Tattoo Colour เป็นวงดนตรีที่โลดแล่นในยุทธจักรดนตรีมาเกิน 10 ปีแล้ว วงดนตรีที่เป็นเพื่อนกันอย่างเหนียวแน่นวงนี้ผ่านร้อนผ่านหนาว มีเพลงที่ทั้งประสบความสำเร็จมาก และประสบความสำเร็จเบาๆ มากมาย คนที่เป็นหัวเรือใหญ่ของวง คนแต่งเพลง ทำเพลง มือกีตาร์ผู้สร้างแรงบันดาลใจอย่าง “รัฐ พิฆาตไพรี” ทุกวันนี้กลายเป็นคนดนตรีที่ทุกๆ คนไว้ใจ มีลายเซ็นในตัวงาน มีความสามารถในการสร้างงานหลากหลาย ชายผู้ที่มีความน่าสนใจอยู่เสมอคนนี้ ในวันนี้เขากำลังคิด อ่าน หรือทำอะไร มุมมองทางดนตรีในปัจจุบันของเขาเป็นแบบไหน นักดนตรีผู้เป็นกำลังสำคัญให้กับหลายๆ โปรเจ็กต์ ของทั้งวงตัวเองและคนอื่นๆ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้พูดคุยกับเขาแบบมีสาระสุดๆ และบางมุมก็อาจจะไม่มีบ้าง อย่างไรก็ตามคนดนตรีคุณภาพแบบนี้ ต้องมีเรื่องราวดีๆ ให้ทุกคนเก็บเกี่ยวเสมอ ไปพูดคุยกับเขากันดีกว่า
ฟีดแบ็คของอัลบั้มสัตว์จริง
รัฐ : ก็โอเคนะครับ ใช้ได้เลย ตอนนี้หลักๆ ก็มาลุยงานที่ Smallroom มาทำให้น้องอิมเมจ ทำเพลงเสร็จไปแล้วเพลงนึง ของอิมเมจมี 3 ทีมทำเพลง มีทีมพี่รุ่ง ทีมพี่เจ แล้วก็ทีมผม ซึ่งทีมผมมีผมทำคนเดียว (หัวเราะ) พี่รุ่งแกอยากให้น้องลองอะไรใหม่ๆ เลยลองแบ่งทีมกันทำ ก็เป็นงานที่ช่วงนี้ทำอยู่ครับ
อีกหนึ่งโครงการที่หลายๆ คน ได้เห็นกันอยู่ Good Hope Music Academy
รัฐ : หลักๆ ก็คือ “ตั๊ด” วิรชา ดาวฉาย เป็นคนเริ่มโดยติดต่อมาที่ บิว Lemon Soup (รังสรรค์ ปัญญาใจ) ซึ่งทำงานกับผมด้วยกันอยู่แล้ว พองานนี้เข้ามาทางบิวก็เหมือนเป็นงานของผมด้วย (หัวเราะ) ซึ่งกับตั๊ดเอง ก็รู้จักอยู่แล้ว งานนี้จะสนุกตรงที่มันเป็นงานประกวดที่ไม่ได้เป็นงานประกวด …ตามหลักก็คือหาคนที่ชนะมาให้โปรดิวเซอร์ทำเพลง แต่เป้าหมายจริงๆ เราอยากกระตุ้นให้ทุกคนทำเพลง เพราะว่าโครงการนี้เราอยากให้ความรู้มากกว่าการประกวด โปรดิวเซอร์ทั้ง 15 คน จะมาแนะนำในการทำเพลง ซึ่งคลิปในโครงการนี้ฟรีด้วย สามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่มีลิขสิทธิ์ เราอยากกระตุ้นให้คนทำเพลงส่งเข้ามา ไม่ได้ระบุ อายุ เพศ วัย ไม่จำกัดรูปแบบด้วย ได้หมดเลย แล้วจะมีทีมคัดกันอีกที ก็คือผม บิว และอ๊อฟ จาก Rat Records เป็นด่านแรกให้พวกคุณด่าว่า ไอ้พวกนี้นี่เองที่ทำให้เพลงกูไม่ผ่าน (หัวเราะ) สุดท้ายเราจะนำเพลง ที่เราเห็นว่าจะต่อยอดได้ ไปให้พี่ อ๊อฟ Big Ass ช่วยทำอีกที หลักในการคัดคือ เราชอบ เราเอาเลย (หัวเราะ) ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องมีแต่แนวเรานะ ได้ทุกแนว แล้วพวกเราจะมีไลฟ์ฟังกันเลย เปิดเผยสุดๆ ถ้าสมมติมีใครชอบก็เอาไปได้เลย เราไม่เอาอะไรทั้งสิ้น ก็จะมี 2 รอบ เอามา 20 เพลง เผยแพร่ แล้วก็สุดท้ายเราจะเหลือ 4 เพลง ที่จะทำโดยผม, โฟร์ 25 hours, แทน ลิปตา, เป้ วง Mild และพี่อ๊อฟ Big Ass เป็นคนคุมภาพรวมทั้งหมด ส่วนตัวอยากเห็นตัวมันๆ มีไฟ เก่งไม่เก่ง เพราะไม่เพราะ ไม่ใช่ประเด็น อยู่ที่มันหรือเปล่าสำหรับผมนะ คือเราอยากให้งานนี้ อย่างน้อยได้เจอศิลปินใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และก็ให้ความรู้ คือดูแค่ Master Class แล้วไม่ส่งก็ได้ และทำให้คนรู้จักชื่อ Good Hope เพื่อที่ปีต่อๆ ไปจะได้สนุกมากขึ้น มีอะไรทำได้มากขึ้น
ถามในส่วนงานโปรดิวเซอร์ของรัฐบ้าง ถ้าไม่นับที่ไม่ใช่งานของค่ายจะมีของใครบ้าง
รัฐ : ส่วนใหญ่ผมจะหนักไปทางทำให้คนที่รู้จักกันก่อน เช่นปีนี้ จะมีอย่าง พี่ลุลา, พี่ว่าน คือเอาจริงๆ ผมค่อนข้างทำงานกับคนที่รู้จักกันมากกว่า ผมไม่สามารถที่จะทำงานกับคนที่ไม่รู้จัก…. คือผมกลัวจะสื่อสารกันไม่สะดวกมากกว่า เขาเกรงใจเรา เราเกรงใจเขา แต่ก็ผมก็ยังอยากลองทำอะไรใหม่ๆ นะ คือการสื่อสารไม่ยากหรอก มันจะยากตอนเอางานมาทำ เพราะบางครั้งเราต้องคิดแทนไปเลย เช่น สงกรานต์ก็จะมีความเป็นร็อคติดดิน บ้านๆ แต่ไม่โลว์นะ เราจะใช้คำยังไงให้เหมาะ ซึ่งจะยากในส่วนเนื้อเพลงมากกว่า
ในส่วนการทำงานที่ต้องทำกับศิลปินที่มีความเป็นตัวเองสูง เช่น Greasy Café, สงกรานต์ ตรงนี้ยากง่ายขนาดไหนในการทำงานและการสื่อสาร
รัฐ : ไม่ยากนะครับ ด้วยความที่เราค่อนข้างสนิทกับทั้ง 2 คนนี้ แต่ก็จะมีนิดนึงที่ทำไปเขาอาจจะไม่ชอบ ซึ่งผมมักจะโน้มน้าวพวกเขาว่า อย่าแก้เลย (หัวเราะ) แต่ถ้าต้องแก้จริงๆ ก็แก้นะลองปรับกันก่อน ซึ่งถ้ามันถูกแก้เยอะ เขียนใหม่เลยง่ายกว่า ถ้าตัวเพลงถูกแก้มาเยอะเกินมันจะช้ำ ถ้าถึงขั้นนั้น ต้องเขียนใหม่ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
รัฐเองก็ได้ทำงานกับลุลาในเพลงล่าสุด “เราไม่รู้จักกัน”
รัฐ : เราเจอกับพี่ลุลา ตามงานต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งก็พอจะรู้จักกัน แล้วเขาก็สนใจทำงานร่วมกับเรา ก็เลยลองดู เขาก็ถามว่าอยากทำเพลงแบบไหนให้ ผมก็บอกว่าถนัดเพลงช้า ขอเป็นเพลงช้าก็แล้วกัน เขาก็เลยบอกว่างั้นเอาแบบที่ผู้หญิงสื่อสารให้กันและกัน เป็นแบบ Girl Power ซึ่งเราก็รู้จักแต่ Power Puff Girls (หัวเราะ) ผมก็คิดต่อไปว่าผู้หญิงจะมีเรื่องอะไรที่จะทำให้อัดอั้น เป็นเพลงสไตล์อกหัก แต่ก็ยังไม่รู้จะเขียนถึงเรื่องอะไร จนผมไปคิดถึงคำพูดของแม่ผม แม่ผมบอกว่าคนเวลาเป็นแฟนกันบางครั้งก็ลืมพ่อ ลืม แม่ รักกันแบบอยู่กัน 2 คน แต่พอเลิกกันก็กลายเป็นใครก็ไม่รู้ไปเลย ก็เลยได้เรื่องราวผู้หญิงไปชอบผู้ชาย คบกัน จนวันนึงพอเลิกกันก็ไม่รู้จักกูเลย (หัวเราะ) ก็เลยได้เป็นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่มากเพราะผมไม่ค่อยได้ทำงานกับผู้หญิง คือไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่า หรือเราเป็นคนหยาบคายนะ แต่เวลาสื่อสาร ผมจะมีความเกรงใจเวลาจะพูดกับเค้าตรงๆ ถ้าเขาเถียงกลับมาจะทำยังไง อันนี้ผมไม่ได้พูดถึงการทำงานกับพี่ลุลานะครับ แต่กับผู้ชายเวลาทะเลาะเถียงกันมันจบง่ายกว่า แต่กับผู้หญิงมันต้องแบบมีมากกว่าขึ้นไปอีกนิดนึง สำหรับผมนะ
การทำงานกับเพลงกระแสหลักแบบนี้ต้องปรับตัวมั้ย เพราะการทำเพลงก็ไม่ใช่แค่ลายเซ็นของเราอย่างเดียว
รัฐ : ก็ยากอยู่ครับ คือมันจะมีแบบเขาชอบนะ แต่…คืออะไรที่มาก่อนคำว่าแต่แสดงว่าไม่ใช่แล้ว (หัวเราะ) ซึ่งไอ้แต่ที่ว่าเนี่ยเราจะปรับยังไง ปรับแล้วก็ยังติดของเราอยู่ ก็ต้องพยายามไปหาข้อมูล อย่างเช่นไปหาเพลงเก่าๆ ที่เขาร้องมาดูว่าเขาใช้คำ ใช้ภาษายังไง แล้วจดไว้เลย ซึ่งเป็นวิธีการนึงที่ผมในการเอาตัวรอด (หัวเราะ)
งั้นถามวีธีการทำงาน ณ ปัจจุบัน สมมติ ต้องทำศิลปินเดี่ยว เริ่มจากศูนย์จะเริ่มจากอะไรก่อน
รัฐ : คุยก่อนเลยครับ เราต้องรู้จักว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ก็ไม่ต้องขนาดไปรู้ชีวิตเขามาก โอเค แนวดนตรีมันจะง่ายกว่า เนื้อร้องจะยากกว่า สมมติเราคุยเคลียร์แล้วว่าดนตรีจะเป็น ช้า เร็ว ใช้ซาวด์ประมาณนี้นะ พอมาถึงเรื่องเนื้อ เราก็ต้องดูว่าเขาอยากจะพูดเรื่องอะไร ประมาณไหน ก็ลองเขียนออกมาดูก่อน พยายามคิดแทนเขาไปก่อน รอบแรก รอบสอง มักจะไม่ค่อยได้ แต่พอเขาเห็นเขาจะเริ่มเผยสิ่งที่เขาคิดส่วนตัวออกมา เราจะเริ่มรู้แล้วว่าเขาชอบแบบนี้ ไม่ชอบแบบนี้ เราก็จะเอาแบบที่เขาชอบ พอเขียนเสร็จเราก็เอามาดูว่าที่เขียนไปเราชอบด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้ามันหยวนๆ กันได้ก็โอเค ถ้าไม่หยวนเราก็ขอใส่บางอย่างที่เราชอบลงไปด้วย
ถ้าเป็นวงล่ะ
รัฐ : คล้ายกันต้องคุยก่อน แต่ถ้าเป็นวง เรื่องของดนตรีจะมีผลมากกว่า อย่างเช่น เราจะทำให้ Tabasco เราก็จะทำเป็นโครงให้เสร็จ แล้วไปปล่อยให้เขาทำดนตรีมาสวม ก็เหมือนกันคือถ้าอันไหนหยวนๆ ได้ก็ปล่อยวง แต่ถ้าเรารู้สึกไม่โอเคก็ต้องของใส่ลงไปบ้าง
แต่ภาพที่น้องๆ บางกลุ่มจะยังมองรัฐในฐานะของมือกีตาร์ ที่เป็นแรงบันดาลใจของวงดนตรี เคยเฟลบ้างไหม เวลาที่เล่นเพลงเก่าๆ แล้วแบบมีหลุด มีแป๊ก หรือมีอารมณ์แบบ ทำไมเราไม่ซ้อมเลยวะ อะไรลักษณะนี้
รัฐ : หลุดเนี่ย ผมไม่เฟลครับ เพราะหลุดประจำอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่ถ้าจะเฟลคือทำไมเวลาขึ้นไปเล่นรู้สึกไม่สนุกเลย มีนะครับอารมณ์แบบนี้ เวลาผมเล่น ผมจะไม่เล่นตามเพลงเป๊ะๆ อยู่แล้ว แต่บางทีเราเติมนั่นนี่มากไป ก็พาลทำให้มันไม่สนุก เลยทำให้รู้ว่าเทคนิคแบบนี้ซ้อมมาไม่พอเราก็ต้องกลับไปดูใหม่ ช่วงที่ผ่านมาผมจะเน้นแบบแก้ไขตัวเองในส่วนที่ผิดพลาด หรือเล่นไม่ดี แต่ในปีนี้ผมตั้งเป้าว่าจะกลับมาซ้อมให้เล่นให้ดีขึ้น ผมจะรู้สึกไม่ดีเวลาตัวเองเล่นไม่ตรงจังหวะ คือถ้าเล่นตรง ผิดโน้ตก็ยังฟังดูดี แต่ถ้าไม่ตรงแล้วผิดมันจะฟังแย่มาก เพราะพวกผมใส่ Ear Monitor เวลาเล่นไม่ตรงเพื่อนๆ ก็จะรู้แล้ว แต่ผมจะไม่ได้ซีเรียสมากขนาดนั้นนะเวลาโดนเด็กๆ บอกว่าทำไมเล่นไม่เหมือน (หัวเราะ)
ยังตามดูพวกมือกีตาร์กันบ้างไหมครับ หรือไม่ได้ตามแล้ว
รัฐ : ไม่เยอะครับก็จะตามพวกคนเดิมๆ ที่ชอบ ไม่ค่อยมีฟิลนี้ เพราะผมมาสายทำเพลงแล้ว ณ ตอนนี้นะ (หัวเราะ)
Tattoo Colour เป็นกลุ่มเพื่อนๆ ที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ เรียน ลุยมาด้วยกัน แล้วรัฐก็เป็นหัวเรือใหญ่ในหลายๆ ส่วนของงาน การบาลานซ์ระหว่างเพื่อนกับคนทำงานยากง่ายขนาดไหน
รัฐ : ของผมไม่ยากนะ คือทั้ง 3 คนนี้จะเชื่อผมอยู่ประมาณนึง ไม่ใช่เชื่อทุกเรื่องนะ คือถ้ามีอะไรที่พวกนี้ไม่เชื่อ มันก็จะหาเหตุผลมา แต่พยายามจะให้เป็นการทะเลาะกันรุนแรง จะไม่แบบมึงเอางี้ กูเอาอย่างนี้ แตกหัก เราลาออกจากความเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆ บางทีผมก็ยอม บางทีเพื่อนก็ยอม เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ปัญหาในการทำงานของวงผมคือความรับผิดชอบส่วนตัวมากกว่า (หัวเราะ) คือมันสนิทกันจนแบบมันเตือนกันยาก (หัวเราะ) คือการให้เกียรติกันมันน้อยกว่าคนที่มาทำงานร่วมกัน จะมาอยู่ดีๆ มาเข้มใส่ พวกมันก็แบบมึงมาเข้มอะไร ไอ้สั…(หัวเราะ) คือจริงจังมันกลายเป็นตลก แต่เอาจริงๆ นะเราก็เคยตึงๆ กัน อย่างผมทะเลาะกับดิมบ่อย เวลาซ้อม คนหนึ่งจะเอาอย่าง ถ้ามันมากก็จะเบรก หรืออย่างใน Line เวลาพิมพ์ เราไม่รู้อารมณ์ไง อย่างเช่นผมเคย พิมพ์ยาวๆ ข้อ 1 ต้อง.. 2 ต้อง… พิมพ์ยาวๆ ไอ้ตง ตอบมาว่า “อือ” ผมไม่ชอบคำว่า “อือ” ไง ขึ้นเลย เลยพิมพ์กลับไป อือ พ่..มึ..ดิ ค…(หัวเราะ) ตงมันก็ขึ้นตาม แต่ก็จะมีดิมมาช่วยหยอด จัมพ์ มาช่วยอะไรแบบนี้ครับ มันก็จะสลับกันแบบนี้ครับ
รัฐเป็นคนสำคัญของ Smallroom การที่จะต้องรับมือกับคน รับผิดชอบงาน แล้วก็ต้องหาไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา แถมมีความคาดหวังด้วย ตรงนี้ทำให้เกิดความเครียดหรือกดดันบ้างไหม
รัฐ : ก็ถ้าพี่รุ่งกวักมือ ผมก็จะกลัวๆ หน่อย เอาแล้ว หาอะไรมาอีกเนี่ย (หัวเราะ) ผมจะเป็นประเภทต่อหน้าจะคุยได้เรื่อยๆ สบาย พอกลับไปบ้าน กดดัน (หัวเราะ) สำหรับผมเวลาคุยไอเดียกับคนอื่นมันมักจะได้สิ่งใหม่ แต่เวลาเป็นไอเดียงานตัวเองมันจะมีความกดดัน มันจะยากกว่า เอาจริงๆ บางทีผมก็อยากจะบอกว่าอย่าคาดหวังอะไรจากผมเลย (หัวเราะ) ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ผมมีวิธีง่ายๆ คือช่างแม่งไปเลย ดีที่สุด (หัวเราะ)
สมัยก่อนการทำงานเพลงคนเบื้องหลัง มักจะวิเคราะห์กันว่าเพลงจะมาไม่มา ปัจจุบันตอนนี้ยังคาดเดาได้อยู่หรือไม่ได้แล้ว
รัฐ : ผมว่ายังได้อยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันจะโดนมั้ย แล้วคนทำจะโดนจริงมั้ย เช่นยุคนี้ R&B มา ผมก็เคยคิดว่าถ้ามีคนจ้างให้เราทำ เราก็ทำนะ แต่ถ้าเป็นงานของวงเราเอง เราจะทำมั้ย บางทีทำไป อาจจะไม่ถึงก็ได้ แต่คนที่อยากทำจริงๆ ก็มี ซึ่งเป็นไปได้ที่จะดัง เพราะฉะนั้นยังทำได้ครับ ปัญหาคือใครจะทำ แล้วอยากทำแค่ไหนมากกว่า
ถ้ามองในฐานะโปรดิวเซอร์ คนทำเบื้องหลังอย่างเดียว ตอนนี้หวังรายได้ จากตรงไหนได้บ้าง หรือยังอยู่ได้ไหม
รัฐ : ยังได้อยู่ครับ แต่ต้องขยัน เช่นเราอาจจะได้ Budget มา 70,000 พอมาทำนักร้องเดี่ยว หาคนอัด เขียนเนื้อ ทำนอง หักไป หักมาเหลือไม่ถึงหมื่น หรือหมื่นกว่าๆ มันก็อาจจะไม่พอ ก็ต้องทำแบบนี้สัก 4-5 เพลง หรือไม่ก็หางานโฆษณา ซึ่งถ้าขยันผมว่ามันได้เรื่อยๆ แต่ต้องบอกนะว่าเดี๋ยวนี้ Budget เพลงลดลง แต่งานภาพมากขึ้น ผู้กำกับ MV รวยกว่า (หัวเราะ)
ตอนนี้เด็กใหม่ๆ สามารถทำงานได้เร็วและเก่งขึ้น แต่บางครั้งก็เหมือนกับหาความเป็นแนวทางเฉพาะตัวไม่เจอ เช่นเรื่อง Samp Sound บางทีก็หาจากแหล่งเดียวกัน ตามเทรนด์เหมือนกัน อันนี้มีความเห็นยังไงครับ
รัฐ : ก็เป็นไปได้ครับ เห็นด้วยไหม? …มันคงต้องว่าเป็นรายๆ ไป ต้องยอมรับว่าสมัยนี้มันหาง่ายจริงๆ ของฟรี คุณภาพดีๆ ก็เยอะ คนจ้างเลยลดค่าทำเพลงลง (หัวเราะ) แต่ถ้าคนไหนเก่งๆ มันก็รอด อย่าง The TOYS ซึ่งก็ต้องดูเป็นรายๆ ไป
กลัวสิ่งที่เราทำออกไปกลายเป็นตกเทรนด์บ้างไหม
รัฐ : กลัวครับ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง (หัวเราะ) แต่ผมว่าผมไม่ได้ขี้เกียจนะ ก็หาทำเพลงไปเรื่อยๆ ก็คงต้องมีทางรอดสักทางล่ะ (หัวเราะ) ผมก็จะไม่เป็นแค่มือกีตาร์ของวงๆ หนึ่ง เป็นนักแต่งเพลงแนวป็อปอย่างเดียว มีโอกาสทำเพลงโฆษณา เพลงลูกทุ่ง ผมก็อยากทำ ผมเชื่อว่ามันก็ต้องเจอทางใหม่ๆ บ้าง เผื่อเป็นไอเดียให้วงต่อไป อย่างเพลงโฆษณาช่วยวงเรามาเยอะ ในการต่อยอดไอเดีย
ตอนนี้ “รัฐ” ถือว่าทำงาน ในทุกสถานะของวงการ ก็ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีอะไรที่คิดว่ายังไม่ได้ทำอีกบ้าง
รัฐ : ทำ MV ครับ คงได้เห็นกันแล้วในเพลง “เนรมิตเอง” ซึ่งผมคิดว่าคงจะไม่ทำเองอีกแล้ว (หัวเราะ) คือเพลงนี้มันพูดถึงการที่เราเนรมิตความสุขขึ้นมาเอง ดังนั้นก็เลยไหนๆ ก็เนรมิต MV เองซะเลย (หัวเราะ) ก็ไปศึกษาเรื่องแสง สี เสียง เอาไปเสนอพี่รุ่ง พี่รุ่งก็โอเคให้ทำ และก็ได้ประสบการณ์ว่า “จะไม่ทำเองอีกแล้ว” (หัวเราะ)
ฝากข้อคิดถึงคนดนตรียุคใหม่
รัฐ : ใครที่ชอบเล่นดนตรี ชอบทำดนตรี จริงๆ แล้ววงผมอาจจะพอเป็นตัวอย่างของวงที่ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่แรก แต่เราชอบดนตรี เราเป็นเพื่อนกัน ช่วยกัน ไม่ใช่เราจะเก่งคนเดียว หรือว่ามีความคิดเป็นของตัวเองคนเดียวไม่ฟังเพื่อน หรือบางทีก็ไม่ได้แต่จะพึ่งเพื่อนอย่างเดียว หรือไม่ใช่รอคนให้โอกาสอย่างเดียว พวกผมอาจจะไม่เก่งมาก มีความถนัดคนละด้าน ก็ต้องใช้ร่วมกันในฐานะเป็นวง แต่ถ้าคุณมาคนเดียวต้องขยันไว้ก่อนครับ ไม่งั้นสู้ใครไม่ได้แน่ ต่อให้คุณเก่งมาแต่แรก แต่ขี้เกียจมันก็น่าเสียดาย ถ้าบางทีเบื่อ หรือเหนื่อย ก็ยังดีกว่าทำสิ่งที่ไม่ชอบ ให้คิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้ทำดนตรี ดนตรีมีความสุขทุกขั้นตอนในการทำ คุณโชคดีมากที่ได้ทำงานตรงนี้ จงขยันทำ แล้วผลมันจะต้องดีแน่ๆ ครับ