นี่คือหนุ่มฮ๊อตที่สุดอีกคนนึงในช่วงนี้
“แมกซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ”
กับบทเพลงที่มีชื่อเพลง ประหลาดๆ อย่างวันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า กลับกลายเป็นว่าจุดนี้ทำให้คนที่ติดตามดนตรี ได้รับรู้ความเป็นตัวตนของเค้า ได้รับรู้ถึงรสชาติความแปลกใหม่ของภาษา แนวคิดต่างๆ สุดท้ายก็ถูกแมกซ์ ลงโทษ จนติดเพลงนี้กันงอมแงม และทำให้รู้ว่าหมอนี่ มีความแยบยล
ในการคิด ในการแต่งเพลงมากขนาดไหน นี่คือบทสัมภาษณ์ ของชายที่มีความศรัทธา ในความเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ตนทำ และผลงานก็ออกมาเป็นผลสำเร็จในที่สุด ไม่ว่าคุณจะเรียกเขาว่า แมกซ์ เจนมานะ หรือ แมกซ์ เจน มาแล้วนะ หรือ แมกซ์ และ เจน และ มานะ หนุ่มนักคิดคนนี้ก็คือคนคนเดียวกัน ศิลปินผู้สร้างงานศิลปะ ผ่านเสียงกีตาร์ และดนตรีที่มีกลิ่น โฟลค์สมัยใหม่
นี่คือเรื่องราวของเขา
แมกซ์มีเพลงใหม่
แมกซ์ : วันนี้มีเพลงใหม่ชื่อว่า”เราจะไม่แพ้” เป็นเพลงที่ผมทำให้กับ โรงพยาบาลวัฒโนสถ (ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ) เป็นโปรเจ็กต์ที่ต่อเนื่อง มาจาก วันมะเร็งโลก ซึ่งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นวันมะเร็งโลก ผมเลยอยากทำเพลงที่ให้กำลังใจทั้งคนไข้และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง คือคำว่าเราจะไม่แพ้ ผมว่ามันฟังดูดีกว่า เราจะชนะ คือประโยคที่บอกว่า เราจะไม่แพ้ มันหมายความว่าเราขอแค่เราจะไม่แพ้กับสิ่งๆ นี้ และคำว่าเรา มันหมายถึงทุกคน พวกเราจะไม่แพ้ มันเป็นการพูดถึงชัยชนะในอีกแบบนึง ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง หรืออาการป่วยขั้นรุนแรงใดๆ ก็ตาม คือนอกจากจะต้องได้รับความร่วมมือจากคุณหมอ พยาบาล โรงพยาบาล คนไข้ ก็ต้องมีความร่วมมือจากครอบครัวด้วย มันต้องมีกำลังใจและความหวัง ต้องต่อสู้ด้วยกัน ผมเชื่อว่ามะเร็งแพ้ความสุข ในเพลงผมจะพูดถึงมะเร็งด้วย คำพูดที่อยู่ในเพลงเช่น ลุกลาม เติบโต เงาร้าย ผมจะไม่พูดตรงๆ เราสามารถ Apply เอาไปใช้ในเรื่องอื่นในชีวิตได้ ประเด็นคือเราต้องต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ด้วยกัน เราอยากใพ้เพลงนี้กับคนที่ต้องการกำลังใจจริง ดังนั้นเพลงจะเข้าใจง่าย และมีความฮึกเหิมในตัว
ทุกวันนี้ รู้สึกยังไงที่ใครๆ ก็อยากเดินเข้าป่า
แมกซ์ : ก็ดีใจที่เพลงมันทำงานไปแตะคนหมู่มากผมดีใจมากที่ เด็ก 2-3 ขวบก็เข้าใจได้ เพราะผมอยากให้มันเป็นนิทาน ทีนี้ตั้งแต่แรกที่ผมทำ EP ทำเพลงนี้ขึ้นมาก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันเป็นเพลงที่แปลก แต่ว่าผมเขียนท่อนฮุคนี้เร็วมาก และไม่คิดจะเปลี่ยนมันด้วย มันเป็นเพลงที่ตะล่อม ให้คนฟังจนจบถึงจะรู้เรื่อง วันนึงฉันเดินเข้าป่า แล้วยังไงต่อวะ มันก็จะมาพลิกตรงประโยคสุดท้าย ว่าแล้วจะได้กลับมารักกัน คือคนฟังจะรู้สึกว่าเพลงมันแปลก แล้วพอฟังไปรอบสองถึงจะเข้าใจ ผมพยายามทำให้เมโลดี้มันง่าย และเล่าด้วยเนื้อเพลงที่ไม่ค่อยมีสไตล์แบบนี้ อยากให้เป็นป็อป ก็ดีใจที่ตอนนี้มีสามช่าด้วย แปลงเนื้อเพลงผมเป็นของเล่นเลย (หัวเราะ) ก็ดีใจที่ทุกคนสนุกกับมัน ซึ่งผมชอบมากนะ ถ้าเพลงเป็นสามช่านี่โอเค เข้าถึงทุกกลุ่ม มันเป็นเนื้อหาที่เหมาะกับทุกคน ทุกคนอยากหนีจากความวุ่นวายอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าจังหวะที่เพลงทำงานค่อนข้างดี
แต่กว่าจะเพลงจะทำงาน ก็นานอยู่
แมกซ์ : มันเป็นสเต็ปของศิลปินอิสระ ซึ่งผมคำนวนแล้วว่าการที่เพลงจากค่ายอิสระ ไม่มี PR อะไรจะต้องใช้เวลา 6 เดือน ถึงจะถึงหูคนฟัง จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 6 เดือน พิสูจน์ อันนี้ผมจดสถิติไว้เลยนะ เพราะมันไม่ใช่เพลงจากค่ายใหญ๋ที่มาแล้วจะปังเลย ซึ่งผมว่ามันเป็นการพิสูจน์ด้วยตัวเพลงจริงๆ ว่ามันมีความหมายกับคนอื่นๆ มากขนาดไหน พอได้แสนวิวแรก ผมฉลองกับที่บ้านเลยนะ หลังจากนั้นช่างมันเถอะ เท่าไรก็ได้ บางทีผมก็ปั่นวิวนะ ประมาณ 40 ล้านวิว (หัวเราะ)
จำวันแรกที่จะเดินเข้าป่าได้ไหม ครั้งแรกที่ทำมีอะไรดลใจ ให้ทิศทางเนื้อร้อง และดนตรีมาในรูปแบบนี้
แมกซ์ : ตอนแรกผมมีริฟฟ์กีตาร์ที่ทำว่าจะใช้ในเพลงนี้อยู่แล้ว ผมเคยเอาไปขายพี่เป้ อารักษ์ พี่เขาไม่เอา (หัวเราะ) คือส่งให้แกเล่นๆ จังหวะพอดีแกจะเปลี่ยนมาเล่นไฟฟ้า เพลงนี้เลยไม่ใช่ทางแกสักเท่าไหร่ เพลงนี้มันเกิดจาก 2 เพลง รวมกัน คือท่อนริฟฟ์กับเนื้อร้องที่เป็นโครงของเพลงนี้ กับเพลงสองมิติมารวมกัน แล้วมาเรียงคำพูดใหม่ จริงๆ เนื้อหามันก็แอบแต่งยาก เพราะผมพูดเรื่องการที่ผมเกลียดคน เป็นเรื่องจริง มันเลยอาจจะมีพลังบางอย่างที่ทำให้บางคนมันเข้าไปไปยิง…. ไม่เอาดีกว่า ไม่พาดพิง (หัวเราะ)
กับเพลงไวน์
แมกซ์ : เพลงนี้ผมปล่อยก่อน เข้าป่าอีก แต่เพลงมันก็มาเรื่อยๆ เอาจริงๆ เพลงใน EP ที่ผมทำมันเรียงตามเรื่องราวตามสีต่างๆ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงแรก เป็นเพลงที่ผมจมกับมันมา 2 ปี แล้วสุดท้ายก็แก้มันใหม่หมด เนื้อหามันเกี่ยวกับคนที่ยอมผิดหวังบางอย่าง แต่ก็ยอมเจ็บ จึงเป็นเพลงแรก เพลงที่สองคือหนีเข้าป่า เพลงที่สามคือเราเข้าใจในเพลงชื่อดารา คือผมไล่ลำดับจากมืดไปจนสว่าง ไล่ตามสี เป็นคอนเซ็ปต์ ซึ่งคนที่ฟังอัลบั้ม ซื้ออัลบั้ม เท่านั้นถึงจะเข้าใจ ว่าทำไมต้องเรียงตามสี ว่าทำไมต้องเดินเข้าป่า แล้วเรื่องราวจะจบยังไง ส่วนถ้ามองเป็นเพลงว่าเพลงไหนจะเป็นกระแส เพลงไหนจะมา ไม่มา ผมก็ไม่ค่อยได้สนเรื่องนี้เท่าไหร่
กับเพลง ปีศาจ
แมกซ์ : เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมรักและซื่อสัตย์กับมันมากที่สุด มันเป็นเพลงที่ส่วนตัวมาก เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความซึมเศร้า เกลียดตัวเอง ซึ่งผมเป็นแบบนี้อยู่ อยากให้คนที่เป็นคล้ายๆ กันเขารู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ผมแต่งเพลงนี้เพื่อเยียวยาตัวเอง ผมอยากแต่งให้ใครหลายๆ คนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ลองฟังดู บางคนที่เป็นแบบนี้อาจจะมองว่าตัวเองไม่มีค่า เป็นคนเลว จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ บางทีเราต้องยอมรับที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับ ปีศาจในตัวเราเองได้ ซื่อสัตย์กับตัวเอง ยอมรับปีศาจในตัวเอง คือมันเกี่ยวกับเรื่องโรคซึมเศร้านี่แหละ บางคนก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจก็ต้องให้ความรู้กันต่อไป ตอนนี้ก็คงได้ดู MV กันแล้วนะครับ ซึ่งเพลงนี้ผมเรียกว่าอัลเตอร์เนทีฟ โฟลค์
มีความรู้สึกแปลกใจบ้างไหม ที่อยู่ๆ ก็มีคนชอบเพลงเรามากมาย
แมกซ์ : ผมเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ต้นนี้ เพียงแต่มันโตเร็วมาก ผมเห็นทุกกระบวนการ เห็นทุกคอมเมนต์ที่มันเปลี่ยนไป จากคนกลุ่มเล็กๆ เป็นกลุ่มใหญ่ๆ จากพูดเรื่องเพลงไปพูดเรื่องอื่น (หัวเราะ) มันทำให้มุมมองของผมเกี่ยวกับวงการเพลง วงการดนตรี มันกว้างขึ้น หลายๆ เพลงในอัลบั้มนี้มันสอนหลายอย่าง บางทีมันไม่ใช่แค่ดนตรี แต่มันอาจจะเกี่ยวกับข้อความที่ผมจะสื่อ แล้วก็โชคดีที่มันกว้างพอที่จะใช้ได้กับทุกเรื่อง EP นี้ตั้งแต่ผมเริ่มทำมันก็คือการเปลี่ยนชีวิตผมแล้ว หลังจากนั้นมันก็คือการเก็บเกี่ยวผลไม้ ที่เราหว่านไว้
นอกจากเรื่องเพลงแล้ว ก็ได้มีภรรยาเต็มโซเชียลไปหมด
แมกซ์ : มีสามีก็ได้นะครับ ผมรับได้เช่นกัน (หัวเราะ) ก็ดีใจนะครับ เพราะผมให้เพลงนำ แล้ว MV ก็ไม่ได้เห็นหน้าผมชัด มันก็อาจจะเป็นจังหวะที่แปลก คนไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร จนกระทั่งไปทัวร์ คนก็เริ่มคุ้นๆ ว่าไอ้นี่มันประกวด The Voice นี่หว่า ซึ่งผมก็ไม่เคยบอกเลยว่าผมเป็น The Voice เพราะมันผ่านมานานแล้ว ตอนหลังก็เริ่มมีคนเรียกหลายแบบแม็กซ์ เจน ก็มี ซึ่งผมอยากจะบอกว่าผมเป็นวงดนตรีสามคนนะครับ คือ แมกซ์ เจน และมานะ (หัวเราะ) แต่ยังไงผมก็ดีใจ ที่ทุกคนรู้จักผมจากเพลงก่อน แล้วก็มารู้จักหน้าตา ทัศนคติผม แล้วก็ไม่ได้แบบฉูดฉาดมากไปจนทำให้ผมตกใจ และทำให้ผมสลัดนามสกุล The Voice ออกได้ด้วย (หัวเราะ)
คนที่ร่วมงานกับแมกซ์
แมกซ์ : คนนึงที่ผมต้องบอกเลยว่าช่วยผมเยอะก็คือโปรดิวเซอร์ผม พี่เหวิน เรืองกิจ ยงปิยะกุล เขาเป็นโปรดิวเซอร์ทำงานในแกรมมี่มานาน แล้วก็ทำให้ Chandelier Music แกค่อนข้าง Low Profile มากไม่รู้ทำไม แต่แกเป็นไอดอลผมในการใช้ชีวิต ผมไม่ได้แกผมแย่เลยนะ ผมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามแก เพราะผมเชื่อว่าแกนำผมไปได้ แกจะคอยไกด์ให้ผมว่าต้องทำอะไร ปรับปรุงเรื่องอะไร
ความกดดันในความคาดหวัง ในการทำผลงาน ต่อจากนี้ เพราะ EP นี้ไปๆ มาๆ ได้ทั้ง ความฮิต และคำชมในเนื้องานด้วย
แมกซ์ : กดดันนะครับ จริงๆ เพราะผมปล่อยหมดก๊อกแล้ว ผมพูดเรื่องใหญ่ๆ ในชีวิตผมไปหมดแล้ว มี 20 เพลง แต่ตัดมา 5 เรื่องใหญ่ๆ ที่ผมอยากจะพูด ลงมาใน EP นี้ทั้งหมด ซึ่งเพลงที่ผมพูดนี่ จะต้องมีคนร้อนตัวแน่ๆ หรืออาจจะมีคนมั่วซั่วคิดว่าเป็นตัวเอง (หัวเราะ) เพราะมันเป็นประเด็นหลักๆ ในชีวิตผมช่วงนั้น ตอนนี้เลยต้องเก็บข้อมูลใหม่แล้ว ถึงมันกดดันแต่มันก็ท้าทาย ผมรักดนตรีมาก ผมรู้ว่ามันจะต้องพาผมไปที่ไหนสักที่นึง EP นี้มันแค่เริ่ม แต่ผมต้องไปต่อ ตอนแรกวางไว้สักเดือน 6 เดือน 7 ก็จะเข้าสตูดิโอ แต่ตอนนื้คงไม่ได้แล้ว คงต้องเขียนเพลงระหว่างทัวร์ พอจบทัวร์ สัก 2-3 อาทิตย์ก็คงต้องหาเวลาว่างๆ จริงจังแล้ว
ก้าวต่อไปของแมกซ์ จะไปอยู่กับค่ายเพลงหรือจะอยู่อิสระไปยาวๆ
แมกซ์ : ผมว่าพองานเราชัด ผมเชื่ออย่างนึงว่างานของศิลปินนั้นๆ ต้องชัดก่อน ถ้าคุณไม่รู้ตัวเอง แล้วไปอยู่ค่าย ผมว่าคุณก็ไม่แฮปปี้ ค่ายก็ไม่แฮปปี้ ไม่มีใครแฮปปี้ แต่ผมเชื่อในอีกโมเดลนึง คือโมเดลที่ผมทำงานมันสามารถเป็นตัวอย่างให้ใครหลายๆ คนเห็นได้ว่าคุณก็ทำได้ (หัวเราะ) โมเดลนี้คือการใช้ความเชื่อล้วนๆ เราใช้เพลงนำ เราไม่ได้มีงบเยอะ ไม่ได้มีงบพีอาร์ ไม่ได้มีงบทำ MV ซี่งความลำบากคือต้องหาตัวเองหนักมาก ซึ่งผมก็ผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ถ้าเอาจริงๆ ผมก็มีสังกัด ผมอยู่กับกลุ่มบุคคล ที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของงาน คือ LOF ซึ่งคำนี้มันมาจากคำว่า Leap Of Faith ผมเชื่อในคำนี้มาก ในช่วงที่ผมหลังชนฝา ผมไม่มีอะไรเหลือ สิ่งที่ผมทำได้ก็คือต้องกระโดดด้วยความเชื่อสุดตัว ไม่งั้นผมจะกลายเป็นหมาทันที ถ้าผมไม่ทำเพลง ดังนั้นถ้าทุกคนซื่อสัตย์กับตัวเอง มีความเชื่อผมว่าก็ทำได้ แต่ต้องทำงานหนักหน่อย LOF กลุ่มบุคคลนี้มันเป็นโมเดล เป็นเหมือนฮีโร่ใส่หน้ากาก เหมือนแบทแมน ถ้าใครจะยืมหน้ากากนี้ ยืมโมเดลนี้ไปใช้ก็ทำได้
ถ้าวันนึงแมกซ์เดินเข้าจตุจักร
แมกซ์ : ผมว่าผมจะซื้อต้นไม้ไปปลูกสัก 2-3 ต้น เลี้ยงดูให้ออกเป็นดอกไม้ ผมชอบดูดอกไม้ แต่ผมไม่ได้มีงานอดิเรกในการปลูกต้นไม้นะ แต่เห็นพี่ถามก็ตอบ (หัวเราะ)
ถ้าวันนึงแมกซ์เดินเข้ามินิมาร์ท
แมกซ์ : 18+ได้ไหม (หัวเราะ) ก็ถ้ามี The Guitar Mag ผมก็จะซื้อครับ (หัวเราะ) มี Tab เพลง วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ของผมลงด้วยเจ๋งมาก (หัวเราะ)
ถ้าวันนึงแมกซ์เดินเข้าร้านอาหารตามสั่ง
แมกซ์ : ข้าวราด รวมมิตร พริกเผา ไข่เจียว
ถ้าวันนึงแมกซ์เดินเข้าร้านเกมส์
แมกซ์ : ผมเป็นคนไม่เล่นเกมส์อะดิ ผมก็คงไปยืนเป็นเพื่อน ของเพื่อนผมอีกที
ถ้าวันนึงแมกซ์เดินเข้าไปร้านแผ่นเสียง
แมกซ์ : ผมก็คงโกยเลยล่ะครับ ผมสะสมแผ่นเสียง และมีแผ่นนึงที่ผมอยากจะนำเสนอก็คือ Let There Be Light EP ครับ (หัวเราะ) ผมทำแผ่นเสียงกับพี่ฟั่น ก็ทำแผ่นเสียง EP อัลบั้มนี้ออกมา ตอนนี้ได้คิวทำที่เยอรมันแล้ว อาร์ตเวิร์ค เป็นสีแดงสวยมาก จริงๆ เพลงที่ผมทำใน EP นี้ ถูกออกแบบ มาเพื่อทำแผ่นเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นซาวด์จะซีเรียสพอสมควร พอเอามาทำ Remaster เป็นแผ่นเสียงแล้ว จะมีมิติมาก
กีตาร์ที่แมกซ์ใช้
แมกซ์ : ตอนนี้กีตาร์ผมพังไปแล้ว ผมใช้ Martin แล้วมันพัง ซึ่งผมก็ยืมกีตาร์ พี่ โอ ปวีร์ มาใช้อยู่ ผมเล่นกีตาร์โปร่งอย่างเดียว ก็อยากได้ Martin เหมือนเดิม
ฝากผลงาน
แมกซ์ : ก็ฝาก EP Let There Be Light ด้วยนะครับ เป็น EP ที่ผมตั้งใจทำมาก น่าจะมีคุณค่ากับใครหลายคน และติดตามผมได้ทางทุกโซเชี่ยลนะครับ และฝากเพลง “เราจะไม่แพ้” ด้วยนะครับ