญแจซอล, วิโอลา โด อัลโต, เบส อ่านกุญแจฟา พอเรียนจบปั๊บอ่านไม่ออกสักอัน (หัวเราะ) ด้วยประเภทดนตรีที่เล่นมันไม่ได้อ่าน ผมไม่ได้เรียนคลาสสิคอะ ผมว่าโน้ตมันมีไว้บันทึกกันลืม แต่ถ้าเป็นแจ๊ซจะอิมโพรไวซ์มากกว่า เพลงเป็นเพลงป็อปเราก็มีเครื่องบันทึกเสียงแล้ว เลยไม่ได้อ่าน
นรเทพ The Guitar Hero
นรเทพ : ผมยังฟัง Yngwie, Nuno อยู่ทุกวัน (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่ไม่เจอตัวเองนะ ดนตรีที่ชอบ นักดนตรีที่อยากเป็น สิ่งที่เป็นได้ และสิ่งที่เขาชอบให้เราเป็น มันคนละเรื่องกัน ดนตรีที่ชอบผมก็ฟังเพลงหนัก Iron Maiden, Metallica, Yngwie, Skid Row ไอดอลเป็นพวกแนวนี้เลย แต่ว่าดันไปเล่นแจ๊ซ เรียนกับอ.อานนท์ ที่แกเสียชีวิตไปแล้ว เพราะฉะนั้นภาษาที่ใช้เป็นภาษาแจ๊ซ เพราะตัวเองหัดแบบนั้นมา Rhythmic ก็เลยติดสวิง ติดเล่น Ghost Note, Triplet ไปเล่น Latin ไป Funk ได้ง่ายแต่พื้นฐานตัวเองเล่นร็อค แต่สิ่งที่คนเขาจำเราได้คือเราเล่น เพลงป็อป ผมเล่นเพลงแบบ Pause อะไรแบบนี้ มันก็เลยไปคนละอย่างเลย แต่สุดท้ายผมชอบ TOTO (หัวเราะ)
เคยต่อต้านแจ๊ซบ้างไหม
นรเทพ : ไม่เลย ด้วยความอยากเก่ง อยากเป็นอันดับ 1 แล้วมันเปิดโลก เมื่อก่อนผมรู้สึกว่า Steve Vai มันต้องรู้เรื่องแจ๊ซดีแน่นอนแล้วคงต้องปรับมา ก็เลยไปเรียนดนตรีพอไปเจอทฤษฎีหลากหลายก็เหมือนเด็กเจอขนม โดดใส่เลย แล้วก็ไม่ได้คิดต่อต้านด้วย ก็คือเอามาใช้ในแบบของเราเป็นแจ๊ซก็เท่ดีนะ หรือ Jaco มันก็ดูนักดนตรีร็อคจะตาย ไว้ผมยาวเล่นเบสมีเสียงแตกด้วย (หัวเราะ) แต่ตอนแรกๆ ผมไม่ได้มีไอดอลสายแจ๊ซเลยนะ ไม่มีเลยครับ ผมเริ่มอ่านจาก Real Book แล้วคือมันไม่มีศิลปินต้นแบบให้ดู พอเรียนปั๊บ อ.บอกให้ไปดูที่ Brown Sugar ที่ Saxophone ให้ไปแจม หลายเพลงที่ผมเล่นไปโดยไม่รู้ต้นฉบับคือใคร Donna Lee มารู้ทีหลังต้นฉบับเป็นใครก็ต้องนานแล้ว Chicken กว่าจะรู้ว่า Jaco แต่งก็ท้ายๆ แล้ว ไม่เคยตามมือเบสสายนี้เลย ตอนหลังถึงมา เป็น Stanley Clarke, Nathan East จนหลังๆ พอฟังตัวเองเล่นเลยรู้ว่าผมเป็นมือเบส Funk
นรเทพ Jazz Bass
นรเทพ : ผมว่าเมืองไทยตอนนั้น คนเล่นมีน้อยมาก ผมเด็กที่สุด มันก็เลยพอมีน้อยทำให้ดูทั่วถึง มันเลยกลายเป็นมีงานมาถึงเรา เราได้งาน เราเล่นได้ มีพี่ๆ ที่รู้จักกัน พอทุกวันนี้น้องเยอะแยะผมไม่รู้คนฟังเยอะขึ้นตามหรือเปล่า มันเลยทำให้แย่งงานกันเองด้วย พอเรามาเป็นวง Pause แล้วก็เลยไม่ได้เล่นอีก ตอนนั้นที่ได้เล่นเยอะ ได้เล่นหลายที่ มันเป็นคอนเน็คชั่นด้วยครับ ผมไปเพราะนักดนตรีเขาเรียกอย่างมีมือเบสฟิลิปปินส์เขาเล่นอยู่ ร.ร.สุโขทัย แล้วเขาได้คอนแท็คที่อื่นเขาก็เลยบอก นอ! ยูมาแทนหน่อย ยังเหลือคอนแท็คอีกสามเดือน เราก็เลยไปเสียบแทนเขา เขาก็ไปที่อื่นทีนี้ก็มีคนมาดู ก็ติดต่อเราอีก เฮ้ย!! อาทิตย์ว่างไหม ไปเล่นที่ดุสิตธานีหน่อย เป็นบุฟเฟ่ต์ตอนเช้าก็เลยเอ้าๆ ไปๆ พอไปก็ไปเจอฝรั่ง ฝรั่งก็เฮ้ยขอเบอร์ยูเอาไว้หน่อยเผื่อมีอะไรจะได้ตาม ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้ แต่เงินไม่เยอะหรอกนะ
นรเทพ The Backup
นรเทพ : ตรงนี้ผมไม่ต้องปรับตัวเลยนะ มันเป็นข้อแม้ที่เขาจะต้องชอบที่เราเล่นก่อน อย่างโป้ เขาก็เอานอไป เป็นนอนี่แหละ เขาไม่ได้เอาเราเป็นอย่างอื่น และเราก็ทำไม่ได้ด้วย อย่างตอนไปเล่นทีโบน พี่กอล์ฟก็ให้เราเล่นในแบบที่เราเล่น แสดงว่าตัวเขาก็ยอมรับเราว่าเป็นแบบนั้น ผมแค่ปรับตัวให้เข้ากับวง สมมติผมคิดว่าว่าหัวใจผมเป็นสีเหลือง อยู่ทีโบนอาจจะเหลืองปนเขียวนิดๆ อยู่พอสคงเหลืองออกฟ้าๆ หน่อย เราคงเป็นดำเลยหรือแดงเลยไมได้ เราก็คงทำได้เท่านั้น ไม่ได้หลากหลายเหมือน Nathan East
นรเทพ Signature
นรเทพ : ผมดีใจนะที่มีคนฟังออก ผมตั้งใจทำ เขาบอกผมเวลาอัดไลน์เบส ไลน์เบสแกะง่าย เพราะมันจะเด้งออกมาเกินวง (หัวเราะ) วีนัส, กอดหมอน ไรงี้ แกะง่าย (หัวเราะ) แต่จะโดนด่าเรื่อง Ghost Note ไม่ต้องไปตามทุกอันหรอก บางทีก็สะบัดๆ ไปอย่างนั้นแหละ (หัวเราะ)
นรเทพ Sound
นรเทพ : ซาวด์ดีไม่ดี มันไมได้อยูที่เบส มันอยู่ที่มือกลองและวง ผมไมได้ทำอะไรเลย อย่างตอนผมไปเล่นกับทีโบนที่เกาะลันตา ทีโบนซาวด์ดีมากไม่ใช่เพราะนอเก่งเป็นเพราะพี่เล็กตีกลอง ผมแค่ปรับความดังให้แนบกับเขา เนื้อเสียงไม่ได้ปรับด้วย ปรับแค่ Level ความดังไม่ล้ำกระเดื่องให้อยู่กับเขาได้ ที่เหลือมันอยู่ที่การประสานคอร์ดมัน พี่เล็กบอกว่าต้องเล่นแบบเป็นคนฟัง ถ้าไมได้ยินอะไรต้องโทษว่ากูดังไปหรือเปล่า แล้วลองเงี่ยหูฟังคนอื่นไม่ใช่เร่งวอลลุ่มดัง อย่างสมมติผมอยู่ Crescendo นักดนตรีที่เก่งทำให้เราเล่นง่าย ผมไม่ต้องมาปรับหน้าตู้เพื่อพยามให้ซาวด์วงดี ซึ่งเบสไม่ใช่ลีดเดอร์เรื่องนี้เลย ลีดเดอร์เรื่องนี้มันเป็นทั้งทีม เหมือนประกวดดนตรี ถ้ามือกลองวงไหนเก่งก็แทบชนะแล้ว จริงๆ มันไม่อยู่ที่มือเบส มือเบสน่าจะเป็นอันดับท้ายๆ ด้วยซ้ำ อย่างเรื่องที่เขาคุยกันเรื่องซาวด์เบสบวม ผมเล่นมาผมไม่เคยมีใครบอกเรื่องนี้ คือเบสมันก็บวมอยู่แล้วป่าววะ แต่ถ้ามันไม่ดังจนล้นเกินไป เบสมันต้องเป็นตัวตลอดเลยหรอ สมมติฟังเพลง Sting งี้ ผมก็ไม่เห็นจะเป็นตัวตรงไหนเลย มันอยู่ที่คาแร็กเตอร์ของวิธีการเล่น โอเคคุณเล่นฟั้งกี้ Tower Of Power เบสก็ต้องเป็นตัวอยู่แล้ว แต่เพลงบางประเภทเบสมันไม่ต้องเป็นถึงขนาดนั้น
นรเทพ Freestyle
Raggae
นรเทพ : โยกไปแล้วแต่กรู๊ฟนะผมว่า ถ้าเน้นจริงผมว่าน่าจะเป็นพวกจังหวะมากกว่าครับ
Latin
นรเทพ : เล่นได้ครับ เพราะตอนเล่นแจ๊ซมันต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ Expert ถึงขั้นว่ารู้จริงอะไรมันต่างยังไง เพราะว่ามันแตกออกเยอะมาก ทั้งอเมริกัน คิวบัน อย่างคิวบันละตินมันฟังง่ายๆ ไม่มีกลองชุด ชื่อประหลาดๆ เช่น Salsa แต่อเมริกันละตินจะมี Samba 3 Cha ที่เราคุ้นเคย
Country
นรเทพ : ผมว่าสไตล์พวกนี้มันไม่ได้อยู่กับเบส น่าจะอยู่เพลงที่กีตาร์ เบสก็เดินดุ่มๆ โต๊ะ ปกติ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมชอบ Timothy B. Schmidt นะ มีทุกชุดเลยคันทรี่ย์ ผมว่าดนตรีมันจริงใจดี ไม่ยากเย็น ทั้งเนื้อหาวิธีการร้อง
Heavy
นรเทพ : โอ้โหอันนี้จนใจว่ะ (หัวเราะ) เอาจริงๆ กลายเป็นแนวดนตรีที่ไม่กล้าเล่นนะ คือถ้ามีวงให้เป็นเล่นเนี่ย คันท่งคันทรี่ผมยังกล้าเล่นนะ แต่ถ้าเป็นเฮฟวี่ผมไม่กล้า เพราะผมไม่รู้ว่าขึ้นไปแล้วอ่าว..ปรับเสียงก่อน อุ้มวงไหม ทฤษฎีกูที่ไม่ล้ำกลองใช้ได้ไหม ผมไม่รู้ด้วยต้องทำตัวไง ขึ้นไปถึงกูควรแอ๊คยังไงวะ ยืนถ่างขาก็…ดีเหรอวะ คือชอบฟังเฉยๆ เป็นแฟนเพลงแต่ไม่ได้เป็นนักดนตรีเฮฟวี่ ใส่เสื้อไปดูคอนเสิร์ตไรงี้ เอาจริงๆ ผมกลัวโดนด่าๆ มึงไม่ใช่ มึงมันไม่อิน แล้วมึงมาทำตลกไรงี้ กลัวโดนด่า เพราะคนที่ชอบจริงมันมี ไม่ต้องใครถามหรอก เอารุ่นเดียวกันอย่างต้น Dezember ก็บอกว่านอมึงทำไรของมึง (หัวเราะ) แต่ทำเป็นเล่นผมเคยเกือบมีโปรเจ็กต์กับต้น Dezember กับใหญ่ ฟาเรนไฮธ์นะ แต่ขาดคนสนับสนุนเลยพับโครงการไป (หัวเราะ)
มองวงการเพลงยังไงบ้าง
นรเทพ : ไอ้เรื่องเพลงมันจะมาไม่มาพูดยากกระแสโลกมันหมุนเร็ว ตอนนี้มันอาจเป็น BNK เดือนหน้าอีกสองสามเดือนอาจไม่ใช่ก็ได้ แต่ผมว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปไหนเลยคือ Theory Knowledge ทฤษฎีดนตรียังเป็นลักษณะเหมือนเดิม ทฤษฎีความสัมพันธ์ของกลุ่มคอร์ดยังเป็นเหมือนเดิม การไหลของเมโลดี้เป็นลักษณะเดิมไม่ได้แตกต่างจากเดิม มันไม่ได้มีทฤษฎีใหม่ๆ มีความรู้สึกว่าข้อดีในยุคปัจจุบันเครื่องไม้เครื่องมือทำให้คนมีความคิดสร้างสรรค์เปิดเผยไปสู่สาธารณชนได้ง่ายขึ้น ข้อดีของคนฟังคือมีแปลกๆให้เสพเยอะมากขึ้น ข้อเสียมันก็มีแต่บางมีมันก็เยอะไป กำลังรอดูอยู่ว่ามันจะเปลี่ยนยังไง ปัจจุบันนี้รายได้เรามาจาก Performance มันไม่ได้มาจาก Recoding ที่เราทำขาย กฎหมายลิขสิทธิ์ผมว่าอาจจะบางลงก็ได้ เพราะมันมีเพลงเยอะมากเกินไปจนใครจะคิดว่าเพลงไหนจะสำคัญกว่าเพลงไหน คนทุกคนแต่งเพลงได้ เพลงที่เขียนไปแล้วอาจจะลดความสำคัญลงแล้วก็ได้ แต่การ Performanceดนตรีสดๆ มันจะเป็นรายได้เข้ามาสู่เรา ผมว่า ณ ปัจจุบันมันเป็นตรงนั้น แต่อนาคตไม่รู้
การที่มี YouTube และ Social เด็กจะเล่นเป็นเร็วแต่หาสไตล์ตัวเองไม่เจอ
นรเทพ : ถูก ก็อย่างใน Instagram คนเก่งๆ เยอะมาก แล้วไงต่อ คนที่คล่องกว่า Steve Vai ก็เยอะแยะแล้วทำไมไม่มีแบบ Steve Vai ออกมาอีก ณ ปัจจุบันนี้ใครเล่นกีตาร์เก่งที่สุดในโลกมันตอบไม่ได้แล้ว มันหา Unique แบบ Eric Clapton ได้ยากมาก คนที่เก่งก็เก่งไปหมด แล้วไงอ่ะ มันไม่มี Eric Clapton, Kurt Cobain, Yngwie เขาไม่ได้มีเทคนิคเล่นเร็วอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของเขาสร้างงาน เขาเป็นตัวตน ทุกวันนี้มันน้อยลงมากลายเป็นแต่มีคนคล่องตัวเต็มไปหมดเลย
นักดนตรีอย่างเราจะแย่กันไหม จากเทรนด์ดนตรีตอนนี้ไม่ใช่ดนตรีสด
นรเทพ : วันนึงก็ต้องปรับตัวอะครับ ถ้าเกิดวันนึงมันแย่ จะสูญสลายก็ต้องเป็นแบบนั้น แต่ ณ ปัจจุบันมันยังไม่เป็นแบบนั้น คนยังต้องการดูดนตรีจริงๆ อยู่ ไม่แน่นะในที่สุดแล้วมันอาจจะกลับมาง่ายขึ้นก็ได้ เหมือนวงคันทรี่ย์ที่คนชอบฟัง ผมรู้สึกว่าบ้านเรา ดนตรีที่คนฟังเยอะสุดก็ยังเป็นลูกทุ่งอยู่ ก็จะเป็นอะไรเดิมๆ อยู่ที่ใครจะไปไหน ฉันก็ยังอยู่ที่เดิมอยู่ มันก็เป็นเรื่องดีนะ คนไทยก็ยังฟังลูกทุ่งอยู่
มุ่งหวังอะไรกับวงการดนตรีบ้าง
นรเทพ : ผมอยากมีเสถียรภาพเรื่องการเงิน ให้มันอยู่ได้ ด้วยอายุ มีเงินให้พ่อแม่ในเวลาเจ็บป่วยไม่ต้องไปพึ่งใคร เพราะผมอยู่ในจุดที่ทำมาหมดแล้ว ดนตรีที่ได้รับรางวัลก็ได้มาแล้ว ล้มลุกคลุกคลานไปแล้ว ประสบความสำเร็จ ถึงไม่มากแต่มันก็เรียกว่าจากเด็กคนนึงที่อยากออกอัลบั้มก็ได้ทำไปแล้ว ถ้าอยากทำอะไรอยู่ไหม มันพูดจริงนะมันน้อยลง แต่มีอย่างนี้ที่ทำแล้วยังสนุกอยู่คือจันทราบันเทิงศิลป์ เพราะมันตั้งยาก คนเยอะ แล้วก็คนฟังน้อย ผมก็ยังอยากอยู่วงการนี้ไปนานๆ มากกว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ฝากถึงจันทราบันเทิงศิลป์
นรเทพ : เป็นดนตรีที่ผมมั่นใจว่าเราทำเต็มที่แล้วเรามั่นใจว่าเราเอาดนตรีดีๆ มากฝาก เราไม่เคยโกหกวิชาชีพเราทำด้วยวิธีการของเราที่คิดว่าดนตรีดีๆ ออกไปสู่คนฟังเป็นเรื่องที่มีเกียรติมาก เพราะเพลงมันอยู่ไปตลอดถ้าเราทำไม่ดีวันหลังมันก็จะเป็นตัวฟ้องเรา ก็อยากจะเชิญชวนกันมาฟังกัน กับดนตรีแนวดนตรีสร้างสรรค์ใหม่ๆ นะครับลองฟังกันดู