นักร้อง จอม เอนเตอร์เทนเนอร์ ระดับต้นๆ ของบ้านเรา ชื่อ ของ แสตมป์ อภิวัชร์ เป็นผู้ที่ทำให้เรามีความสุขกับโชว์ของเขาได้เสมอ ผู้ชายที่มีแต่รอยยิ้มให้เราเห็น ทำให้เราได้หัวเราะกับมุกตลก ที่เขาแสดงออกมา จนไปๆ มาๆ ก็ผ่านเวลามาร่วม 10 ปี แล้ว การเติบโต ขยับขยาย เป็นเรื่องปกติของศิลปินสักคน ในบทบาทใหม่ ในการทำงานที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และมีความรับผิดชอบมากกว่าเดิม วันนี้แสตมป์ยังคงเป็นศิลปิน แต่พ่วงด้วยเจ้าของค่ายเพลง คนทำเพลงให้กับศิลปินอย่าง เบิร์ด ธงไชย เขายังมีความสุขกับวงการหรือเปล่า ในมุมนึงเขาคือ คนที่มุมนึงมีความคิดมากอยู่พอสมควร วันนี้เขาจะเป็นอย่างไร คิดอะไรอยู่ เชิญมารับทราบ รับอ่านกันได้ ณ บัดนี้
เล่าถึงเพลงใหม่ ร้อยล้านวิว ให้เราฟังหน่อย
แสตมป์ : สงบเงียบเลยครับ (หัวเราะ) ก็มีคนชอบครับ ฟีดแบ็คโอเค แต่อย่างที่หลายคนทราบดี เพลงนี้เกือบ ออกมาชนกับพี่ เจ เพนกวิน วิลล่า ที่ใช้ชื่อเดียวกัน เอาจริงๆ ถ้าผมไม่คุยกับพี่เจ ชนแน่นอน ผมก็เลยให้พี่เจ ออกก่อน แล้วยังมีคาวบอย อีกที่จะออกเพลงชื่อนี้ คอนเซ็ปต์ใช้คำว่า ร้อยล้านวิว เหมือนกัน ซึ่งผมก็คุยกับพี่ เจ นะว่า ทำไมถึงซ้ำกัน แต่พี่ เจ บอกว่า มันไม่แปลกหรอก ยุคนี้ ก็ต้องใช้คำนี้แหล่ะ เลยซ้ำกันได้ ส่วนที่มาของชื่อเพลง ผมแค่อยากให้เวลาไปโชว์ อยากให้เขาประกาศว่า ศิลปิน เจ้าของเพลง ร้อยล้านวิว เท่านั้นเอง (หัวเราะ) ไม่ใช่ๆ คือที่มา มันเกิดจากที่ผมรุ้สึกว่าเวลา เราอกหัก เรามักจะหาอะไรทำ เช่นไปทะเล หาอะไรกิน แต่จากประสบการณ์ผมมองว่า มันช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก ผลสุดท้ายจะลืมเขาก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี ก็เป็นที่มาของคำว่า กี่ร้อยล้านวิว ก็ไม่อาจจะลบเธอให้หมดจากใจ ส่วนดนตรี ก็ได้คุณ Christopher Chu ทำให้ จะมีพิเศษ ก็ตรง โซโล่ที่เป็นประสาน ตรงนี้ผมอยากได้ฟิลแบบ มินิมอล หน่อย เหมือนเสียงซินธ์ฯ ของพวก The Chainsmokers แล้วก็ MV ที่ ตอนแรกจะให้น้อง นาย ณภัทร มาเล่นให้ ซึ่งเป็นอีกพล็อตเรื่องนึง ไม่ใช่แบบที่เห็นนะ แต่ปรากฎว่า น้อง นาย กำลังเล่นมิวสิค อีกตัวที่พล็อตเรื่อง เหมือนกับของผมเป๊ะเลย คือ มีน้อง นาย เดินทาง แล้วมีหน้าเฟซบุ๊ค อะไรแบบเนี้ย ก็เลยต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่หมด ออกมาเป็นอย่างที่ได้ดูกัน ซึ่งเพลงนี้จะปูไปสู่อัลบั้มภาษาไทยของผม เพลงนี้ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ซาวด์ใหม่ของผม
อัลบั้มใหม่
แสตมป์ : ต่อจาก Sci Fi อัลบั้มนี้จะเป็น Fantasy ครับ มีม้องฟ้า ดวงดาว เดี๋ยวเพลงหน้าจะชื่อ ภูเขา เป็นธีม แบบนี้ในอัลบั้มชุดนี้ ออกไปทางผจญภัย เหมือนพวก Final Fantasy ถ้าเป็นสีก็ออกไปทาง ม่วงๆ ฟ้าๆ ฟรุ้งฟริ้ง หน่อย อัลบั้ม Sci Fi จะออกทางฝรั่งๆ แต่อัลบั้มนี้จะเป็น เอเซียมากกว่า ซึ่งในปีนี้จะได้เห็นผมเยอะขึ้น
กับ STH อัลบั้ม ภาษาอังกฤษ อัลบั้มแรก
แสตมป์ : จริงๆ ตอนนั้นผมก็ตั้งใจมากนะ หานักดนตรี เรียนภาษาอังกฤษ อยากทำให้มันถึง ซึ่งมาฟังตอนนี้ผมก็ว่ายังขาดๆ อยู่ แต่ตอนที่ทำเสร็จวันนั้นคือ เต็มที่แล้ว คือทุ่มเทมาก ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน ที่ส่งผลต่อการทำเพลงไทย ในช่วงหลังๆ ของผมนะ ถ้าฟัง ร้อยล้านวิว กับ พริบตา จะมีกลิ่นของความเป็นอัลบั้มนี้อยู่ ซึ่งก็กำลังหาจุดพอดีอยู่
การทำงานกับ พี่เบิร์ด ธงไชย เป็นยังไงบ้าง
แสตมป์ : ผมคุยผ่านทาง พี่ อ๊อฟ Big Ass อย่างเดียวเลยนะ ไม่ได้เจอพี่เบิร์ดเลย ผมรู้ว่าจะต้องทำงานนี้โดยที่ พี่ อ๊อฟ มาบอกว่ามีงานพี่ เบิร์ด นะ ซึ่งพอผมได้รับ บรีฟมา ผมบอกตรงๆ เลย คิดไม่ออก (หัวเราะ) ก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไป จนคิดว่า เขาคงลืมเราไปแล้ว แต่สักพักพี่ อ๊อฟ แกก็มาทวงงานผม ผมเลยบอก พี่อ๊อฟ เลยว่า พี่ ผมคิดไม่ออก พี่จะให้ผมทำยังไงกับ พี่เบิร์ด พี่ก็บอกผมเลยแล้วกัน พี่ อ๊อฟ ก็บอกว่า เมื่อก่อนตอนที่แต่งเพลง น้ำตา พี่อ๊อฟ ชอบเพลงนี้ เลยบอกว่า งั้น ลองแต่งเพลงแบบที่ร้องเร็วๆ แบบนี้ให้พี่เบิร์ด อีกทีน่าจะดีแกทำได้ งั้นเราก็เลยทำเพลงที่เป็นอะคูสติก เนื้อเยอะ ร้องเร็วๆ เรเร็วๆ คราวนี้ก่อนทำเพลงนี้ ผมได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Your Name ซึ่งผมชอบคอนเซ็ปต์เรื่อง ดาวตก ในหนังเรื่องนี้ ประกอบกับพี่อ๊อฟ บอกว่า ใน อัลบั้ม มินิมาราธอน ทุกคนจะได้คอนเซ็ปต์ของตัวเอง ซึ่งของผมได้ สิ้นหวัง ปัญหาคือ ถ้าเป็นเพลงผมเองมันไม่ยาก แต่เป็นเพลง พี่เบิร์ด เราไม่เคยเห็นเพลง พี่เบิร์ด สิ้นหวังเลยนะ มันนึกไม่ออก เพลงเศร้าๆ ก็ยังไม่ใช่สิ้นหวัง พี่เบิร์ดไม่เคยสิ้นหวังให้เราเห็น ผมเลยได้ไอเดียก็คือ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เรามีความหวัง แต่เราสิ้นหวัง คนที่ขอพรกับดาวตก ผมว่ามันสิ้นหวังนะ ผมเรื่องผูกเรื่องความสิ้นหวังกับดาวตก เข้าด้วยกัน ผมเลยได้คอนเซ็ปต์ บอกพี่อ๊อฟว่า คนที่อธิษฐานขอดาวตก ตลอดชีวิต แต่ไม่เคยเห็นดาวตก ไม่เคยเงยหน้าเลย ซึ่งก็พี่อ๊อฟก็บอกว่า โอเค จึงสรุปได้ที่เรื่องดาวตก ร้องเร็วๆ สิ้นหวัง (หัวเราะ) ตอนแรกเพลงนี้ชื่อเพลงว่า ทุกครั้งที่ดาวตก แต่พี่เล็ก บุษบา แกท้วงมาบอกว่า ฟังดูไม่ค่อยดี เหมือนพี่ เบิร์ดเป็นดาวตก ซึ่งผมก็คิดว่า เออ ใช่ จนในที่สุด พอทุกอย่างเสร็จ ถ่ายเอ็มวีเรียบร้อย พี่อาร์ม (รัฐการ น้อยประสิทธิ์) White Music แกก็โทรมาบอกผมว่าใช้ชื่อเพลงว่า พริบตา แล้วกัน ซึ่งผมก็โอเคนะ เข้าใจง่ายด้วย ซึ่งผมได้เจอแกตอนที่ ถ่าย สกู๊ป ทำ MV ซึ่งผมประทับใจมาก ว่าพี่ เบิร์ด ทำการบ้านมาว่าแต่ละคนนิสัยเป็นยังไง จนกระทั่ง แกไปเที่ยว โอซาก้า แกไปซื้อ ตุ๊กตา ตลับไม้มาให้ทุกคนที่ร่วมงาน ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไร ผมได้รูปมาริโอ้ พอผมไปถาม นะ Polycat นะบอกว่า ของเค้าได้ ซามูไร คือ แต่ละคนจะได้ตุ๊กตาต่างกัน ซึ่งผมประทับใจเรื่องนี้มาก
ทำไมถึงไปญี่ปุ่น บ่อยๆ ถ้าถามตรงๆ ว่า ไปสร้าง คอนเน็คชั่นที่ ญี่ปุ่นหรือเปล่า
แสตมป์ : จริงๆ ไปเที่ยวเฉยๆ แต่ว่า พอมาถึงจุดๆ นึง ที่เราพอไปบ่อยมากเข้า ทำให้เราชอบเพลงญี่ปุ่น ก็เลยได้มีโอกาสได้ไปคลุกคลีกับวงการอินดี้ทางนั้น แล้วพอเราเริ่มมีเพื่อนเป็นนักดนตรี ก็เลยทำให้เรื่องง่ายขึ้น เราสามารถใช้วงที่นั่นได้ เราก็ไปทัวร์คนเดียวได้ ก็เลยทำให้ได้เล่นบ่อยๆ ที่เราหวังจริงๆ ก็คืออยากเล่นสนุกๆ เท่านั้นเอง เพราะบางงานหักค่าใช้จ่ายเราก็ขาดทุนนะ แต่ว่าในจุดนึงถ้ามันสามารถต่อยอดเป็น คอนเน็คชั่นได้ก็ดี แล้วพอเราได้เล่นกับวงญี่ปุ่นบ่อยๆ เราก็จะได้เก่งขึ้นด้วย จริงๆ ตอนไปเล่นที่ญี่ปุ่น คนดูที่นั่นเขาจะนิ่งๆ แต่ว่าสั่งให้เขาทำอะไรก็ทำตามนะ เขามาแบบตั้งใจมาเสพดนตรีมาก มีอยู่งานนึงผมเล่นเสร็จ ผมโดนเหมือนจะเป็นนักข่าว ผู้ใหญ่ที่นั่นตำหนิ เพราะเราจะติดเหมือนเล่นที่เมืองไทย คือบ้านเรา ต้องคุยกับคนดู ตามอีเวนทร์ ที่มีคนกินเหล้า กินเบียร์ เราก็ต้อง เอ็นเตอร์เทนทุกคนไม่งั้นเอาคนดูไม่อยู่ แต่กับที่นี่ผมโดนตำหนิว่า คุณติดเล่นมากเกินไป มันไม่ใช่ดนตรีแล้ว ซึ่งมันกลับกันเลยนะ ในบ้านเรา เราต้องเล่นเพื่อดึงลูกค้าให้มาซื้อของ ในอีเวนท์จ้างเราเล่น เหล้า เบียร์ หรือ สินค้าอะไรก็ตาม แต่ที่ญี่ปุ่น เขาซื้อบัตรมาดู แล้วมีเบียร์ 500 เยนเผื่อใครอยากกิน ซึ่งทำให้ผม อยากไปบ่อยขึ้นอีก
จากจุดนี้ทำให้ เป็นการจุดประกาย ในการทำ 123 Records ใช่หรือเปล่า
แสตมป์ : ใช่ครับ ผมอยากจะทำอะไรที่มากกว่าแต่งเพลง ร้องเพลง อยากดีไซน์โชว์ ทำอีเวนท์ คือผมเห็นที่ญี่ปุ่น เขาจะมีบางอีเวนท์ ที่จะมีวงอินดี้ มารวมกันเล่นเล็กๆ แต่มีทุกปี ซึ่งผมชอบโมเดลแบบนั้นมาก มันน่ารักดี ผมก็อยากทำ ผมอยากทำแบบนี้ในบ้านเรา แต่ตอนแรกๆ ที่ทำ 123 จริงๆ ผมก็ยังไม่ได้คิดจะลงมือทำเต็มตัวนะ แค่มีโมเดลนี้ไว้ในหัว เอาจริงๆ ก็คือ ตั้งค่ายมารองรับงานส่วนตัว จนหลังๆ ภรรยาผมคิดไปไกลกว่านั้น (หัวเราะ) ก็เลยเริ่มรับศิลปิน อย่าง M Yos กับ ปัง ซึ่งผมก็รู้จักมานานแล้ว อยากจะทำงานให้
จากจุดนี้ทำให้เรา ต้องแบกรับความฝัน ของคนอื่น มีกดดันมั้ย
แสตมป์ : นิดนึง ผมเองกว่าจะทำเป็นอาชีพก็ 4-5 ปี เราอยู่ในวงการจนรู้ว่าความเป็นจริงมันไม่เหมือนความฝัน ถ้ามันจะได้มันก็ได้ ถ้าไม่ได้ใครจะผลักมันก็ไม่ได้ เรารู้ความจริงข้อนี้ ผมอยากจะทำให้พวกเขาได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมา ผลลัพธ์มันเกินควบคุม แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ ให้พวกเค้า มีงานที่เขาชอบ และภูมิใจกับมันมากที่สุดก่อน ต้องทำให้มันสม่ำเสมอก่อน ซึ่งถ้าดูจากภาพลักษณ์ อาจจะมองว่าค่ายเราเป็นค่ายแบบ Single Song Writer แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ขนาดนั้น มันเป็นเทรนด์โลกมากกว่า ที่ศิลปินทำเดี่ยวมากขึ้น เราก็ไม่ปิดโอกาสใครที่จะมาร่วมงานกับเรานะครับ แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่มีแผนรับศิลปินใหม่ เพราะคนเราไม่พอ ต้องรอขยับขยายอีกสักหน่อย ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเจ้าของค่ายเพลง ญี่ปุ่น เขาบอกว่า เขาอยากเป็นค่ายเพลงที่เล็กที่สุดในโลก มันเท่มากนะ เราอยากเป็นอะไรแบบนั้น อยากเป็นอะไรที่ขยับชยายง่าย แต่งานเราเต็มที่ เราอยากให้เป็นแบบนี้ไปก่อน
การออกจาก Loveis
แสตมป์ : ผมมีภาพที่เราวาด ที่อยากจะทำ อย่างเช่นอัลบั้มเพลงสากล อยากไปเล่นต่างประเทศ การปั้นน้องๆ หรือการทำเพลงที่ต่างออกไป การทำเพลงตาม ครรลองผมว่า ผมมาสุดทางในระดับหนึ่งแล้ว มันคงไม่ป๊อปปูล่าร์ มากกว่านี้ด้วยวัยของผม ใช่ในสมัยนึงมันอาจจะได้ แต่พอเราทำมาถึงตรงนี้ เราจะต่อยอดไปยังไงได้ล่ะ ซึ่งเราไม่ได้ต่อต้านนะ แต่เรามีหลายๆ อย่างที่ฝันจะทำจริงๆ ก็เลยคิดว่าจะทำงานเองดีกว่า จริงๆ เรื่องนี้พูดยากมากนะ เพราะถ้าผมบอกว่าตอนนี้ผมรู้สึกดี ก็แสดงว่าก่อนหน้านี้ผมไม่แฮปปี้ แต่ถ้าผมบอกว่า รู้สึกไม่ดี อ้าวแล้วผมจะเปิดค่ายทำไม (หัวเราะ) แต่ไม่ได้ทะเลาะนะคุยกันได้
เป็นคนที่เหมือนจะไม่สบายใจที่อยู่เบื้องหน้า หรือเปล่า เพราะถึงจุดนึง ก็จะวกกลับมาเป็นคนเบื้องหลังอีก
แสตมป์ : มันมีจุดนึงที่ผมคิดแบบนี้ มันไม่สบายใจเพราะ เราไม่ได้เตรียมรับมือมัน ซึ่งตอนนี้ ผมสบายใจมากขึ้น ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกสนุกกับมัน มันมีแค่ช่วงเวลาเดียวที่ผมไม่สนุกกับมัน เพราะผมไม่พร้อม มันมีช่วงนึงที่เราวางตัวไม่เป็น เราไปคิดแทนคนอื่นเยอะ ซึ่งตอนนี้เราเรียนรู้แล้วว่า เราจะทำอะไร คนอื่นเขาก็จะคิดแบบที่เขาคิดนั่นแหล่ะ ตอนนี้ก็สบายๆ แล้ว
ศาสดา แห่งวงการไอดอล
แสตมป์ : พูดเรื่องอะไรอะ ผมไม่รู้ (หัวเราะ) ใครอะ ผมไม่รู้จัก (หัวเราะ) ผมมีกรุ๊ปแบบนี้ไว้คุยกันอยู่นะ ลองคิดดูว่า ผู้ชายอายุ 30 กว่าๆ มานั่งคุยเรื่องนี้กัน ผมไม่ได้มีเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ๆ แบบนี้มานมากแล้ว เป็นสัมพันธ์ที่สุดยอด มันเป็นอีกความลึกของความสัมพันธ์ มันสนุกดีน่ะ เรามีพรรคพวกที่พุดเรื่องนี้กัน ข้อมูลอะไรแบบนี้ ฟิลเหมือนคนเล่นพระ คุยกันน่ะ (หัวเราะ) ช่วงหลัง BNK48 พวกผมก็ไม่ได้พุดถึงกันแล้ว ตอนนี้ผมไปเลข 46 แล้ว อย่างพวก Nogizaka46 อะไรแบบนี้ครับ เห็นอย่างนี้ผมไม่ได้หนักสุดนะ ต้อง ติ๊ก Playground ขานั้นนี่ตกหลุมเลย (หัวเราะ)
แล้วไปสนใจได้ยังไง
แสตมป์ : ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเลยนะ เวลาไป Tower Records ที่ญี่ปุ่น เขาจะมีเซ็คชั่น ไอดอล ผมข้ามไปเลยนะ พอเริ่มมี BNK48 ผมว่าเฮ้ย เพลงเพราะว่ะ น่ารักว่ะ ก็เลยเริ่มถลำลึก จนไปถึง 46 กรุ๊ป ล่าสุดนี่ผมไปงาน Indy Idol Festival แบบมีวง Idol ที่ไม่ได้สังกัดค่ายไหน เหมือนงาน Cat เลย มีบูธจับมือ แล้วขายแผ่น วงการเฟื่องฟูมาก สนุกมาก มีแนวเพลงแปลกๆ เยอะมาก
สังเกตว่าช่วงหลัง สนิทกับพี่ อ๊อฟ Big Ass บ้าง ปั๊ป Potato บ้าง มีแบบชวนมาอยู่ด้วยกันมั้ย
แสตมป์ : ไม่มีหรอกครับ มีแต่ผลักใสไล่ส่ง (หัวเราะ) ผมไม่ได้คิดเลย ก็จะทำค่ายเรานี่แหล่ะ แม้จะเจ๊งก็จะทำ ไม่ว่าจะเล็กลง หรือใหญ่กว่านี้ผมก็ จะยังเดินหน้าต่อไป
เคยคิด ไปวงการอื่นไหมเช่น การแสดง เพราะเห็นช่วงหลังๆ ก็สนิทกับคนด้านนั้นอยู่พอสมควร
แสตมป์ : ไม่สนใจเลยครับ แต่ว่าตอน The Voice มีคนติดต่อไปเป็นพระเอกหนัง ผมยังงง มาได้ไง ผมปฏิเสธหมดเลย ตอนนั้น อ้วน (หัวเราะ) แต่ผมเคยไปรับเชิญ เรื่อง สลัมบอย ซอย ตื้ด เล่นเป็น พ่อ แจ๊ส ออกมาบทเดียว “พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก” พูดแค่นี้เลย ผมเทคตั้งชั่วโมงเลย น้าค่อม นั่งขำ ผมกระจุย ไม่ชินๆ ตอนนี้ที่อยากทำ คืออยากทำสกอร์ หนังทั้งเรื่อง แต่ทิศทางของผมก็คือ ค่ายเพลง แต่ผมจะไม่เลิกอยู่เบื้องหน้านะ ผมเคยคุยกับนะ Polycat ว่าจะออกอัลบั้มให้เท่ากับ พัชรา แวงวรรณ (หัวเราะ) ผมจะทำลายสถิติ เขาให้ได้
กลัวว่าจะตกยุค หรือเปล่า
แสตมป์ : ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเด็กยุคนี้เขาจะชอบคนในยุคของเขา ก็เป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องมีคนชอบในยุคของเรา แต่ถ้าเพลงของเราจะกลายเป็น เพลงคลาสสิค สำหรับพวกเขาผมก็โอเคนะ
กับเพลง ความคิด ที่ทำให้ เป็นแสตมป์ทุกวันนี้
แสตมป์ : ผมดีใจนะ ผมเคยคิดว่า พี่ ป๊อด แกร้องเพลง ก่อน มาไม่รู้กี่ร้อย รอบ แกจะไม่เบื่อบ้างเหรอ พอมาวันนี้ 10 ปี แล้วที่ผมยังร้องเพลง ความคิด อยู่ ผมก็เลยเข้าใจ ก็รู้สึกดีใจนะครับ
ฝาก
แสตมป์ : ก็ฝาก 123 Records ด้วยครับ จะเป็นยังไง ผมก็ไม่ทราบอนาคตได้ แต่ว่า เราก็เต็มที่กับทุกงาน ไม่มีเพลงไหนที่ปล่อยผ่าน แบบมั่วๆ อยากให้ลองฟังดูครับ