วงดนตรี ที่มีภาพแบบแนวป๊อป ธรรมดา แต่ฝีมือของนักดนตรี ไม่ธรรมดา ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ พวกเขายังยืนหยัดในแนวทางแห่งความไพเราะ และเปี่ยมด้วยรสนิยม มาโดยตลอด ตอนนี้กับการเดินทางในยุคใหม่ นักร้องคนใหม่ ซึ่งหลายคนน่าจะเริ่มคุ้นหน้า คุ้นตากับเฟ้นท์ กันมากขึ้น วันนี้เมื่อ Pause ได้ออกผลงานใหม่ เราเลยได้มีโอกาสพูดคุย ไม่ใช่แค่งานเพลงใหม่ แต่เป็นเรื่องที่หลายๆ คนสนใจอย่าง การแยกย้ายของ Crescendo และเรื่องราวเก่าๆ ที่จะทำให้พวกคุณคิดถึง บรรยากาศ ช่วงนั้น นี่คือเรื่องราวของพวกเค้า Pause
คนที่แสนธรรมดา
Pause : เพลงนี้ทำงานร่วมกับ ฟองเบียร์เหมือนเดิม เนื้อ ทำนอง ถ้าพูดถึงความรัก ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือการแอบรัก ใครสักคนนึง มันเป็นช่วงเวลาที่สีชมพูมากๆ ตัวดนตรีก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก เพราะพวกเราเองก็ทำอะไรได้ไม่ได้มากสักเท่าไร ยังคงเป็น Pause เหมือนเดิมแต่สิ่งที่เราสนใจก็คือ วงเรามีเพลงช้าเยอะ แต่ยังไม่มีเพลงเร็ว เวลาไปโชว์ต้องเอาเพลงช้ามาเพิ่ม บีท ก็เลยคิดว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงเร็ว มีจังหวะ เพิ่มเครื่องเป่าลงไป
Pause Feat. นะ Polycat และรายละเอียดภาคดนตรี
นอ : จริงๆ ผมก็ทาง Polycat สนิทกันมาก ตอนผมไปสอนที่ ม. พายัพ เพียว เป็นลูกศิษย์ในคลาส เป็นลูกศิษย์ที่สนิท ตอนที่เขาทำวง Polycat ก็มีการปรึกษากันอยู่ จนตอนเป็น Polycat ก็ยังมีการทักทายกันตามงาน พอมาถึงเพลงนี้ เราก็อยากได้แขกรับเชิญ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องร้องมาแล้ว ทุกคนจำได้ มีแนวทางชัดเจน ซึ่งเพื่อนๆ ที่มี เราเคยเรียกใช้หมดแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยมาคิดถึง Polycat ก็เลยชวน นะ มาร้อง ซึ่งเราก็แค่บอกไกด์ๆ เนื้อ ทำนองไป
เฟ้นท์ : แต่เพลงนี้ก็ร้องยากอยู่ครับ โชคดีได้พี่ หรั่ง ร็อคเครสตร้า มาช่วยดูให้ด้วย เพราะผมก็เรียนกับแกอยู่ เพลงนี้พี่ นะ จะร้องอัดมาก่อนแล้ว ก็เลยจะยากนิดนึง
เอ : เพลงนี้กีตาร์ได้เอฟเฟ็กต์ Electro Harmonix ที่ทำเป็นเสียงซินธ์ฯ ได้ก็เอามาใช้ เพราะตอนแรกที่เรียบเรียงในเดโม่ คนทำเขาใส่เข้ามา เราก็เลย เออ ทดลองใช้ดูดีกว่า อาจจะน่าสนใจ ส่วนท่อนโซโล่ที่ส่วนแปลกๆ ไม่มีอะไรมากครับ ใช้ Edit เอา (หัวเราะ)
นอ : เบสเพลงนี้ตอนเดโม่ ผมคิดว่าจะไม่เอานะ เพราะมันออกมาเป็น ดิสโก้ โบราณๆ หน่อย แต่พอเราเอามาทำจริงๆ เออ มันก็เข้าท่าดี เลยเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย
บอส : แต่ของผมเปลี่ยนเยอะ โดยปกติเวลาอัดผมจะคิดเสมอว่าซาวด์ต้องเหมือนที่เราเอาไปโชว์ ก็เลยจะใช้ ชุดกลองที่เราเล่นบ่อยๆ คราวนี้ สแนร์ที่ผมใช้ เวลาเล่นผมจะตีลงขอบ แล้ว เป็นเสียงแบบ High Tune นิดหน่อย หนังจะตึงๆ แต่มาเพลงนี้เราทดลองใช้จูนเสียงสแนร์ให้มันเป็น Low Tune ซึ่งพอทดลองแล้วทุกคนชอบ ก็เลยใช้ซาวด์นี้เลย ซึ่งมันเป็นผลต่อเนื่องไปถึงซาวด์รวมของวงเลย ทำให้ซาวด์รวมของวง ออกไปทางป๊อป 80’s ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
นอ : ปกติ ในส่วนของ บอส กับ เอ ผมจะไม่ยุ่งเลย จะปล่อยให้เขา 2 คนทำงานไป แล้วซาวด์กลอง ของ บอส ผมก็จะจำเสียงได้อยู่แล้ว แต่คราวนี้ พอ บอส บอกว่าจะเปลี่ยนซาวด์สแนร์อย่างที่บอก ไม่น่าเชื่อว่า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซาวด์เพลงรวมๆ มันเปลี่ยนไปเลย ผมมักจะเจอคำถามว่าเพลงนี้ Pause ตั้งใจทำให้เข้ากับ นะ หรือเปล่า ซึ่งตอบตรงนี้ได้เลยว่าไม่ใช่ แต่พอเราเปลี่ยนซาวด์กลอง มันทำให้ทุกซาวด์ ต้องเปลี่ยนตาม ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญมากๆ
MV กับครั้งแรก ของ Pause แบบ Full Costume
นอ : ในใจผมคิดนะ แต่งตามใจใส่เมื่อไรก็ได้ แต่อันนี้เขาจัดให้ ก็ต้องเอาสักหน่อย (หัวเราะ)
เอ : เพลงนี้ซาวด์รวมๆ ก็ออกมาทาง Retro หน่อยๆ ดังนั้นเราก็เลยต้องแต่งตัวให้เข้ากับภาพ
นอ : ทุกอย่างเกิดจากซาวด์กลอง ต้องโทษ บอสเลย (หัวเราะ)
บอส : ก็ไม่ถึงขนาดนั้น จริงๆ ผมว่าคนมิกซ์เองก็ตั้งใจให้ออกมาเป็นแบบนี้แหล่ะ ก็เลยออกมาเป็น 80’s หน่อย
Pause และ เพลง เร็ว
Pause : ความตั้งใจของเราก็คืออยากมีเพลงเร็ว เอาไว้โชว์ในลิสต์บ้าง เพราะ เพลงเร็วที่คนจำเราได้มากที่สุด คือเพลง กอดหมอน แล้วเพลงอื่นๆ จะเป็นเพลงช้าทั้งหมด ซึ่งเอาไปโชว์มันเนือยแน่ๆ เพลงนี้ก็เลยอยากให้เป็นแบบนั้น ส่วนเรื่องที่จะกลายเป็นว่าคนจะติดภาพ Pause ในสไตล์ Vintage หรือเปล่า สำหรับพวกเรา แฟนๆ จะจำภาพไหนก็ได้ทั้งนั้น ของให้จำได้ดีกว่าจำไม่ได้ เพราะพวกเราเองตั้งใจจะทำ Pause ในยุคใหม่ โดยที่มีมรดกจาก Pause ยุคเก่าอยู่แล้ว เราก็ต้องสร้างเทรนด์ใหม่ขึ้นมา จริงๆ ไปดูให้ดี วงเราเองก็เปลี่ยนแปลงมาตลอดตั้งแต่ชุดแรก เพราะฉะนั้นเราไม่ได้กังวลตรงนี้สักเท่าไร
ความพอใจ
นอ : จริงๆ ผมเลิกคิดเรื่องนี้มานานแล้วนะ ผมจะคิดแค่ว่าทุกคนอยากจะฟังแบบไหน เดี๋ยวเราทำให้ เพลงเวลาเราแต่งมาสักเพลง เราต้องอยู่กับมัน จนมันผูกพัน อย่างเช่นที่ว่าง ผมก็เล่นทุกวัน พอเล่นทุกวัน ผมก็เริ่มตอบไม่ได้แล้วว่า จริงๆ เราพอใจกับมันหรือเปล่า ซึ่งเพลงนี้ก็อาจจะเป็นเพลงที่ผมต้องเล่นไปจนจบวง Pause ก็ได้ ดังนั้นพอใจขนาดไหน คงตอบไม่ได้ แต่ชอบมันก็ต้องชอบแหล่ะ ก็ทำมาแล้ว (หัวเราะ)
เฟ้นท์ และ ชีวิตในวง Pause
เฟ้นท์ : ดีมากครับ
นอ : อันนี้ผมโยนให้บอสตอบ (หัวเราะ)
บอส : ตอบไม่ถูกเลย เฟ้นท์ มันก็อยู่มานานแล้วนะ ก็มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป และมีหลายอย่างที่มันไม่เปลี่ยนสักที (หัวเราะ) อย่างการรีแลกซ์ บนเวที โอเคตอนนี้มันก็ ทำได้ดีแหล่ะ แต่บางคำพูดเวลาอยู่ข้างบน หรือลงมาเวทีก็ยังเปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องช่วยดูๆ กัน
นอ : วง Pause เองตอนนี้ พวกเรายังไม่สมบูรณ์ครับ อยู่ระหว่างทาง ทั้งเราและเฟ้นท์เองก็ยังมีเรื่องต้องปรับ แต่แน่นอนความเป็นครอบครัวมีมากขึ้น เราเจอกันบ่อย ก็เริ่มใช้เวลาด้วยกันเยอะ
อัลบั้ม ของ Pause
นอ : ด้วยความที่ผมเป็นคนจากยุค อัลบั้ม ก็จะมีคนมาถามบ่อยว่า จะมีอัลบั้มไหม อันนี้ผมตอบไม่ได้ มันอยู่ที่หลายปัจจัย จะมีคนลงทุนหริอเปล่า ปัจจุบันเขาก็ปล่อยกันเป็นระบบ ซิงเกิล คนก็ไม่ได้สนเรื่องอัลบั้มแบบ Physical สักเท่าไรแล้ว เราอาจจะทำเป็น EP 3-5 เพลง ทำเป็น Limited อะไรไปก็ได้ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ที่เราฝ่ายเดียวทั้งหมด
การจากลา ของ Crescendo
นอ : มันหมดยุคของเรา มันวูบตามกระแส ผมลงโซเชียลไปว่า วงเราจะเลิก ทุกคนฮือฮา แต่วัน สองวันถัดมาทุกคนก็ลืม ผมลงไปว่าเราจะเลิกแล้วนะ จะติดต่อโชว์ตอนนี้ได้เลย ทุกคนฟูมฟาย แต่ก็ไม่มีใครติดต่อมา (หัวเราะ) มันมาถึงจุดที่ทุกคนเริ่มมีภาระมากขึ้น เก้ง ได้งานประจำ แชมป์มีลูกก็ต้องเล่นให้แสตมป์ ผมเอง บอส ก็ต้องมาทำ Pause ก็เลยตัดสินใจว่า หยุดดีกว่า ก็รู้สึกดีใจที่มีคนบอกทำนองว่า เสียดายวง แบบเราที่เป็นวงโชว์ฝีมือดนตรี ในวงการเพลงไทย ผมคงไม่สามารถบอกได้ ว่า เฮ้ย มารวม Crescendo กันใหม่ แล้วมันเกิดไม่สำเร็จขึ้นมาล่ะ ไม่มีรายได้ ใครจะรับผิดชอบชีวิตสมาชิก ถ้าเก้งต้องออกจากงาน ถ้าแชมป์ต้องเลิกจากการเล่นให้แสตมป์ ดังนั้นก็เลยคิดว่าหยุดดีกว่า ส่วนงานโชว์ของก็มีเรื่อยๆ ครับ เป็น ไซด์โปรเจ็กต์ที่ผมทำกับเพื่อนๆ ตอน ม.ศ.ว. ชื่อ จันทราบันเทิงศิลป์ ซึ่งงานพวกนี้อาจจะมีสมาชิกจาก Crescendo มาแจมๆ ได้ ขึ้นอยู่กับเวลา และงบครับ (หัวเราะ)
การจากลาของ Pause
นอ : อันนี้ผมตอบไม่ได้ เราก็อยากไปให้ได้ถึงที่สุด แต่องค์ประกอบธุรกิจดนตรีก็มี 3 อย่าง มีพวกเรา ผู้ลงทุน และตลาดคนฟัง ถ้ามี 3 อย่างนี้ก็ครบองค์ ซึ่งวงเราตอนนี้เป็นแบบนั้นอยู่ แต่ถ้าเกิดมีปัญหา อย่าง ไม่มีคนดู ไม่มีคนลงทุน หรือเราทะเลาะกันเอง ซึ่งก็ไม่แน่ (หัวเราะ) ก็คงต้องหยุด
ความคาดหวัง
นอ : ผมอยากให้เพลงนี้ส่งให้เฟ้นท์ มี Value ทางตลาดเยอะกว่าเดิม ผมคิดว่ามันจะช่วยได้มาก เพราะเขายังใหม่ ทั้งการโชว์ และ ภาพจำ ซึ่งถ้าตรงนี้ถูกผลักดันไปได้ ก็จะดีกับวงไปด้วย ซึ่งตรงนี้ผมคาดหวังพอสมควร แต่เรื่องยอด ดาวน์โหลด อะไรแบบนี้เลิกคิดไปแล้วครับ
Pause และการเดินทางผ่านเสียงเพลง
เพลงที่ทำนานที่สุด
Pause : ที่ว่างนี่คือเพลงที่พวกเราทำนานที่สุด 9 ชั่วโมงในห้องอัด โดยเฉพาะร้อง (หัวเราะ) เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่พวกเราอัดเสียงด้วย และด้วยความที่โจ้ มันมั่นใจ มันพูดเลย เพลงนี้ป๊อป ร็อค เพลงช้ากูแดกขาด (หัวเราะ) และด้วยความมั่นใจ มันก็เลยทำอะไรเปิ่นๆ เช่น ร้องอัดใกล้จะเสร็จ มันเต้น แล้วมีเหรียญในกระเป๋า มันก็มีเสียงเข้าไปกวน ซึ่งสมัยก่อนอัดมันจะ Edit ไม่ได้ ต้องเอาใหม่ หายใจผิดบ้าง ลมหมดบ้าง เป็นไงล่ะ เพลงถนัด ร้องไปสิ 9 ชั่วโมง (หัวเราะ)
เพลงที่เล่นแล้ว กันบ่อยๆ
นอ : เพลงยากๆ ส่วนยากๆ ผมไม่หลุดเลยนะ แต่พวก ยื้อ กอดหมอน หลุดประจำ มันหลุดเพราะเราเหม่อ อย่างมีงานนึงไปเล่น แล้วเขาก็ฉายสไลด์ภาพ โจ้ เราก็หันไปดู ว่าตอนนั้นเราทำอะไรบ้าง มือก็ไป อัตโนมัติ ดีไม่หลุด (หัวเราะ)
เอ : ที่ว่างก็ แป๊กบ่อยนะ ลืมตัดเล็บบ้างอะไรบ้าง (หัวเราะ)
บอส : ของผมจะเป็นเพลงใหม่ๆ ยุคนี้ บางทีลืมว่าเล่นอะไรลงไป (หัวเราะ) แบบมีจังหวะแบบนี้ด้วยเหรอ แต่สมัยก่อนจะมีเพลง อย่างความลับ ที่ต้องมอง หน้ากับ นอ ประจำ มันจะมีคนหลุด คนละที สองที ประจำ (หัวเราะ)
เฟ้นท์ : ของผมส่วนใหญ่ จะเป็นลืมเนื้อ
นอ : มีแบบหายไปท่อนนึงก็มีนะ โซโล่เสร็จ จบเลย (หัวเราะ)
เฟ้นท์ : ผมก็จะใช้วิธี อ่านปากคนดูเอา
เอ : แบบนี้ก็ได้เหรอวะ (หัวเราะ)
เพลงที่ไม่ค่อยได้เล่น
นอ : เพียบ พวกเพลงหน้า B แบบเล่นอัดทีเดียว แล้วไม่ได้เล่นอีกเลย อย่าง ยื้อ ตอน โจ้ อยู่นี่ไม่ได้เล่นเลยนะ แต่ที่เสียดายสุดก็คือ อัลบั้ม ชุดที่ 2 Evo And Nova ทั้งชุดเลย ผมมั่นใจมาก คนน่าจะชอบ แต่มันก็ไม่ใช่
เอ : ซึ่งมันทำให้เราเห็น ด้านดีอีกด้านนึงของ ระบบ ซิงเกิ้ลในสมัยนี้เลยนะครับ เราไม่ต้องเสียเพลงไป ผมมองมุมนี้เลย
ความป่วน ใน Evo & Nova
บอส : ตอนที่เราทำเพลง ชุด สอง กัน ตอนนั้น ผม กับ นอ ยังชอบ ฟังก์ กันอยู่ แต่พี่เอ นี่ เขาไปชอบพวกซินธ์ฯ แล้ว พอเอางานมารวมกัน เราก็พูดกันว่า มันจะออกมายังไงวะเนี่ย (หัวเราะ) คือ ถ้าอัลบั้มนี้ ไม่มีเพลง รักเธอที่สุดของหัวใจ มันจะไม่มีอะไรให้พูดถึงเลยนะ
นอ : มีเพลงนึง ผมเล่นเบสไป 6 ไลน์ อัดเสร็จก็ลืมนึกไปว่า เอ มันจะเล่นยังไงวะ
บอส : มีเพลงนึงในอัลบั้มนี้ชื่อ รีบ ผมไปกด ซินธ์ฯ เองด้วย ไม่ปรึกษาใครด้วยนะ ตอนอัด ไม่มีใครอยู่ วันนั้นอยู่กับ เอ ผมแอบใส่เลย (หัวเราะ)
นอ : กูรู้แล้วทำไมอัลบั้มนี้มันถึงเจ๊ง (หัวเราะ) นี่กูไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยนะ (หัวเราะ)
เอ : จากฟังก์ เพราะๆ กลายเป็น ฮาร์ดคอร์ ซินธ์ฯ ไป
นอ : แต่เอาจริงๆ พวกผมชอบอัลบั้มนี้มากนะ โจ้ ก็ ท๊อบฟอร์ม หลายเพลงดีมากเลย ซาวด์ ดีกว่าชุดแรกเยอะ เราทำคอนเซ็ปต์เป็น ฟังก์ อวกาศเลย แต่งตัวจัดเต็ม กะว่า โดนแน่ ปรากฎว่า วืด ปิดปรับปรุงกิจการทันที (หัวเราะ)
เอ : แลนด์ดิ้งลงโลกมนุษย์ด่วน (หัวเราะ)
โชว์ครั้งแรก ของ Pause
นอ : เราเล่นเพลง หมา เป็นเพลงแรกที่โชว์กันในนาม Pause เลย ผมโดดลงเวทีด้วยวันนั้น
เอ : เป็นงานรับน้อง พระนครเหนือ ถ้าจำไม่ผิด
อุปกรณ์
เอ : ผมใช้ Gibson 135 ใช้สาย Flat Wound แล้วก็ใช้ Kemper
นอ : ผมใช้ Sandberg เป็นเบสที่เบา เพราะช่วงหลังๆ ผม มีปัญหา ปวดไหล่
บอส : ผมใช้ Pearl Decade Series เป็น ไม้ Maple เสียงโอเค หนังกลองเป็นหนัง Coated เป็นหนังน้ำมัน จะด้านๆ สากหน่อย ชุดทองเหลืองเป็น Paiste
เฟ้นท์ : ผมใช้ไมค์ Sennheiser ครับ แต่หูฟังใช้ของ พี่ นอ (หัวเราะ)
ฝาก
Pause : ก็ติดตามพวกเราได้ทุก ช่องทาง โซเชี่ยลนะครับ ทั้งใน Page ของเรา Pause และ ฟังเพลงเราตาม Streaming ต่างๆ ได้ครับ